ตอนที่ 3152 เมืองหลวงอาณาจักรสมโภชเกิดคลื่นลม
แดนเทพมากเร้น โลกทมิฬ
จันทร์เพ็ญสีแดงฉานสิบดวงลอยอยู่เหนือเวิ้งฟ้า พรมละอองแสงสีแดงสดหนืดข้นดุจสายน้ำลงมา
ฟ้าดินแดงหม่น บนต้นไม้โบราณสีดำทั้งต้นต้นหนึ่งมีเด็กสาวชุดดำนั่งอยู่ที่ยอดไม้ ขาเรียวเกลี้ยงเกลาทั้งสองแกว่งไปในอากาศ เท้าขาวกระจ่างละเอียดลออมีประกายแสงจางๆ
ผมขาวดุจหิมะของนางทิ้งตัวลง ดวงหน้ามีความงดงามเย้ายวนเป็นที่สุด ดวงตาคล้ายทับทิมทั้งสองข้างเจือแววเย็นชา
ละอองแสงที่จันทร์เพ็ญแดงฉานสิบดวงพรมลงมาต่างโถมเข้าหาเด็กสาวชุดดำคล้ายถูกดึงดูด เพิ่มกลิ่นอายลึกลับน่ากลัวให้กับเงาร่างอ้อนแอ้นของนาง
“คุณหนู จอมมรรคชะตาสวรรค์ภาคีหรดีชิงหยางจื่อเพิ่งส่งข่าวมา ว่าตอนนี้ชายชื่อหลินสวินคนนั้นปรากฏตัวในอาณาจักรสมโภชของโลกแปรปุถุชนแล้ว”
ทันใดนั้นสายลมอึมครึมเย็นเยียบระลอกหนึ่งซัดขึ้นกลางฟ้าดินแดงฉานเย็นเยียบแห่งนี้ ก็เห็นวานรเฒ่าที่สะพายกระบี่คู่ไว้บนหลัง เงาร่างสูงใหญ่ดุจภูเขาปรากฏตัวกลางอากาศ ค้อมตัวเอ่ยปาก
บนต้นไม้โบราณสีดำ เด็กสาวชุดดำแววตาเปล่งประกาย เอ่ยว่า “ในที่สุดเขาก็มาแล้ว บรรพจารย์วานร ชิงหยางจื่อมีความเคลื่อนไหวไหม”
วานรเฒ่าที่แบกกระบี่คู่ไว้บนหลังยังคงน้อมตัวพูดว่า “ชิงหยางจื่อสั่งให้ทูตชะตาสวรรค์ที่กระจายอยู่ในโลกแปรปุถุชนออกเคลื่อนไหว ถ้ามีข่าวใหม่เขาจะมารายงานท่านทันที”
บรรพจารย์วานรเว้นช่วงไปแล้วพูดว่า “อีกอย่าง ชิงหยางจื่อวานให้ข้ามาถามคุณหนู ไม่ทราบว่าคุณหนูมีคำสั่งอื่นหรือไม่”
เด็กสาวชุดดำกำลังจะพูดอะไร แต่กลับเงียบไปอีก เอ่ยว่า “ข้าแค่ถ่ายทอดคำพูดของเจ้าลัทธิให้พวกเขาเท่านั้น ส่วนพวกเขาจะทำเช่นไรเป็นเรื่องของพวกเขา จำไว้ การเคลื่อนไหวของจอมมรรคชะตาสวรรค์ในภายหน้าไม่ต้องมาถามความเห็นข้า”
วานรเฒ่าเอ่ย “ขอรับ”
เด็กสาวชุดดำโบกมือพูดว่า “เจ้าไปเถอะ”
ลมเย็นเยียบระลอกหนึ่งไหลเวียน เงาร่างของวานรเฒ่าหายลับไปกลางอากาศ
‘ช่างเถอะ ค่อยไปพบเจ้าลัทธิอีก’
ครุ่นคิดครู่หนึ่งเงาร่างเด็กสาวชุดดำก็ส่ายไหว แปลงเป็นอีกาขนดำสนิทตัวหนึ่งกระพือปีกทะยานไปบนฟ้า
……
ในโลกอันเวิ้งว้างดุจแรกกำเนิด
อีกาดำยืนอยู่บนกิ่งไม้ จิตใจอึดอัดกระวนกระวาย
นางบอกเรื่องที่หลินสวินปรากฏตัวในโลกแปรปุถุชนแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด
จนเมื่อในใจอีกาดำรู้สึกลนลานลานอยู่บ้าง สุดท้ายก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ตั้งแต่วันนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่เสีย ห้ามออกไปข้างนอกอีกแม้แต่ก้าวเดียว และห้ามติดต่อกับคนอื่นอีก”
เสียงเรียบเฉยสงบนิ่ง
อีกาดำกลับตัวแข็งทื่อ ดวงตาแดงฉานเบิกกว้าง นางอยากถามนักว่าทำไม แต่เพราะความกลัวที่อธิบายไม่ถูกทำให้ถามไม่ออก
สักพักเสียงราชันไท่ชูก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ข้าเคยพูดไว้ว่าข้าอยากเห็นว่าตัวแปรจะผ่านไปได้มากแค่ไหน สร้างความเปลี่ยนแปลงได้แค่ไหน ไม่ใช่ให้เจ้าสู่รู้ไปจัดการเขา”
อีกาดำเอ่ยเสียงเบา “เจ้าลัทธิ ข้าไม่ได้สั่งให้คนอื่นไปจัดการหลินสวิน”
“เหอะๆ อีกาน้อย วานรเฒ่าติดตามข้างกายเจ้าไม่รู้กี่ยุคแล้วจะไม่ล่วงรู้ความคิดของเจ้าได้อย่างไร ต่อให้เจ้าไม่พูด เขาจะไม่ไปทำได้หรือ”
เสียงราชันไท่ชูเจือความเย็นชา “ยามคู่ต่อสู้พวกนั้นรั้งทัพไม่เคลื่อนไหว ใครวิ่งออกมาก่อนก็จะเสียเปรียบ”
อีกาดำก้มหัวไม่พูดจาเหมือนเด็กน้อยที่ทำความผิดมา
นางไม่อาจเข้าใจความคิดของราชันไท่ชู นางแค่อยากทำอะไรบางอย่างเท่านั้น
แต่เห็นได้ชัดว่าในสายตาราชันไท่ชู ทำอะไรบางอย่างในตอนนี้ก็เป็นความผิดอย่างหนึ่ง!
“ระมัดระวังตั้งแต่เริ่มจนจบก็จะไม่แพ้ ถึงตอนนี้ข้าถูกขังมาไม่รู้กี่ยุคแล้ว ก็ยังไม่ได้รีบร้อนนี่”
เสียงเหมือนรำพึงของราชันไท่ชูดังขึ้นอีก “ถ้าถึงเวลาตัดสินแพ้ชนะจริงๆ ผู้ที่พอเข้าตาทั้งแหล่งสถานอัศจรรย์ก็มีเพียงคนสองคนเท่านั้น”
อีกาดำเอ่ย “เจ้าลัทธิ ข้าขอถามเพียงเรื่องหนึ่ง”
“เจ้าว่ามา”
“ถ้าหลินสวินผ่านเก้าประตู ทะลวงผ่านทางพิฆาตเซียนมาถึงแดนเทพมากเร้นแห่งนี้จะทำอย่างไร”
“สำหรับข้าแล้วนี่เป็นเรื่องน่ายินดี”
“ขะ… ข้าไม่เข้าใจ”
“เจ้าก็รอดูอยู่ที่นี่ก็พอ”
……
“สหายยุทธ์ ศิษย์คนเล็กของเจ้าคนนั้นมาแล้ว อยากไปหาหน่อยไหม”
โลกจำศีล จักจั่นทองเอ่ยเบาๆ
ก็เมื่อครู่นี้เองเฒ่าโดดเดี่ยวมาหา บอกเล่าเรื่องที่หลินสวินปรากฏตัวในโลกแปรปุถุชน
“ไม่รีบ ยังไม่ถึงเวลา”
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลส่ายหัว
จักจั่นทองเอ่ยพึมพำ “แต่บริวารไท่ชูพวกนั้นรอไม่ไหวแล้ว”
“ขอเพียงไท่ชูรอได้ พวกเราก็เคลื่อนไหวไม่ได้”
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลพูดถึงตรงนี้ก็เอ่ยทอดถอนใจ “ดึงผมเส้นเดียวสะเทือนทั้งร่าง ลมฝนครึ้มฟ้านัก”
จักจั่นทองยิ้มกล่าว “เช่นนั้นก็รออีกหน่อย แต่เกรงว่าพวกเฒ่าโดดเดี่ยวจะรอไม่ได้”
“ไม่เป็นไรๆ”
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเอ่ย “เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จึงจะสามารถรับยามเมื่อมหาศึกมาเยือนได้”
……
หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์