Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3225

สรุปบท ตอนที่ 3225 ยุคแรกกำเนิด: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 3225 ยุคแรกกำเนิด จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 3225 ยุคแรกกำเนิด คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 3225 ยุคแรกกำเนิด

หน้ากระท่อม

ได้นั่งดื่มสุราสนทนากับเฉินซี ทำให้หลินสวินผ่อนคลายนัก

กระทั่งดื่มสุราหมดไปหนึ่งกา เฉินซีก็วางจอกลง ถอนใจออกมาเหมือนพอใจแล้วเอ่ยว่า “ข้าจำได้ว่ายามดื่มสุรากันคราวก่อนยังดื่มกับมือกระบี่อย่างเต็มที่ เขาดื่มสุราดีที่ข้าเก็บรักษาไว้สามสิบเก้าไหหมดเกลี้ยงก็ยังไม่พอใจ บ่นว่าอยากดื่มอีก ข้าจะไปทำให้เขาสมใจได้อย่างไร บอกว่ารอตอนเขากลับมาจากวัฏจักรข้าค่อยเลี้ยงเขามื้อใหญ่ รับรองว่าจะให้เขาดื่มจนสาแก่ใจ… ประเดี๋ยวเดียวก็ผ่านไปหลายยุคแล้ว…”

ความผิดหวังฉายขึ้นในแววตาเขา

“ไม่อย่างนั้นคราวนี้ผู้อาวุโสก็เลี้ยงข้ามื้อใหญ่ไหมเล่า”

หลินสวินหัวเราะเอ่ย

เฉินซีก็หัวเราะ พูดว่า “ทำไมจะไม่ได้ แต่ต้องรอจนการประลองหมากครั้งนี้ปิดฉากลงถึงจะได้”

เขาเว้นช่วงไปแล้วพูดต่อว่า “เจ้าไม่รู้อะไร ตอนนั้นถ้ามือกระบี่นั่นไม่ต้องกลับเข้าสู่วัฏจักรฝึกปราณใหม่อีกครั้งให้ได้ ข้าจะไม่เลี้ยงสุราชั้นดีเขามากขนาดนั้นเด็ดขาด”

หลินสวินอึ้งไป เอ่ยว่า “ผู้อาวุโส พูดอย่างไม่ปิดบัง ข้าก็รู้เรื่องมรรควัฏจักรเช่นกัน แต่ถึงตอนนี้ยังไม่เคยครอบครองนัยเร้นลับแกนหลักวัฏจักร จนถึงกับตอนนี้ยังไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกนี้มีวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดอยู่จริง”

เฉินซีเอ่ยด้วยแววตาพิกล “ไม่มีใครเคยบอกเจ้าหรือว่าข้าครอบครองนัยเร้นลับวัฏจักรสมบูรณ์ อีกทั้งยามมือกระบี่นั่นเกิดใหม่ฝึกปราณอีกครั้งก็เป็นข้าส่งเขาไป”

หลินสวินยิ้มขื่นกล่าว “เรื่องนี้ข้าไม่รู้จริงๆ”

เฉินซีเอ่ย “เช่นนั้นเจ้าคงรู้จักลายธารใช่ไหม”

หลินสวินพยักหน้า “ข้าเคยเห็นอานุภาพของสมบัตินี้ยามอยู่เมืองเทพศุภโชค”

เฉินซียิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “มหามรรควัฏจักรที่สมบูรณ์มาจากสมบัติอย่างลายธารนี้ แต่ก่อนสมัยข้าฝึกปราณ คนที่มีลายธารจะถูกมองเป็น ‘ผู้ทำนายเคราะห์แห่งยุค’ แต่ข้าก็เพิ่งอนุมานได้ทีหลังเหมือนกันว่าพลังวัฏจักรมาจากลายธาร”

“และจนกระทั่งมาถึงแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้ ข้าถึงอนุมานได้ในที่สุดว่าสมบัติลายธารนี้ก็มาจากเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนั้น”

หลินสวินทึ่ง “นี่ไม่ได้เหมือนกับเรือนิรันดร์หรือ”

เฉินซีพยักหน้า “เป็นเช่นนี้จริงๆ วัฏจักรเกี่ยวโยงถึงความลับแห่งการกลับชาติเกิดใหม่ของชีวิต และน่าจะถือเป็นมรรคแห่งชีวิตชนิดหนึ่งด้วย”

หลินสวินถึงได้กระจ่างในยามนี้

ด้านเฉินซีเอาม้วนหยกม้วนหนึ่งออกมา เป็นสิ่งที่ไท่ชูทิ้งไว้ก่อนหน้านี้

“สหายน้อย ข้ารู้เป้าหมายที่เจ้ามาคราวนี้ อีกเดี๋ยวข้าจะบอกเล่าใจความและประสบการณ์ที่ได้มายามสัมผัสเขตผนึกอัศจรรย์ในช่วงหลายปีนี้ให้ทั้งหมด”

เฉินซีเล่นม้วนหยกม้วนนั้นแล้วเอ่ยว่า “แต่ก่อนจะทำเช่นนี้ พวกเรามาดูใจความกับประสบการณ์ที่ไท่ชูทิ้งไว้ก่อนเป็นอย่างไร”

หลินสวินยิ้มเอ่ย “ข้าก็ใคร่รู้เช่นกัน”

เฉินซีไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก จิตรับรู้สายหนึ่งแทรกเข้าไปในม้วนหยก

ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงเก็บม้วนหยก ท่วงทำนองประหลาดปรากฏขึ้นในสีหน้า ครู่หนึ่งถึงเอ่ยว่า “สหายน้อยก็ลองดู”

พูดพลางส่งม้วนหยกให้

หลินสวินแผ่จิตรับรู้สายหนึ่งแทรกเข้าไปในนั้นเช่นกัน

ทันใดนั้นการหยั่งรู้ต่างๆ ก็ปรากฏออกมาเหมือนกระแสน้ำ การหยั่งรู้เหล่านี้มาจากไท่ชู เป็นใจความที่เขาได้รับขณะสัมผัสเขตผนึกอัศจรรย์ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้

ในการหยั่งรู้เหล่านี้มีภาพน่าเหลือเชื่อมากมาย แต่ถูกกลิ่นอายแรกกำเนิดปกคลุมแทบทั้งสิ้น ดูคลุมเครือเหมือนภาพฝัน ไม่อาจแยกแยะได้ ราวกับชมบุปผากลางสายหมอก

แต่การหยั่งรู้บางอย่างในม้วนหยกนี้ก็เป็นนัยเร้นลับที่อนุมานมาจาก ‘ภาพ’ เหล่านี้

กระทั่งครู่ใหญ่หลินสวินจึงเก็บจิตรับรู้กลับมา ในใจสั่นสะท้านอยู่บ้าง

จากนัยเร้นลับที่หยั่งรู้และอนุมานได้เหล่านี้ ไท่ชูได้ความรู้อย่างหนึ่ง…

เขตผนึกอัศจรรย์มีความหมายสามอย่าง

อย่างแรกคือต้นกำเนิดที่ให้กำเนิดมรรคแห่งชีวิต มีมรรคแห่งชีวิตที่สมบูรณ์สายหนึ่ง

อย่างที่สองคือเป็นแกนหลักต้นกำเนิดของแหล่งสถานอัศจรรย์ ก็เหมือน ‘สายธารยุคสมัย’ ซึ่งเป็นแกนหลักต้นกำเนิดของแหล่งสถานศุภโชค ‘ห้าภูเขาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’ ที่เป็นแกนหลักต้นกำเนิดของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ‘ทะเลโชคชะตา’ แกนหลักต้นกำเนิดของแหล่งสถานคุนหลุน

อย่างที่สามคือ เป็นหนึ่งในต้นกำเนิดของ ‘ไอแรกกำเนิด’ อันสมบูรณ์!

ความหมายแรกเข้าใจได้ง่าย ก่อนหน้านี้หลินสวินก็เคยได้ข้อสันนิษฐานทำนองนี้มาก่อน

ความหมายที่สองหากโยงความเกี่ยวข้องระหว่างจตุโบราณสถาน ก็เข้าใจได้ง่ายเช่นกัน

เขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้ก็คือต้นกำเนิดของแหล่งสถานอัศจรรย์เช่นเดียวกับ ‘สายธารยุคสมัย’ ‘ห้าภูเขาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘ทะเลโชคชะตา’

มีเพียงความหมายที่สาม เป็นสิ่งที่หลินสวินคิดไม่ถึงเด็ดขาด

หนึ่งในต้นกำเนิดของแรกกำเนิดอันสมบูรณ์!

ในสายตาของไท่ชู ‘ไอแรกกำเนิด’ ที่ว่า สามารถบรรจุจำนวนของยุคสมัยที่ผันเปลี่ยน สามารถรวมมหามรรคไร้สิ้นสุด สามารถวิวัฒน์ให้กำเนิดโลกนับไม่ถ้วน สามารถเพิ่มพูนสิ่งมีชีวิตได้ไม่รู้จบ

ก็เหมือนทางเดินดาราฟ้าโบราณ โลกพันจักรวาล โลกยอดนิรันดร์… โลกเหล่านี้ต่างอยู่ในยุควิญญาณยุทธ์ สิ่งนี้สามารถมองเป็นอารยธรรมยุคสมัยแห่งหนึ่งได้

และก่อนยุควิญญาณยุทธ์ ยังมีอารยธรรมยุคสมัยอีกมากมาย

อารยธรรมยุคสมัยต่างๆ รองรับอารยธรรมฝึกปราณทั้งปวง รวมถึงมหามรรคทั่วหล้า

เฉินซีเอ่ย

หลินสวินพลันเอ่ยว่า “กฎระเบียบไท่ชูที่ปกคลุมรอบๆ แหล่งสถานศุภโชคนั่น คงไม่ใช่สิ่งที่ไท่ชูวางไว้เพื่อหลอมต้นกำเนิดศุภโชคกระมัง”

“เป็นเช่นนี้จริงๆ”

เฉินซียิ้มเอ่ย “ตอนนั้นหลังจากข้ารู้ทุกอย่างนี้ก็มุ่งหน้าไปสร้างเมืองเทพศุภโชค กำราบต้นกำเนิดศุภโชคไท่นั่น ทั้งยังคุ้มครองด้วยสมบัติลายธาร เช่นนี้จึงขวางพลังของไท่ชูที่ปกคลุมอยู่รอบๆ แหล่งสถานศุภโชคไว้ได้”

ตอนนี้หลินสวินถึงเข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดแหล่งสถานศุภโชคถึงติดอยู่ใต้การปกคลุมของกฎระเบียบไท่ชู

ใครจะคิดว่าไท่ชูถึงกับเคยบ้าขนาดคิดจะหลอมสามโบราณสถานทั้งหมด

“เจ้าหมอนี่ เพื่อแสวงมรรคถึงกับไม่สนใจทุกสิ่งแล้ว”

หลินสวินทอดถอนใจ

เฉินซีเอ่ย “ถ้าไม่เป็นเช่นนี้ ยามมือกระบี่นั่นจากไปในตอนนั้นก็คงไม่แปลงมรรควิถีทั้งตัวเป็นโซ่กระบี่ กำราบไท่ชูไว้ในโลกหม่นมัวหรอก ที่กังวลก็คือเขาจะออกจากแหล่งสถานอัศจรรย์นี้ไปสร้างเภทภัยให้ทั่วหล้า”

เขาเว้นช่วงก่อนกล่าวต่อ “แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไท่ชูเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ายกย่องคนหนึ่ง ความรู้เรื่องมหามรรครวมถึงจิตใจเสาะแสวงมรรคที่ไม่เปลี่ยนผันชั่วกาลของเขา กระทั่งข้ายังเลื่อมใสยิ่ง”

หลินสวินพยักหน้า จากนั้นเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ในความเห็นท่าน ไท่ชูหยั่งรู้และอนุมานเขตผนึกอัศจรรย์อย่างไร”

เฉินซีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าว “เขาไม่ได้เล่นตุกติกในการหยั่งรู้เหล่านี้ เพราะความลับที่เขาหยั่งรู้ได้ ข้าก็หยั่งถึงเช่นกัน พูดอีกอย่างก็คือ ในแง่ความรู้เรื่องเขตผนึกอัศจรรย์ เขาถึงกับทำให้ข้ารู้สึกเข้าใจหัวอกและเห็นอกเห็นใจกัน”

พูดจบเขาก็ถอนใจยาวๆ “น่าเสียดาย ต่อให้มีความรู้มหามรรคแบบเดียวกัน แต่มรรคาต่างกัน สิ่งที่ไขว่คว้าจึงขัดแย้งกัน นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า ‘สองทางไม่อาจบรรจบ’ อย่างไรก็ไม่อาจเป็นมิตรต่อกัน”

หลินสวินเอ่ย “คนที่เข้าใจตัวเองดีที่สุดมักเป็นศัตรู ประโยคนี้สามารถใช้กับไท่ชูได้ ว่ากันถึงที่สุดแล้ว การประลองหมากครั้งนี้อย่างไรก็ต้องตัดสินแพ้ชนะ”

เฉินซีเอ่ย “ช่วงเวลาตัดสินแพ้ชนะยังเร็วไป ถือโอกาสนี้ข้าก็มีใจความบางส่วนอยากพูดคุยกับสหายน้อยเช่นกัน”

หลินสวินยิ้มเอ่ย “ผู้น้อยขอรับฟังด้วยความเคารพ”

“ไท่ชูคิดว่าเขตผนึกอัศจรรย์เก็บซ่อนมรรคแห่งชีวิตเอาไว้ และมรรคแห่งชีวิตนี้ถูกเขามองเป็นต้นกำเนิดแกนหลักของ ‘ยุคแรกกำเนิด’ แต่ข้าคิดว่ามรรคแห่งชีวิตนี้ควรเรียกว่า ‘มรรคาหงเหมิง[1]’ ถึงจะถูก”

‘มรรคาหงเหมิงหรือ’ หลินสวินครุ่นคิด

“ใช่แล้ว หงเหมิงที่พูดถึง ก็คือแกนหลักของยุคแรกกำเนิดอย่างหนึ่ง เป็นต้นกำเนิดแห่งชีวิต ถ้าเปรียบเทียบก็คือ หากยุคแรกกำเนิดคือไข่ไก่ฟองหนึ่ง เช่นนั้นพลังหงเหมิงนี้ก็จะเป็นไข่แดง มรรคแห่งชีวิตทั้งหมดล้วนฟูมฟักและถือกำเนิดจากจุดนั้น…”

ขณะเอ่ยเฉินซีก็บอกนัยเร้นลับที่ตนหยั่งรู้ได้ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ออกมาทั้งหมด

——

[1] หงเหมิง หมายถึงความขุ่นมัวอันกว้างใหญ่ เป็นคำเรียกชี่ดั้งเดิมตามธรรมชาติที่ขุ่นมัวคลุมเครือในช่วงก่อนเบิกฟ้าตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์