ตอนที่ 3155 ในชีวิตที่ใดบ้างไม่ฝึกปราณ
เตาทองแดงร้องอึงอล กลายเป็นชายร่างใหญ่เครางอคนหนึ่ง สูงพันจั้งเต็ม ผิวหนังดุจดั่งหล่อจากทองเทพมีเพลิงเทพสีชาดแรงกล้าลุกโชนน่าสะพรึง
ทันทีที่ปรากฏตัวก็ราวกับเทพที่เผาผลาญทั่วหล้ามาเยือน!
เหิงชิว
ถูกเรียกขานว่าเทพเพลิงผลาญโลก ออกจากโลกแปรปุถุชนเมื่อสองแสนหกหมื่นปีก่อน เป็นลำดับที่ห้าร้อยสิบเก้าในระเบียบมรรควัฏจักร
ในตำราหยกวิชามรรคของหลินสวินปรากฏข้อมูลบางส่วนของอีกฝ่าย
‘ดังคาด เจ้าหมอนี่ไม่แข็งแกร่งเท่าเหยี่ยนจิ่วเหอ ทว่าในบรรดาระเบียบมรรควัฏจักรก็เรียกได้ว่าเป็นคนระดับมาตรฐาน’
หลินสวินลอบกล่าวในใจ
“โอม!”
ชายร่างใหญ่เครางอเหิงชิวตะโกนลั่น กำหมัดซัดใส่หลินสวิน
เมื่อสัมผัสถึงถึงพลังของหมัดนี้ ทำให้หลินสวินแยกแยะออกอีกครั้งว่ามรรควิถีของเหิงชิวแข็งแกร่งกว่าจอมเทพหวงหลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่เท่ายักษ์ใหญ่อย่างพวกฉือเชียนจี เทียนซิงจื่อ
หากคาดเดาไปอีกขั้น ก็สามารถเดาออกว่าวิชามรรคของพวกฉือเชียนจี เทียนซิงจื่อน่าจะอยู่ระหว่างลำดับสองร้อยถึงห้าร้อย
ขณะครุ่นคิดการเคลื่อนไหวของหลินสวินก็ไม่ได้ช้า ก้าวเท้าลงไป คลื่นรูปกระบี่ระลอกหนึ่งดุจแสงจันทร์ดั่งฝันมายาปรากฏขึ้นมา
ตูม!
หมัดที่ประหนึ่งผลาญฟ้าดับปฐพีของเหิงชิวถูกฟันละเอียดอย่างง่ายดาย กลายเป็นละอองแสงพร่างพราวสาดกระเซ็น
ไม่รอเหิงชิวเปลี่ยนกระบวน คลื่นรูปกระบี่นั่นแผ่กว้าง ถล่มเงาร่างสูงพันจั้งของเขาเสมือนกระบี่เฉือนภูเขาพันจั้ง
ละอองแสงกระจัดกระจายหายไป
ไม่ผิดจากที่หลินสวินคาดไว้ หลังผ่านการต่อสู้มหามรรคที่ง่ายดายนี้ ผลมรรคแรกกำเนิดก็ไม่ได้ปรากฏขึ้น…
แต่จำนวนพลังวิชามรรคที่กระจายอยู่ในกฎระเบียบวัฏจักรกลับขาดไปหนึ่งสาย กลายเป็นหนึ่งพันหกร้อยสิบสามสาย
ไม่ถึงขั้นผิดหวังอะไร กลับกันหลินสวินเกิดความสนใจขึ้นมาอยู่บ้าง
นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ผู้มากสามารถที่ออกจากโลกแปรปุถุชน วิชามรรคของพวกเขาล้วนรั้งอยู่ในกฎระเบียบวัฏจักรนั่น แต่ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา จำนวนในกฎระเบียบวัฏจักรนี้กลับมีเพียงหนึ่งพันหกร้อยกว่าสายเท่านั้น
แน่นอนว่าที่ผ่านมาย่อมต้องมีพวกที่เอาชนะรูปจำลองวิชามรรค เข้าแทนที่ตำแหน่งเขาเหมือนอย่างซย่าจื้อเช่นกันเป็นแน่
แต่เทียบกับผู้ฝึกปราณนับหมื่นที่กระจายอยู่ในโลกแปรปุถุชน จำนวนของกฎระเบียบวัฏจักรนี้ยังคงน้อยเกินไปอยู่ดี!
จากจุดนี้จะเห็นถึงความยากของการต่อสู้มหามรรค
ทว่าสิ่งที่หลินสวินสนใจไม่ใช่จุดนี้ หากแต่เป็นเขาตระหนักถึงปัญหาหนึ่งกะทันหัน
พวกน่าสะพรึงที่เข้าแดนเทพมากเร้นไปแล้วอย่างพวกอาจารย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมล จักจั่นทอง เฉินหลินคง เจ้าลัทธิไท่ชู ตอนนั้นมีหรือจะไม่ทิ้งวิชามรรคของตนไว้ที่โลกแปรปุถุชนแห่งนี้
เช่นนั้นรูปจำลองวิชามรรคของพวกเขาอยู่ที่ไหน และอยู่ลำดับที่เท่าไรในระเบียบมรรควัฏจักรนั่น
‘หากข้าหารูปจำลองวิชามรรคของพวกเขาพบ และเข้าต่อสู้ด้วยทั้งหมด บางทีอาจรู้ว่ามรรควิถียามพวกเขาอยู่โลกแปรปุถุชนแห่งนี้แข็งแกร่งแค่ไหน…’
หลินสวินคิดถึงตรงนี้ จู่ๆ ในใจก็มีแรงกระตุ้นแรงกล้าผุดขึ้น
ก็ทำเช่นนี้แหละ!
พวกเขาในปีนั้นกับตนในตอนนี้ล้วนอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน การต่อสู้กับรูปจำลองวิชามรรคของพวกเขาเท่ากับเป็นการต่อสู้มหามรรคในอีกรูปแบบหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!
ยามนี้หลินสวินไม่รีบร้อนออกจากโลกแปรปุถุชนแห่งนี้แล้ว
ครู่หนึ่งให้หลัง
เงาร่างของหลินสวินมาถึงนอกประตูทิศตะวันตกของเมืองหลวง
ที่นี่มีต้นไม้โบราณเสียดฟ้าต้นหนึ่งหยั่งรากอยู่ ผิวเปลือกอ้าออกราวหนังมังกรเฒ่า แข็งทนทานดุจเหล็กเทพ กิ่งก้านราวดาบดุจกระบี่ เจือกลิ่นอายอึมครึมหนาวเหน็บ
นี่ก็คือรูปจำลองวิชามรรครูปหนึ่ง
เมื่อมองต้นไม้โบราณนี้ หลินสวินนึกถึงภาพมากมายที่ได้เห็นตามเมืองต่างๆ ในอาณาจักรสมโภชตลอดทางเมื่อหลายวันก่อน
‘ระเบียบมรรควัฏจักรที่ปกคลุมใต้หล้านี้มากเกินไป หากสามารถใช้พลังกฎระเบียบเดียวควบคุมกฎระเบียบอื่นๆ ก็จะสามารถทำให้สรรพชีวิตมากมายในสี่สิบเก้าอาณาจักรของโลกนี้ทำตามหลักการเดียวกัน เช่นนี้บางทีโลกนี้ก็อาจไม่มีการขัดแย้งนองเลือดที่ซับซ้อนวุ่นวายเหล่านั้นอีก…’
หลินสวินใคร่ครวญ
ระเบียบมรรควัฏจักรมีหนึ่งพันกว่าสาย กระจายทั่วสี่สิบเก้าอาณาจักร ส่งผลกระทบต่อสรรพชีวิตนับไม่ถ้วน แต่ก็เพราะเหตุนี้ ทำให้ทุกชีวิตในโลกเกิดความขัดแย้งและเป็นปฏิปักษ์ต่อกันมากมาย
เหมือนกับการปะทะกันระหว่างอารยธรรมต่าง ๆ
แต่หากสามารถมีระเบียบมรรคสายเดียวเป็นผู้นำ ระเบียบมรรคอื่นๆ เป็นตัวเสริม เช่นนั้นไม่ว่าภายหน้าจะมีระเบียบมรรคปรากฏขึ้นมากแค่ไหนในโลกแปรปุถุชนแห่งนี้ ล้วนต้องถูกควบคุมและผูกมัด
เช่นนี้แม้ว่าใต้หล้าจะไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ก็จะไม่แตกต่างกัน!
หรือก็คือการผสมผสาน หมื่นกระแสคืนถิ่น!
หลินสวินคิดถึงตรงนี้สีหน้าก็แปลกพิกลอยู่บ้างอย่างไม่อาจเลี่ยง ‘หากทำได้ถึงขั้นนี้จริง เช่นนั้นผู้ฝึกปราณในโลกนี้ล้วนกำลังกล่อมเกลาสรรพชีวิต ส่วนข้าก็เกรงกว่าจะเป็นผู้กล่อมเกลาผู้ฝึกปราณในโลกหนล้านี้แล้ว…’
เป็นไปได้หรือ
อาจจะ
ดูไปก้าวต่อก้าวก็แล้วกัน
ครู่ต่อมาหลินสวินก็สลัดความคิดฟุ้งซ่าน ทอดสายตามองต้นไม้โบราณเสียดฟ้าต้นนั้นอีกครั้ง
ฮูม…
ต้นไม้โบราณส่ายไหว กลายเป็นร่างอรชรสีดำสายหนึ่งเงียบๆ สองมือนางกุมกระบองทองแดงเล่มหนึ่ง ผมยาวสีเทาทั่วศีรษะพลิ้วไสว กลิ่นอายเย็นเยียบเร้นลับ
เนี่ยนตงเยวี่ย!
รู้จักกันในนาม ‘จักรพรรดิเทพฮว่าเซิง’ ออกจากโลกแปรปุถุชนเมื่อสามแสนสามหมื่นปีก่อน วิชามรรคของนางอยู่ลำดับที่สี่ร้อยสิบเจ็ดในระเบียบมรรควัฏจักร
ตูม!
การต่อสู้ปะทุ เนี่ยนตงเยวี่ยมือถือกระบองตีกระแทกลงมา ทันใดนั้นมีอสนีสีดำไม่รู้จบพลิกม้วนลงมา แผ่ครอบฟ้าดิน กลิ่นอายทำลายล้างน่าตกใจ
หลินสวินยกมือขึ้นกวาด ปราณกระบี่พวยพุ่ง พาดขวางห้วงอากาศแปดพันจั้ง แหวกนภากว้างและกรีดผ่านอสนีสีดำทั่วฟ้านั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์