ตอน ตอนที่ 3177 สังหาร จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 3177 สังหาร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 3177 สังหาร
ซู่หวั่นจวินก็สังเกตเห็นสายตาพวกนั้น แต่กลับกล่าวโดยไม่ใส่ใจ “คนพวกนี้น่าจะคิดว่าถูกพวกภาคีบูรพาจับจ้องแล้ว ข้าคงไม่มีทางกล้าเหยียบเข้ามาในเมืองหนานเคออีก”
หลินสวินพลันเข้าใจ ยิ้มกล่าว “พอดีเชียว ข้ากับผู้อาวุโสล้วนมองเก้าภาคีไท่ชูเป็นศัตรู หากพวกเขามาหาถึงที่ ข้ากลับอยากลองดูว่าพวกเขามีความสามารถมากแค่ไหน”
น้ำเสียงราบเรียบสบายๆ
ขณะกล่าวเวิ้งฟ้าที่ห่างไกลพลันสั่นสะเทือน ร่างกำยำเจิดจรัสหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ
นี่คือชายสวมเกราะเงิน รูปงามดั่งเทพยุทธ์ มือถือทวนศึกสีเงินเล่มหนึ่ง ละอองแสงมหามรรคที่ไหลวนทั่วร่างเปล่งประกายเจิดจรัส น่าพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง
“เป็นนางมารอย่างเจ้าดังคาด!”
ชายเกราะเงินนัยน์ตาดุจอสนีจับจ้องซู่หวั่นจวินแต่ไกล สีหน้าเผยไอสังหาร
“เจ้าดู พวกเราเพิ่งมาถึงก็มีคนร้อนใจรนหาที่ตายแล้ว”
มุมปากซู่หวั่นจวินยกยิ้มเย็นชา
ขณะกล่าวนางลงมือโดยไม่ลังเลแล้ว เรียกกระบี่มรรคออกมาฟาดฟันไปทางชายสวมเกราะเงินนั่น ไม่พูดพร่ำทำเพลงสักนิด หมดจดชัดเจนถึงขีดสุด
ในสายตาคนนอกการกระทำนี้ของซู่หวั่นจวินดูแข็งกร้าวหาใดเปรียบ!
ชายเกราะเงินนั่นเป็นถึงทูตชะตาสวรรค์ภาคีบูรพา ในโลกย้อนกำเนิดนี้แทบไม่มีใครกล้าไปหาเรื่อง
แต่ซู่หวั่นจวินต่างออกไป นางเหมือนไม่เคยรู้ว่าความกลัวคือสิ่งใด
เคร้ง!
เสียงปะทะอึกทึกสนั่นหูดังก้อง
กระบี่มรรคของซู่หวั่นจวินถูกคทาสมประสงค์สีม่วงเล่มหนึ่งขวางไว้ ผู้ลงมือไม่ใช่ชายเกราะเงินนั่น แต่เป็นชายชราชุดนักพรตคนหนึ่งที่ปรากฏตัวกะทันหัน
ทันทีที่เขาปรากฏตัว ฟ้าดินแถบนี้ล้วนเงียบสงัด ผู้คนไม่น้อยต่างเผยสีหน้าหวาดกลัว
จอมเทพเสวี่ยเลี่ยน!
โลกย้อนกำเนิดในปัจจุบัน จอมเทพเสวี่ยเลี่ยนคือหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย
ทั้งเขายังเป็นผู้นำภาคีบูรพาในโลกนี้ด้วย มีทูตชะตาสวรรค์ภาคีบูรพาสามสิบกว่าคนใต้อาณัติ!
“ซู่หวั่นจวิน ข้าขอถามเจ้า พวกพ้องภาคีบูรพาของข้าอยู่ไหน”
จอมเทพเสวี่ยเลี่ยนกล่าวสีหน้าเฉยชา ด้านหลังเขามีบัวเขียวมหามรรคสามดอกโอบล้อมเป็นตัวอักษรผิ่น (品) ร่างสูงโปร่งถูกแสงมรรคระเบียบเจิดจรัสแถบหนึ่งอาบไล้เหมือนเทพเซียน
“พวกเจ้ามาช้าไปก้าวหนึ่ง พวกเขาตายไประหว่างทางที่ข้ากลับมาเมืองนี้แล้ว”
ซู่หวั่นจวินกล่าวง่ายๆ
“ตายแล้วหรือ”
จอมเทพเสวี่ยเลี่ยนสีหน้าขรึมลง ไอสังหารในดวงตาพลุ่งพล่าน “ดูเหมือนว่าเรื่องในวันนี้ไม่อาจปราณีกันแล้ว!”
ตูม!
บริเวณข้างกายเขาห้วงอากาศพลิกตลบ ทยอยปรากฏเงาร่างน่ากลัวทันที แต่ละคนล้วนเปล่งประกายเจิดจรัส อานุภาพร้ายกาจ
รวมจอมเทพเสวี่ยเลี่ยนกับชายเกราะเงินนั่นแล้วก็มีถึงยี่สิบเอ็ดคน!
กำลังพลยิ่งใหญ่นั้นทำให้ผู้ฝึกปราณที่กระจายอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงสะท้านใจ สังหรณ์ว่าท่าไม่ดี เลือกถอยหลบห่างออกไปทันที เกรงแต่จะถูกม้วนกลืนเข้าไป
“สหายน้อยหลิน เจ้าคิดว่ากำลังพลเช่นนี้เป็นอย่างไร หากเจ้าไม่มั่นใจพวกเราก็ถอยหนีก่อน ภายหน้าค่อยต่อสู้กับพวกเขา”
ซู่หวั่นจวินเอ่ยเสียงเบา “อย่าคิดว่าเสียหน้า การมีชีวิตรอดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
นี่คือการพูดความจริง
อย่างน้อยนางก็ไม่มั่นใจว่าจะสู้กับจำนวนคนเช่นนี้ได้
“ถอยหนี วันนี้เจ้ายังหนีพ้นหรือ”
สีหน้าจอมเทพเสวี่ยเลี่ยนเรียบเฉย
ผู้ฝึกปราณคนอื่นข้างกายเขาต่างเผยรอยยิ้มหยัน พลังขับเคลื่อนทั่วร่างล้วนปลดปล่อยออกมาปกคลุมฟ้าดินแถบนี้ มุ่งเป้ามาตรงจุดที่พวกซู่หวั่นจวินกับหลินสวินยืนอยู่
กลับเห็นหลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้สักนิด ยิ้มกล่าวกับซู่หวั่นจวินต่อไป “การมีชีวิตรอดเป็นเรื่องสำคัญที่สุดจริงๆ แต่ข้าห่วงว่าวันนี้พวกเขาคงไม่รอดชีวิตแล้ว”
คำพูดนี้กล่าวอย่างสบายๆ แต่ความหมายในคำพูดกลับเปี่ยมกลิ่นอายหยิ่งผยอง!
พวกจอมเทพเสวี่ยเลี่ยนล้วนอึ้งงัน คราวนี้จึงเหลือบมองหลินสวินที่อยู่ข้างกายซู่หวั่นจวิน
แต่ไม่รอให้พวกเขาตอบสนอง ซู่หวั่นจวินวาดกระบี่มรรคในมือขึ้น “เจ้าพูดเช่นนี้แล้วยังลังเลอะไร”
ตูม!
นางพุ่งตัวแหวกอากาศ กระบี่มรรคแทงทะลวงนภา
ในที่สุดหลินสวินก็มองออก ซู่หวั่นจวินเป็นผู้มีนิสัยฟังไม่เข้าหูก็อาละวาด คร้านจะพูดมากความ คร้านจะเสียเวลา คร้านจะไปพิจารณาเรื่องมากมาย
ดังนั้นเมื่อนางลงมือจึงหมดจดชัดเจนเช่นนั้น
“ลงมือ!”
จอมเทพเสวี่ยเลี่ยนสะบัดมือ
เหล่าผู้ฝึกปราณข้างกายเขาล้วนเคลื่อนไหวแล้ว ไอสังหารแน่นฟ้าดินราวกับทวยเทพออกศึก
ตูม…
ฟ้าดินหม่นแสง ห้วงอากาศปั่นป่วน
จอมเทพเสวี่ยเลี่ยนกับผู้ฝึกปราณยี่สิบเอ็ดคนลงมือพร้อมกัน ในสายตาเหล่าผู้ชมที่อยู่ห่างไปย่อมเรียกว่าไม่อาจทัดเทียม!
ยอดวิชามรรคมากมายตัดสลับ แทรกด้วยศาสตรามรรคนิรันดร์นานัปการ อานุภาพที่ปล่อยออกมาทำให้มองจากไกลๆ ก็ขนพองสยองเกล้าและรู้สึกสิ้นหวัง
ซู่หวั่นจวินไม่ได้ถอย กลับถือกระบี่บุกเข้าไป
ทันใดนั้นเงาร่างหลินสวินกลับปรากฏอยู่หน้าซู่หวั่นจวินพลางกล่าวง่ายๆ “ผู้อาวุโส ให้ข้าจัดการสวะพวกนี้เถอะ”
เมื่อเสียงดังขึ้นกลางฝ่ามือเขาปรากฏกระบี่มรรคเล่มหนึ่ง
เสียงยังดังก้องกระบี่มรรคในมือเขาก็ฟันออกมาแล้ว
ยามสิ้นเสียงพลังกระบี่ที่เขาฟันออกมาราวกับแสงทรงพลังเกินต้านทาน ทำลายพลังโจมตีของศัตรูพวกนั้นปานทำลายล้าง!
ตูม!
ละอองแสงฟุ้งกระจายทั่วฟ้า ศาสตรามรรคนิรันดร์นานัปการถูกซัดกระเด็นกลางเสียงครวญคร่ำ
เงาร่างของพวกจอมเทพเสวี่ยเลี่ยนถูกฝังกลบ!
มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ากายมรรคของพวกเขาแตกละเอียดทั้งหมด คล้ายหิมะน้ำแข็งถูกเปลวเพลิงหลอมละลาย แต่ละคนจิตสิ้นวิญญาณสลาย
ใช้เวลาแค่สิบลมหายใจเท่านั้น ทูตชะตาสวรรค์ภาคีบูรพายี่สิบเอ็ดคนล้วนสิ้นชีพ!
ชิ้ง!
เมื่อหลินสวินเก็บกระบี่มรรคลงไป ฟ้าดินเงียบสงัด มีเพียงกลิ่นคาวเลือดอบอวลโดยไร้สุ้มเสียง
ยามนี้ซู่หวั่นจวินเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน มองหลินสวินที่เดินมาพลางกล่าวมึนงง “พลังปราณของเจ้าก้าวสู่ระดับราชันไร้ขอบเขตแล้วหรือ”
นางแปลกใจมากจริงๆ ทั้งกล้ายืนยันว่าแม้แต่บุคคลระดับจอมมรรคไร้ขอบเขตก็คงไม่แข็งแกร่งเท่าหลินสวินแน่ ทำถึงขั้นนี้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง!
“ยังไม่ถึง”
หลินสวินส่ายหัว “ยังห่างอยู่ช่วงหนึ่ง”
‘ยังห่างอยู่ช่วงหนึ่ง…’
ซู่หวั่นจวินพลันหมดคำพูดอย่างอดไม่ได้
ไม่ได้แจ้งมรรคถึงระดับราชันไร้ขอบเขต แต่กลับครอบครองพลังแข็งแกร่งกว่าจอมมรรคไร้ขอบเขต เรื่องนี้ล้มล้างความเข้าใจของนางจริงๆ
“ผู้อาวุโส พวกเราออกจากที่นี่ก่อน ค่อยหาสถานที่คุยกัน”
หลินสวินกวาดสายตามองโดยรอบ ก็เห็นว่าจุดที่ห่างออกไปมีกลิ่นอายไม่น้อยกำลังรีบเร่งมา เห็นชัดว่าถูกการเคลื่อนไหวของการต่อสู้เมื่อครู่ทำให้ตกใจ
“ได้”
ซู่หวั่นจวินได้สติสงบลงทันที พาหลินสวินกับซย่าจื้อหันหลังจากบริเวณนั้นไปพร้อมกัน
กระทั่งเงาร่างของพวกเขาหายไป เหล่าผู้ฝึกปราณที่ชมการต่อสู้ก่อนหน้านี้จึงค่อยได้สติกลับมาจากความอึ้งงันสั่นสะท้าน
“น่ากลัวนัก…”
“หลินสวินนั่นไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยหรือ จอมมรรคไร้ขอบเขตยังไม่แข็งแกร่งเท่าเขาเลย!”
“พวกจอมเทพเสวี่ยเลี่ยนเรียกว่าเป็นใหญ่บนโลกนี้มาหลายปี แต่กลับถูกสังหารเหมือนไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา หากไม่เห็นกับตาตัวเองข้าคงไม่มีทางเชื่อ”
…เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น
เวลานี้ผู้ฝึกปราณมากมายมาถึงแล้ว หลังจากรู้เรื่องศึกใหญ่ก่อนหน้านี้ เหล่าผู้ฝึกปราณใจสะท้าน สูดหายใจเย็นเยียบไม่หยุด
วันนั้นข่าวการต่อสู้นี้แพร่ออกไปทั่วโลกย้อนกำเนิดอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกปราณทุกคนที่รู้ข่าวล้วนรู้สึกตกตะลึงตาค้างอย่างอดไม่ได้
ใครต่างก็รู้ว่าบนโลกย้อนกำเนิดนี้เกรงว่าคงไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับหลินสวินอีก!
ทูตชะตาสวรรค์ภาคีบูรพาอย่างจอมเทพเสวี่ยเลี่ยนตายแล้ว เหล่าทูตชะตาสวรรค์คนอื่นที่กระจายอยู่ในโลกย้อนกำเนิดนี้ หากรู้ข่าวก็คงไม่กล้าไปหาเรื่องหลินสวินอีก
กระทั่งพวกเขายังเป็นห่วงว่าหลินสวินจะมาหาเรื่องพวกเขาหรือไม่!
สรุปคือวันแรกที่หลินสวินเพิ่งมาถึงโลกย้อนกำเนิดก็เปิดฉากโกลาหลด้วยเรื่องนี้ ส่วนตัวเขาก็สร้างชื่อโด่งดังหลังการต่อสู้นี้
สำหรับเรื่องพวกนี้หลินสวินไม่รู้เลย ต่อให้รู้ก็ไม่มีทางสนใจแน่
ภายใต้การนำทางของซู่หวั่นจวิน ตอนนี้เขากับซย่าจื้อพักอยู่ในเรือนเงียบสงบหลังหนึ่งกลางเมืองหนานเคอแล้ว
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์