ตอน ตอนที่ 3226 การตัดสินแพ้ชนะ เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 3226 การตัดสินแพ้ชนะ เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 3226 การตัดสินแพ้ชนะ เริ่มขึ้น ณ บัดนี้
หลินสวินสงบใจรับฟัง ถามกลับเป็นครั้งคราว
เฉินซีก็อธิบายให้ทั้งหมดอย่างใจเย็น
ส่วนนัยเร้นลับที่ตัวเฉินซีสัมผัสได้แต่ยังไม่อาจกลั่นกรองบางอย่าง ก็จะถูกเขาเอามาถกกับหลินสวิน
นี่ทำให้ทั้งสองต่างได้รับผลเก็บเกี่ยว
หลายวันผ่านไปแล้วอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้ตัว
จากการถกมรรค ทำให้เฉินซีได้รู้ความรู้เรื่องมหามรรคกับมรรควิถีที่หลินสวินครอบครองในปัจจุบัน ในใจจึงทอดถอนใจไม่หยุด
จนสุดท้ายเฉินซียังไม่อาจไม่เฝ้าคอยยามหลินสวินได้ไปสัมผัสเขตผนึกอัศจรรย์ด้วยตัวเองจริงๆ ว่าจะได้ผลเก็บเกี่ยวเช่นไร
“ผู้อาวุโส ข้าคิดจะกลับโลกจำศีล เริ่มไปสัมผัสนัยเร้นลับของเขตผนึกอัศจรรย์”
วันนี้หลินสวินตัดสินใจ
เฉินซีอึ้งไป จากนั้นก็ยิ้มพลางรับปาก เขานำม้วนหยกรูปกระบี่ม้วนหนึ่งออกมามอบให้หลินสวิน “นี่เป็นใจความที่มือกระบี่ผู้นั้นทิ้งไว้ตอนนั้น เนื้อหาในนั้นไม่ต่างกับที่เจ้ากับข้าพูดคุยกันในหลายวันนี้เท่าไร แต่เจ้าไปหยั่งรู้ขบคิดเอาเองอีกหน่อย อาจจะอานุมานนัยเร้นลับที่แตกต่างกันบางอย่างออกมาได้”
หลินสวินรับไว้ด้วยสองมือ กุมมือคารวะขอบคุณ
จากนั้นเฉินซีมาส่งหลินสวินออกไปด้วยตัวเอง มองดูเงาร่างหลินสวินหายลับไปในทางออกโลกหงหลิง เขาเลิกคิ้วน้อยๆ อย่างอดไม่อยู่ จมสู่ภวังค์ความคิด
“ท่านปู่ ทำไมหลินสวินถึงไปแล้ว”
ไกลออกไปเฉินหลินคงรีบร้อนเข้ามา
เฉินซีมองเขาครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ไม่ใช่บอกว่าห้ามเจ้าออกจากที่ฝึกปราณหรือ”
เฉินหลินคงกระดาก พูดว่า “เห็นหลินสวินจะจากไป ข้าจึงอยากมาทักทายเขา”
“ไปเถอะ”
เฉินซีหันหลังเดินกลับที่พักของตน
“ท่านปู่ ท่านยังไม่บอกเลยว่าทำไมหลินสวินถึงจากไป”
เฉินหลินคงตามเข้ามาถาม “หรือเขาไม่รู้ว่าการหยั่งรู้กลิ่นอายของเขตผนึกอัศจรรย์ในโลกหงหลิงแห่งนี้ถึงจะปลอดภัยที่สุด อย่างน้อยทันทีที่เกิดตัวแปรบางอย่างขึ้น ด้วยความสามารถของท่านปู่ก็ช่วยคลี่คลายให้เขาได้”
“เขาอาจจะคิดอีกอย่างกระมัง”
เฉินซีเอ่ย
“คิดอีกอย่างหรือ”
เฉินหลินคงไม่ได้โง่ ใคร่ครวญเล็กน้อยก็ขมวดคิ้ว “นี่เขาระแวงพวกเราอยู่หรือ”
“ระแวงหรือ”
เฉินซียิ้มออกมา “ก็ไม่เชิง เจ้าก็อย่าคิดมาก จริงสิ เจ้าว่าโพธิ์เป็นคนอย่างไร”
เฉินหลินคงขบคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นปณิธานหรือความกล้า ล้วนเรียกได้ว่าพบเห็นได้น้อยบนโลก แม้แต่ความเชี่ยวชาญด้านมหามรรคของเขายังร้ายกาจกว่าข้า ถ้าไม่ใช่ว่าเขาทิ้งรูปจำลองวิชามรรคไว้ในระเบียบมรรควัฏจักรสมัยอยู่โลกแปรปุถุชน ความสำเร็จของเขาย่อมไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้นแน่”
พอคิดถึงตรงนี้ในใจเขาก็ทอดถอนใจไปครู่หนึ่ง
ตอนนั้นโพธิ์เข้าสู่โลกแปรปุถุชน เดิมมีโอกาสทิ้งรูปจำลองวิชามรรคของเขาไว้เหนือระเบียบมรรควัฏจักร
เช่นนี้ยามผ่านโลกเก้าชั้นในแดนเทพสรรพวิญญาณ สิ่งที่ได้รับจะไม่ใช่ผลมรรคแรกกำเนิด แต่เป็นบ่อเกิดแรกกำเนิด!
หากเป็นเช่นนี้ ด้วยความสามารถและสติปัญญาของโพธิ์ เกรงว่าเมื่อมาถึงแดนเทพมากเร้นแห่งนี้ก็มีโอกาสก้าวออกจากขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์แล้ว
แต่โพธิ์ในตอนนั้นกลับไม่ได้ทำเช่นนี้!
มาจนตอนนี้เฉินหลินคงถึงเข้าใจ ที่โพธิ์ทิ้งรูปจำลองวิชามรรคไว้ในระเบียบมรรควัฏจักร ก็เพื่อทำให้ศิษย์อย่างหลินสวินสมปรารถนา
เป็นอาจารย์เพียงวันเดียว ดั่งเป็นบิดาทั้งชีวิต
โพธิ์เคยกล่าวไว้ ตั้งแต่หลินสวินเข้าคีรีดวงกมลเมื่อยังเยาว์จนฝึกปราณถึงตอนนี้ ไม่เคยได้รับการชี้แนะหรือถ่ายทอดวิชาจากเขาเลย
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ จึงทำให้เขาติดค้างในใจ ถึงได้ทิ้งรูปจำลองวิชามรรคไว้ในระเบียบมรรควัฏจักรที่โลกแปรปุถุชน เพื่อ ‘ถ่ายทอดวิชา’ ให้หลินสวินในอีกรูปแบบหนึ่งกระมัง
แต่ก็ไม่รู้ว่าหลินสวินจะนึกถึงจุดนี้หรือไม่ ทั้งจะรับรู้ได้หรือไม่ว่าความทุ่มเทและค่าตอบแทนที่โพธิ์เสียไป… มากมายเพียงไหน!
ก็ในตอนที่เฉินหลินคงความคิดล่องลอย เสียงของเฉินซีก็ดังขึ้นที่ข้างหูอีกครั้ง “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าจักจั่นทองล่ะเป็นคนอย่างไร”
“จักจั่นทองหรือ”
เฉินหลินคงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “คนผู้นี้ยอดเยี่ยมยิ่ง ตั้งแต่ข้าได้รู้จักเขาจนตอนนี้ ไม่เคยเห็นว่าเขาจะทำอะไรด้วยกำลังทั้งหมดจริงๆ สักเรื่อง คล้ายไม่ว่าเรื่องใดเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็สามารถคลี่คลายได้อย่างง่ายดาย ถึงขนาดที่ข้ามักจะสงสัยว่ามรรควิถีของเขาแข็งแกร่งปานไหนกันแน่”
ขณะพูด เขาก็ยิ้มให้ “โพธิ์เคยพูดว่าจักจั่นทองมรรคสูงล้ำฟ้า ในความคิดของข้า จักจั่นทองคือมรรคไม่อาจหยั่งถึงต่างหาก”
“จักจั่นทองที่ท่องไปในยุคต่างๆ ตัวหนึ่ง กลับได้รับคำชื่นชมจากเจ้ากับโพธิ์ขนาดนี้ คิดดูก็เป็นผู้มากสามารถคนหนึ่ง”
เฉินซีพยักหน้าเอ่ย “แต่น่าเสียดาย หลังจากเขาเข้าสู่แดนเทพมากเร้นก็เก็บตัวในโลกจำศีลมาตลอด ถึงขนาดที่จนตอนนี้ข้าก็ยังไม่เคยพบเขาสักครั้ง”
เฉินหลินคงส่ายหัวเอ่ย “จะโทษก็ได้แต่โทษจักจั่นทอง ข้าเคยเชิญเขามาเยือนโลกหงหลิงหลายครั้งแล้ว แต่ถูกเขาปฏิเสธตลอด”
เฉินซีเอ่ย “บนมหามรรคใครไม่มีนิสัยประหลาดบ้างเล่า ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเขาแล้ว”
เขาหันกลับไปมองเฉินหลินคง “เจ้ายังตามข้ามาทำไม ไปฝึกปราณไป!”
เฉินหลินคงร้องเอ้อ เอ่ยว่า “ท่านปู่ หลินสวินกำลังจะไปหยั่งรู้นัยเร้นลับเขตผนึกอัศจรรย์นั่น การประลองหมากครั้งนี้ก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ข้าจะมีกะจิตกะใจไปฝึกปราณได้อย่างไร”
เฉินซีส่ายหัว ไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังเดินเข้าไปในกระท่อมของตน
ส่วนเฉินหลินคงยิ้มคล้ายยกภูเขาออกจากอก
……
ระหว่างทางที่หลินสวินกลับมาโลกจำศีล จู่ๆ ก็มีเสียงของไท่ชูดังมาจากโลกหม่นมัว “สหายยุทธ์ จากความเห็นของเจ้า ระหว่างข้ากับเฉินซี การหยั่งรู้เขตผนึกอัศจรรย์ของผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน”
“เจ้าชอบเอาชนะขนาดนี้เชียวหรือ”
หลินสวินยิ้มหยัน
เขาในตอนนี้เป็นดั่งไอแรกกำเนิดกลุ่มหนึ่ง ไม่อาจบรรยายถึงลักษณะ ไม่อาจอธิบายได้
โพธิ์กับจักจั่นทองซึ่งอยู่ในโลกนี้ต่างตกตะลึงกับปรากฏการณ์ประหลาดที่ ‘เร้นลับ’ เช่นนี้ทันที ต่างสบตากันแล้วมองดูหลินสวินที่อยู่ริมผาไกลออก
“ไอแรกกำเนิดของเขาว่างเปล่าไร้สิ่งใด…” จักจั่นทองพึมพำ สีหน้าเผยประกายยากอธิบาย เอ่ยทอดถอนใจว่า “มรรควิถีของสหายน้อยหลินทำให้ผู้อื่นมองไม่ออกโดยสมบูรณ์แล้ว…”
‘มีผู้สืบทอดเช่นนี้ ข้าโพธิ์รู้สึกเป็นเกียรติปานใด’
ในใจโพธิ์เปี่ยมไปด้วยความปรีดา
“อาจารย์ ผู้อาวุโสจักจั่นทอง”
ที่ริมผาหลินสวินลุกขึ้น สายตามองมาไกลๆ ยิ้มเอ่ยว่า “ต่อไปข้าจะไปหยั่งรู้กลิ่นอายของเขตผนึกอัศจรรย์นั้น ในช่วงนี้ข้าหวังว่าต่อให้เกิดการประลองหมากตัดสินเป็นตาย พวกท่านก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงข้า”
โพธิ์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ดี”
จักจั่นทองกุมมือให้จากไกลๆ
จากนั้นหลินสวินก็เงยมองไปยังเวิ้งฟ้า ร่างกายเขาว่างเปล่า แต่จิตวิญญาณเขาเหมือนรุ้งเทพทะยานฟ้าสายหนึ่ง พุ่งทะลุเมฆา โฉบออกจากโลกจำศีล ทะลวงผ่านไอแรกกำเนิดเป็นชั้นๆ ของแดนเทพมากเร้นไปสู่ส่วนลึกอันไร้ที่สิ้นสุด…
โลกหม่นมัว
เสียงโซ่กระทบกันรุนแรงระลอกหนึ่งพลันดังขึ้นในส่วนลึกใต้ดิน
ไท่ชูส่งเสียงหัวเราะอย่างตั้งตาคอย “ในที่สุดก็จะมาแล้ว ข้าอยากเห็นนักว่าเขตผนึกอัศจรรย์นี่จะเปลี่ยนแปลงเช่นไรเพราะการมาถึงของตัวแปรนี้…”
อีกาดำที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้แห้งเพียงลำพังยังจิตใจไหวหวั่นอย่างอดไม่ได้ เอ่ยพึมพำว่า “ในที่สุดก็จะตัดสินแพ้ชนะแล้ว ข้ารอมาเนิ่นนานเกินไปแล้ว…”
ไม่ไกลนักบรรพจารย์วานรที่นั่งขัดสมาธิกับพื้นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองออกไปไกล สีหน้ามีแต่ความเฉยชา มีเพียงส่วนลึกในดวงตาที่มีเปลวเพลิงไหวเคลื่อน
เขาดึงกระบี่คู่ที่สะพายอยู่ข้างหลังมา สองมือรวบเข้าหากัน
ชิ้ง!
กระบี่มรรคดำเล่มขาวเล่มถึงกับรวมเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นกระบี่มรรคที่มีสีแห่งแรกกำเนิดเล่มหนึ่ง
‘เฉินซี เจ้ารู้ไหมว่าข้าก็รอคอยวันนี้มานานแล้วเหมือนกัน…’
บรรพจารย์วานรคิดในใจ
โลกหงหลิง
เฉินหลินคงเงยหน้าขึ้นทันที เอ่ยว่า “ท่านปู่ เริ่มแล้ว!”
เสียงกระจ่างชัดของเฉินซีดังออกมาจากในกระท่อม “เวลาตัดสินแพ้ชนะมาถึงแล้วจริงๆ แต่… ก็เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ดูต่อไปก่อน”
เสียงสงบนิ่งก็เจือแววตั้งตาคอยรางๆ
เวลานี้ต่อให้เป็นบรรพจารย์ของสี่หอบรรพจารย์อย่างหยวนชู ซวีอิ่น เทียนอูและซื่อ หรือจอมมรรคชะตาสวรรค์ทั้งเก้าของเก้าภาคีไท่ชูต่างก็รู้สึกได้ ล้วนสะท้านไปทั้งตัว รับรู้ได้ว่าเวลานี้การประลองหมากครั้งนี้เข้าสู่ช่วงเวลาที่กำลังจะชี้ขาดแล้ว!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์