Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3162

สรุปบท ตอนที่ 3162 มรรคจริงเท็จไร้รูป: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 3162 มรรคจริงเท็จไร้รูป จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 3162 มรรคจริงเท็จไร้รูป คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 3162 มรรคจริงเท็จไร้รูป

ห้วงอากาศเหนือท่าเรือใบเฟิง เสียงจักจั่นร้องดังระงม

ไกลออกไปเหล่าผู้ชมการต่อสู้ล้วนใจเต้นระทึก สีหน้าเลื่อนลอย ทุกความคิดถูกโจมตี ราวตกสู่ความฝันอันแปลกพิกล

ความจริงของฝันอันหาที่เปรียบไม่ได้ ทำให้พวกเขาแต่ละคนรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในยุคเริ่มแรกที่แสวงมรรค ความสุขทุกข์ระคนเศร้า และความขมขื่นที่บรรยายไม่หมดสารพัด…

และสภาวะจิตของหลินสวินก็เหมือนเกลียวคลื่นเป็นระลอกๆ แต่ไม่นานก็กลับสู่ความสงบดังเดิม

ยามมองไปอีกครา ชายหนุ่มชุดผ้าป่านเปลือยเท้า หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งยืนใต้เมฆมงคลกลางอากาศ แววตาอบอุ่นใสกระจ่าง ไม่มีอานุภาพใดๆ แม้เพียงเศษเสี้ยว

จู่ๆ เขาระบายยิ้ม ยื่นมือออกมาชี้แล้วกรีดวาดกลางห้วงอากาศ

ตูม!

ฟ้าดินแยกแตก สรรพสิ่งเปลี่ยนกะทันหัน

หลินสวินค้นพบโดยพลันว่าตนปรากฏตัวบนถนนขาดสายหนึ่ง เดินไปข้าวหน้าหนึ่งก้าวเป็นเหวลึก ถอยหลังหนึ่งก้าวเป็นความมืดมิดไร้สิ้นสุด

นอกจากนี้ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก

และมรรควิถีในตัวเขากลับเหมือนอันตรธานหายไปทั้งหมด!

นัยน์ตาหลินสวินหดรัด

“เหวลึกและความมืดมิด หนึ่งเท็จหนึ่งจริง หนึ่งเป็นหนึ่งตาย สิ่งใดคือมายา สิ่งใดคือจริง ให้ตัวท่านเป็นผู้เลือกเอง”

เสียงอบอุ่นและเยือกเย็นสายหนึ่งดังขึ้น

หลินสวินนิ่งเงียบไป

เท็จจริงเกิดพร้อมกัน เป็นตายคงอยู่คู่กัน นี่ก็คือมรรคาที่ผู้อาวุโสจักจั่นทองครอบครองหรือ

เขาเงยหน้าจับจ้องเหวลึก หุบเหวลึกล้ำคล้ายสามารถสูดกลืนวิญญาณคนได้

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

จู่ๆ ถนนขาดใต้เท้าปรากฏรอยแยกเล็กละเอียดเป็นสายๆ แผ่ขยายไม่หยุดดุจดั่งใยแมงมุม หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าถนนขาดนี้ต้องพังทลายโดยสมบูรณ์แน่แท้

ถึงตอนนั้นเป็นต้องตกสู่ด้านล่างของเหวลึก

และพยับหมอกสีดำด้านหลังก็กำลังคืบคลาน บีบเข้ามาทีละนิด

รุกถอยล้วนลำบาก!

สิ่งสำคัญที่สุดคือมรรควิถีในตัวหลินสวินล้วนปลดปล่อยไม่ออก เสมือนได้แต่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เดินหน้าก้าวสู่เหวลึก ก็ถูกหมอกดำบนถนนข้างหลังกลืนกิน

ภายในนี้มีจริงมีเท็จ มีเกิดมีตาย!

สถานการณ์อันตรายหาใดเปรียบ

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นจะต้องคิดว่ามีเพียงมองให้ออกว่าเหวลึกและหมอกดำอย่างไหนคือมายา อย่างไหนคือความจริงจึงจะสามารถสลายอันตรายครั้งนี้ไปได้เป็นแน่

ถึงขั้นที่อาจมั่นใจว่านี่คือการประชันมหามรรคไร้รูปฉากหนึ่ง

หากมองไม่ทะลุเท็จและจริง แยกความเป็นความตายไม่ออกก็จะพ่ายแพ้

มีอยู่แวบหนึ่งหลินสวินก็เกือบคิดเช่นนี้เหมือนกัน

แต่ยามเมื่อเขาตั้งใจจะตัดสินใจกลับหยุดชะงักไปกะทันหัน หลังจากสีหน้าเปลี่ยนไปมาระลอกหนึ่ง จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา

เหวลึกและหมอกดำอะไร จริงเท็จ เกิดตายอะไร นี่ก็คืออุปสรรคทางจิตอย่างหนึ่ง หากติดกับดักลึก ไม่ว่าจะเลือกอย่างไรล้วนมีแต่พ่ายแพ้!

ก็เหมือนวัวที่ถูกจูงจมูก ควรพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้น จะเดินตามอีกฝ่ายได้อย่างไร

ส่วนมรรควิถีในตัวที่ล้วนสัมผัสไม่ได้…

นี่ต่างหากคือมายาอย่างแท้จริง!

ปึง!

จู่ๆ ถนนขาดใต้เท้าก็ขาดออกจากกัน และหมอกดำข้างหลังก็ปิดครอบมาเยือนแล้ว

หลินสวินตะโกนในใจคราหนึ่ง ‘เปิด!’

ตูม!

การเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งเป็นภาพลวงตา หมอกดำและเหวลึกหายไปราวฟองอากาศ

เมื่อครรลองสายตาของหลินสวินกลับสู่ปกติ นิ้วมือนิ้วหนึ่งดุจดั่งปราณกระบี่ที่มาเยือนเงียบๆ อยู่ใกล้แค่คืบ!

นิ้วมือนี้มาจากจักจั่นทอง

ทว่ากลับถูกหนึ่งฝ่ามือของหลินสวินต้านไว้ได้ยามคับขัน

ปึง!

พลังดรรชนีและพลังฝ่ามือกระแทกกัน เกิดเสียงดังอึงอลสะเทือนฟ้าดิน ละอองแสงสาดกระเซ็น

หลินสวินยังอดตกใจเหงื่อโซมตัวไม่ได้

ก่อนหน้านี้หากตนได้สติช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เกรงว่าคงประสบเคราะห์ในการต่อสู้นี้ไปแล้ว!

เมื่อลองคิดถึงภาพทั้งหมดเมื่อครู่ก็น่ากลัวยิ่งจริงๆ

เขาจมสู่แดนมายาสภาวะจิตโดยไม่รู้ตัว และ ‘ยึดติดภายนอก’ อย่างที่เรียกกันแล้ว ส่งผลให้ตกสู่กลางเคราะห์สังหารของเหวลึกและหมอกดำ

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภาพลวงตาหรือ

ใช่และไม่ใช่

เพราะไม่ว่าจะเป็นเท็จหรือจริงล้วนเป็นเคราะห์สังหาร!

และเคราะห์สังหารนี้มาพร้อมกับหนึ่งนิ้วของจักจั่นทอง

กล่าวอีกอย่างคือเป็นเพราะจักจั่นทองลงมือกะทันหัน พลังมหามรรคที่บรรจุอยู่ในพลังดรรชนีของเขาส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตของหลินสวินอย่างเงียบๆ ก่อนหน้านี้!

จากจุดนี้แค่คิดก็รู้ว่าวิชามรรคของจักจั่นทองน่าสะพรึงปานใด

เท็จจริงเกิดพร้อมกัน เป็นตายคงอยู่คู่กัน แปรเคราะห์สังหารอยู่ระหว่างมีรูปและไร้รูป!

ในละอองแสงสาดกระเซ็น เงาร่างของจักจั่นทองกลับหายลับไปดุจฟองอากาศ หาไม่เจออีกต่อไป

หน้าท่าเรือ คนธรรมดามากมายยังคงรอคอยเช่นเดิม พวกผู้ฝึกปราณไกลออกไปเหล่านั้นสีหน้ายังคงงุนงง ใต้เวิ้งฟ้านั่น เหนือเมฆมงคลก้อนหนึ่ง นอกจากขาดจักจั่นทองที่ฟุบบนนั้นไปหนึ่งตัว ก็ดูเหมือนไม่แตกต่างจากทุกสิ่งก่อนหน้านี้

แต่หลินสวินกลับตระหนักอย่างฉับไวถึงความไม่เข้าทีอยู่บ้าง

ยังไม่ทันเอาชนะวิชามรรคของจักจั่นทอง แต่อีกฝ่ายกลับเหมือนหายสาบสูญไปจากฟ้าดินแถบนี้ สัมผัสร่องรอยไม่ได้อีกแม้เพียงเสี้ยว

‘ผู้ไร้รูปย่อมไร้กาย เบื้องหน้าเป็นจริง และจักจั่นทองเป็นเท็จ…’

หลินสวินเลิกคิ้ว นี่ไม่ใช่วิชาเก็บกลิ่นอายเร้นกาย แต่เป็นความสามารถมหามรรคชั้นยอดอย่างหนึ่ง อย่าว่าแต่กายเนื้อ แม้แต่จิตรับรู้ก็สัมผัสไม่ได้

เวลาเคลื่อนคล้อยทีละนิด จักจั่นทองไม่ปรากฏตัวตลอด

การต่อสู้เช่นนี้ดูเหมือนไม่ถือว่าตื่นตามากนัก แต่ไอสังหารที่คละคลุ้งในความว่างเปล่านั่นกลับเรียกได้ว่าแทรกซึมทุกอณู

ลองถามใจตนดู หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาเกรงว่าคงไม่อาจจับร่องรอยของจักจั่นทองได้สักนิด เมื่อเป็นเช่นนี้ยังจะพูดเรื่องต่อสู้อะไรอีก

แต่หลินสวินกลับชนะแล้ว!

หลินสวินชนะแล้วจริงๆ ในระเบียบมรรควัฏจักรขาดพลังระเบียบมรรคไปอีกหนึ่ง นี่ถูกเหล่าผู้ฝึกปราณในที่นี้มองเห็นและสัมผัสได้ผ่านตำราหยกวิชามรรค

เพียงแต่ผลมรรคแรกกำเนิดของหลินสวินนั่นกลับยังไม่ปรากฏ นี่ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสะเทือนใจและไม่เข้าใจ

จนป่านนี้แล้วเหตุใดยังเป็นเช่นนี้อีก

หากยามเอาชนะวิชามรรคที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลทิ้งไว้ ผลมรรคแรกกำเนิดนั่นยังไม่ปรากฏ มีหรือจะไม่หมายความว่าหลินสวินไม่อาจออกจากโลกแปรปุถุชนแห่งนี้

แดนเทพมากเร้น โลกจำศีล

ในมือจักจั่นทองที่กำลังประชันหมากเพิ่งคีบหมากตัวหนึ่งขึ้นมา จู่ๆ การเคลื่อนไหวกลับนิ่งค้าง จากนั้นหว่างคิ้วเผยแววแปลกไป

“จับหมากไม่มั่นคง หรือว่าจะยอมแพ้แล้ว”

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลที่อยู่ตรงข้ามเอ่ยถามยิ้มๆ

จักจั่นทองดึงหมากในมือกลับไปช้าๆ จากนั้นยิ้มกล่าวเสียงเบา “กระดานนี้ข้ายินดียอมรับความพ่ายแพ้ ข้าคิดไม่ถึงว่าสภาวะจิตของสหายน้อยหลินบรรลุถึงขั้นนี้แล้ว แม้แต่มรรคจริงเท็จไร้รูปของข้าก็ยังยากจะเอาเขาอยู่”

ในคำพูดเจือความปลาบปลื้ม

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลถึงค่อยกระจ่าง กล่าวว่า “ตั้งแต่เขาเข้าสู่โลกแปรปุถุชนจนบัดนี้ เวลาเพิ่งเจ็ดเดือนเท่านั้นก็เอาชนะรูปจำลองวิชามรรคที่เจ้าทิ้งไว้ในปีนั้นได้แล้วหรือ”

เขารู้ดีที่สุดว่ามรรคาของจักจั่นทองเร้นลับปานใด เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมรรคาที่พาให้ผู้คนยากจะไตร่ตรองที่สุดในแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินกลับสามารถสู้ชนะรูปจำลองวิชามรรคที่จักจั่นทองทิ้งไว้ในปีนั้น ไม่อาจไม่พูดว่านี่ทำให้เจ้าแห่งคีรีดวงกมลยังแปลกใจอยู่บ้าง

จักจั่นทองหัวเราะเสียงดัง “สหายยุทธ์ ในคำพูดของเจ้าดูเหมือนมีแววลำพองอยู่รำไร ดูท่าในใจก็คงยินดียิ่ง”

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลอดยิ้มบางๆ ไม่ได้ กล่าวว่า “ภายหน้าข้าเกรงว่าจะละอายไม่กล้าเป็นอาจารย์ของเขาแล้ว แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ข้ายิ่งปลาบปลื้ม อยากให้ศิษย์เหล่านั้นของข้าแต่ละคนล้วนโดดเด่นกว่าอาจารย์ใจจะขาด”

จักจั่นทองกล่าวอย่างตรึกตรอง “พอจะเข้าใจสภาพจิตใจของสหายยุทธ์ ตอนนี้ข้ากลับเป็นห่วงสหายน้อยหลินอยู่บ้างแล้ว”

“กังวลว่าตัวแปรอย่างเขาจะแสดงฝีมือเตะตาเกินไป ต่อจากนี้จะเรียกหายนะที่คาดไม่ถึงมาหรือ”

“เป็นเช่นนี้แหละ”

“ไม่จำเป็นต้องกังวลเป็นเช่นนั้น ไท่ชูยังไม่ได้เคลื่อนไหว ขอเพียงเขาไม่เคลื่อนไหวก็ไม่ต้องกังวลอะไร”

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

กล่าวถึงตรงนี้จู่ๆ จักจั่นทองเอ่ยขึ้นว่า “ต่อจากนี้สหายน้อยหลินต้องท้าทายรูปจำลองวิชามรรคที่สหายยุทธ์ทิ้งไว้แน่ ด่านนี้เขาผ่านไม่ง่ายแล้ว”

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเอ่ยสบายๆ “วิชามรรคที่ข้าทิ้งไว้ในปีนั้น สำหรับคนอื่นไม่มีโอกาสชนะสักนิด แต่สำหรับหลินสวินกลับคว้าชัยได้ง่ายดายสุดขีด”

“ในนี้ยังมีความลับอีกหรือ”

จักจั่นทองประหลาดใจ

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลอดยิ้มออกมาไม่ได้ “คนเป็นอาจารย์อย่างข้าจะกลั่นแกล้งศิษย์ของตนหรือ ส่วนในนั้นมีความลับอะไร รอภายหน้าเจ้าพบเขาแล้วก็ลองถามดูเอาเอง”

จักจั่นทองอึ้งไป กล่าวอย่างใคร่ครวญ “เช่นนั้นข้าต้องตั้งตารอชมจริงๆ แล้ว”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์