Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3153

สรุปบท ตอนที่ 3153 วาดเส้นโลหิตออกมาเส้นหนึ่ง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 3153 วาดเส้นโลหิตออกมาเส้นหนึ่ง จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 3153 วาดเส้นโลหิตออกมาเส้นหนึ่ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 3153 วาดเส้นโลหิตออกมาเส้นหนึ่ง

ในโรงน้ำชา นักเล่านิทานพูดน้ำไหลไฟดับ

ซย่าจื้อฟังอย่างสนอกสนใจ

อีกด้านหนึ่งหลินสวินกำลังดื่มเหล้าสนทนากับสิงเจี้ยนสยาและฟู่หนานหลี พูดคุยเรื่องของโลกแปรปุถุชนแห่งนี้

ทั้งยังคุยถึงเรื่องของสหายเก่ามากมายเช่นกัน

อย่างพวกจอมมรรคซานเฟิง เซียวเหอ โม่ไป๋เจ๋อ มู่ฉางอวิ๋น ตอนนี้ต่างฝึกปราณอยู่ที่สถานที่ที่มีชื่อว่า ‘อาณาจักรสังฆาราม’

ถึงอย่างไรโลกแปรปุถุชนก็ตั้งอยู่ในแหล่งสถานอัศจรรย์ มีขั้นไร้ขอบเขตกระจายตัวอยู่นับหมื่น แม้ในกลุ่มนั้นส่วนมากจะติดอยู่ที่นี่ แต่ขณะที่นั่งสมาธิฝึกปราณกลับไม่ต้องกลัวภัยคุกคามของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพแล้ว

สำหรับผู้ฝึกปราณหลายคน ต่อให้อยู่ที่โลกนี้นานๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

หลินสวินยังได้รู้จากปากสิงเจี้ยนสยากับฟู่หนานหลีว่าหลังจากยักษ์ใหญ่อย่างอี้อู๋อิ๋น ฉือเชียนจี เทียนซิงจื่อ กว่านเชียนชิวมาถึงโลกแปรปุถุชนได้ไม่นาน ก็ควบรวมผลมรรคแรกกำเนิดผ่านประตูสวรรค์ไป

เรื่องนี้เดิมทีก็สมเหตุสมผล หลินสวินไม่ได้ประหลาดใจ

ถึงอย่างไรพวกอี้อู๋อิ๋น ฉือเชียนจีก็มีโอกาสมาแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้หลายครั้งนานแล้ว สาเหตุที่รั้งอยู่ในทะเลโชคชะตา ย่อมเป็นเพราะพวกเขาสละโอกาสที่ช่วงชิงมาให้ผู้ฝึกปราณคนอื่นในฝ่ายตน

เช่นเดียวกับหลินสวิน ในฝ่ายที่เขาอยู่ เขาก็เป็นผู้ที่มาแหล่งสถานอัศจรรย์เป็นคนสุดท้าย

“หลินสวิน ตอนที่ข้ามาได้รับการถ่ายทอดข่าวสารจากอาจารย์”

จู่ๆ สิงเจี้ยนสยาก็เอ่ยออกมา “เจ้าอยากรู้ไหมว่าในข่าวสารนั้นกล่าวถึงอะไร”

อาจารย์ของสิงเจี้ยนสยาก็คือบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดหยวนชู!

“คงเกี่ยวกับข้า” หลินสวินยิ้มพลางเอ่ยปาก

สิงเจี้ยนสยาหัวเราะร่า “ถูกต้อง ตามที่อาจารย์ข้าพูด อาจารย์เจ้า เจ้าแห่งคีรีดวงกมลก็รู้แล้วว่าเจ้ามาถึงแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้”

ขณะพูดเขาก็เล่าสถานการณ์ในแหล่งสถานอัศจรรย์อย่างหมดเปลือก

เช่นเรื่องราชันไท่ชูถูกโซ่กระบี่ผูกมัด กำลังพลที่เก้าภาคีไท่ชูแต่ละภาคีมี รวมถึงสถานการณ์ของพวกเจ้าแห่งคีรีดวงกมลและจักจั่นทอง

เมื่อฟังจบหลินสวินถึงตระหนักได้ว่าการมาของตนถึงกับกลายเป็น ‘ตัวแปร’ หนึ่ง!

แต่กับการมาถึงของตน ไม่ว่าจะเป็นราชันไท่ชูผู้นั้น หรือพวกอาจารย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมลต่างก็เลือกนิ่งเฉยไม่เคลื่อนไหว

คล้ายว่าพวกเขาคิดจะดูว่า ‘ตัวแปร’ อย่างตนจะก่อคลื่นลมได้ใหญ่โตขนาดไหน

ขณะเดียวกันหลินสวินก็รู้ว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ผู้ที่สามารถก้าวข้ามเก้าประตูสวรรค์ เดินผ่านทางพิฆาตเซียนไปถึงแดนเทพมากเร้นได้จริงๆ มีเพียงแค่หยิบมือ!

ในคนแค่หยิบมือนี้เป็นบุคคลน่ากลัวที่แทบจะอยู่ขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ ไม่ก็บรรลุขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์แทบทั้งนั้น

ผู้ที่เข้าใกล้ขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ ถูกเรียกว่า ‘จอมมรรคไร้ขอบเขต’

ส่วนผู้ที่บรรลุขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ ถูกเรียกว่า ‘จอมราชันไร้ขอบเขต’

อย่างพวกบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดหยวนชู บรรพจารย์ลัทธิวิญญาณซวีอิ่น บรรพจารย์ลัทธิพ่อมดเทียนอู บรรพจารย์ลัทธิฌานซื่อ จอมมรรคชะตาสวรรค์ทั้งเก้าคนของเก้าภาคีไท่ชู ล้วนเป็น ‘จอมมรรคไร้ขอบเขต’

ส่วนพวกที่บรรลุขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์อย่างจักจั่นทอง เจ้าแห่งคีรีดวงกมล อีกาดำผู้ติดตามอันดับหนึ่งของไท่ชู วานรเฒ่าข้ารับใช้อาวุโสข้างกายไท่ชู ล้วนเรียกได้ว่าเป็น ‘จอมราชันไร้ขอบเขต’!

แล้วเมื่อรู้เรื่องพวกนี้ หลินสวินถึงตระหนักได้ถึงปัญหาข้อหนึ่งทันที

ตามคำพูดของฟู่หนานหลีตั้งแต่สมัยอยู่ทะเลโชคชะตา ในแต่ละยุคสมัยแต่ตั้งแต่อดีตถึงบัดนี้ ผู้ที่สามารถบรรลุขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์มีเพียงสามคน

ได้แก่มือกระบี่ลึกลับคนนั้น เฉินซี รวมถึงราชันไท่ชู

แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้กลับต่างออกไปแล้ว

หลินสวินถามข้อสงสัยนี้ออกมา

คำตอบของสิงเจี้ยนสยาง่ายดายนัก พวกที่บรรลุขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์เหล่านั้น หลายคนต่างแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์หลังจากมาถึงแหล่งสถานอัศจรรย์

สาเหตุก็เพราะในแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้มีวาสนาใหญ่ที่สามารถทำให้จอมมรรคไร้ขอบเขตก้าวเข้าสู่จอมราชันไร้ขอบเขตได้!

และวาสนาเช่นนี้มักจะเกี่ยวข้องกับผลมรรคแรกกำเนิด

ถึงตอนนี้หลินสวินถึงกระจ่าง ก็จริง ลือกันว่าเดิมทีแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้ก็คือแหล่งวาสนาที่ทำให้ขั้นไร้ขอบเขตทะลวงขั้นสำเร็จแห่งหนึ่ง

ก่อนหน้านี้สาเหตุที่ไม่รู้ เป็นเพราะไม่มีใครมาถึงแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้!

พูดง่ายๆ

ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด คนเพียงหยิบมือที่เข้าสู่แดนเทพมากเร้นได้นั้น หากไม่ใช่จอมมรรคไร้ขอบเขตก็เป็นจอมราชันไร้ขอบเขต

ส่วนขั้นไร้ขอบเขตคนอื่นที่เป็นคนส่วนมาก ต่างติดอยู่ในโลกเก้าชั้นของแดนเทพสรรพวิญญาณแห่งนี้

นี่ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างฉือเชียนจี อี้อู๋อิ๋น เกรงว่าก็เข้าไปในแดนเทพมากเร้นนั้นในเวลาอันสั้นไม่ได้

สิงเจี้ยนสยาเอ่ย “อาจารย์ให้ข้ามาบอกเจ้าว่ากำลังพลหลักของเก้าภาคีไท่ชูกระจายอยู่ใน ‘โลกโลกาสวรรค์’ โลกชั้นที่เก้า เป็นไปได้สูงยิ่งว่าที่นั่นจะเป็นเคราะห์สังหารเทียมฟ้าแห่งหนึ่ง ถ้าภายหน้าเจ้ามีโอกาสไป สามารถไปติดต่อเฒ่าโดดเดี่ยวก่อนได้”

หลินสวินอึ้งงัน เฒ่าโดดเดี่ยวถึงกับอยู่ในโลกโลกาสวรรค์ โลกชั้นที่เก้านั่น เขาไม่ได้พบกับชายชราที่จำศีลอยู่ใน ‘เรือนโอบดารานิทราบุหลัน’ ผู้นี้มานานมากแล้ว

จากนั้นหลินสวินก็ถามเรื่องบางส่วนเกี่ยวกับโลกชั้นที่สอง ‘โลกภัยพิบัติ’

เรื่องพวกนี้สิงเจี้ยนสยาก็รู้ จึงบอกเรื่องที่รู้จนหมดสิ้น

โลกภัยพิบัติที่ว่า ก็คือโลกแห่งมหันตภัยแห่งหนึ่ง

ทุกคนที่เข้าสู่โลกนี้ต่างประสบกับภัยพิบัติสามรอบ คือ ‘ด่านเกิดใหม่’ ‘ด่านก่อมรรค’ และ ‘ด่านเคาะใจ’

มีเพียงผ่านการทดสอบของภัยพิบัติทั้งสามรอบนี้ถึงจะชักนำผลมรรคแรกกำเนิด ก้าวผ่านประตูสวรรค์บานที่สองได้

กาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ในโลกเก้าชั้นของแดนเทพสรรพวิญญาณก็มียอดบุคคลมากมายเข้าไปโลกภัยพิบัติอยู่ไม่ขาด

แต่บ้างติดอยู่หน้าด่านเกิดใหม่ บ้างติดอยู่หน้าด่านก่อมรรค และบ้างถูกด่านเคาะใจด่านสุดท้ายสกัดเอาไว้ตลอด

‘หลินสวินนั่นจะต้านไว้ได้อย่างไร’

บัดนี้ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจคนไม่รู้เท่าไร

ตูม!

กลางฟ้าดินปั่นป่วน ทูตชะตาสวรรค์สามร้อยกว่าคนไม่หยุดเท้าแต่อย่างใด เคลื่อนผ่านห้วงอากาศมุ่งหน้ามาเมืองหลวงทันที

เวลานี้ทุกคนที่กระจายอยู่นอกเมืองหลวงต่างทะยานขึ้นฟ้า สังเกตการณ์ไกลๆ

ที่ทำให้พวกเขาเหลือเชื่อก็คือหลินสวินไม่เพียงไม่หนี ยังยืนอยู่กลางอากาศคล้ายรอให้เหตุการณ์นี้มาเยือนอยู่นานแล้ว

ภาพเช่นนี้ทำให้ทูตชะตาสวรรค์สามร้อยกว่าคนนั้นยังรู้สึกประหลาดใจ ไอสังหารทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินปะทุออกมาจากร่างโดยพลัน บุกโจมตีเข้ามา

ตูม ครืน…

ท้องฟ้าแถบนั้นคล้ายถล่มลงทันใด จมสู่ความปั่นป่วนพังพินาศ แสงเทพกฎระเบียบมหามรรคงดงามตระการส่องสว่างไปทั่ว บาดตายิ่งยวด

ทูตชะตาสวรรค์สามร้อยกว่าคน แต่ละคนต่างมีมรรควิถีขั้นไร้ขอบเขต ยามโจมตีพร้อมกัน อานุภาพมหามรรคที่แต่ละคนสำแดงออกมารวมเข้าด้วยกัน ภาพน่าตกตะลึงเช่นนั้นถึงขั้นทำให้คนระดับเดียวกันคนอื่นสิ้นหวังและพังทลายได้!

“ฆ่า!”

ฟ้าถล่มดินทลาย ไอสังหารแผ่ทั่วทุกหย่อมหญ้า

ยอดอภินิหารทั้งปวงคล้ายกับกระแสมหามรรคเบียดแน่นเต็มฟ้าดิน ปะปนไปกับศาสตรามรรคนิรันดร์แน่นขนัด ม้วนตลบออกมาด้วยกัน

เพียงมองดูจากไกลๆ ยังทำให้เหล่าผู้ที่อยู่นอกเมืองหลวงตกใจจนเหงื่อกาฬท่วมตัว จิตใจสั่นระรัว

แต่ก็ในตอนนี้เอง…

เสียงกระบี่หนึ่งดังขึ้นฉับพลัน แรกเริ่มต่ำเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ภายหลัก็ทะยานกึกก้อง จนสุดท้ายกลางฟ้าดินมีแต่เสียงกระบี่กังวานนั่น สะเทือนจนเลือดลมปั่นป่วน จิตใจไหวหวั่น

จากนั้นภาพนองเลือดที่ทำให้ยอดบุคคลทุกคนที่อยู่นอกเมืองหลวงยากลืมเลือนไปชั่วชีวิตก็ปรากฏ…

เงาร่างหลินสวินแปลงเป็นปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งเข้าไปรับศึก เพียงพริบตาก็แหวกอภินิหารและศาสตรานิรันดร์ทั้งปวงที่ประดังเข้ามาเหล่านั้นอย่างง่ายดาย แทงทะลวงออกมาด้วยอานุภาพประหนึ่งผ่าลำไผ่

ปังๆๆ!

ยอดอภินิหารไม่รู้เท่าไรสลายไปเหมือนฟองสบู่ อีกทั้งศาสตรามรรคนิรันดร์ไม่รู้เท่าไรถูกโจมตีจนกระเด็นกระจัดกระจาย เสียงระเบิดปะทะถี่ยิบนั้นดังไม่หยุด

เมื่อมองดูปราณกระบี่ที่แปลงจากร่างหลินสวินนั้นอีกครั้ง หลังจากทะลวงไปไม่หยุด แหวกฝ่าพลังโจมตีของศัตรูอย่างแข็งแกร่งเกินต้านทาน ทำลายสิ้นทุกสรรพสิ่งแล้ว ก็ทะลวงเข้าไปในกองทัพศัตรูนั้นตรงๆ เหมือนเหล็กแหลมอันไร้เทียมทาน

ก่อให้เกิดภาพนองเลือดไปตลอดทาง!

เวลานี้ขั้นไร้ขอบเขตที่แข็งแกร่งหาใดเทียบเหล่านั้น กลับถูกบดขยี้อยู่ประหนึ่งกระดาษเปื่อยภายใต้ปราณกระบี่อันเปล่งประกาย ดุดัน และอหังการ แสงเลือดนับไม่ถ้วนพวยพุ่ง

มองจากไกลๆ ปราณกระบี่ที่ทะลวงไปเบื้องหน้าไม่หยุดนั้น ก็เปรียบได้กับพู่กันใหญ่ที่โบกสะบัดเล่มหนึ่ง ทะลวงขึ้นฟ้า วาดเส้นโลหิตยาวสายหนึ่งอยู่กลางทัพศัตรู!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์