ตอนที่ 3232 ควรลงมือก็ลงมือ เหตุใดต้องรอช้า
เมื่อมหามรรคเหนือกว่าระดับนิรันดร์ วิธีและอานุภาพยามประชันกันก็ไม่ใช่วิชามรรคในความหมายทั่วไปแล้ว
การประชันเช่นนี้ สิ่งที่ประชันคือความสูงต่ำในมรรคาแต่ละคน สิ่งที่สำแดงออกมาระหว่างประชัน คือการครอบครองนัยเร้นลับมหามรรคของแต่ละคน
สภาวะจิต เจตจำนง และสติปัญญา ล้วนผสานอยู่ในทุกรายละเอียดของการต่อสู้
ในสายตาของทุกคนกลับเป็นอีกภาพหนึ่ง
เมื่อมหามรรคไร้เทียมทานสองสายปะทะชิงชัยอย่างดุเดือดกลางไอแรกกำเนิด ในกระแสมหามรรคที่ซัดขึ้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณสิ้นหวังได้
แม้จะอยู่ในสายตาของขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์อย่างพวกเฉินหลินคง อีกาดำ การประชันมรรคเช่นนี้ก็ยังเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดของโลก มีความน่ากลัวซ่อนอยู่!
ยามจิตใจของพวกเขาสัมผัส ยังพบเจอการโจมตีและผลกระทบอย่างไม่อาจเลี่ยง
แน่นอนว่าพวกเขาไม่โง่ถึงขั้นไปสังเกตและพิสูจน์ เช่นนี้มีแต่จะทำให้มรรคาของพวกเขาถูกโจมตีรุนแรง!
ตูม โครม…
การต่อสู้ของเฉินซีและบรรพจารย์วานรน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เงาร่างของทั้งสองพุ่งทะลวงส่วนลึกของเวิ้งฟ้าแรกกำเนิดขุ่นมัวเป็นชั้นๆ นั้น ทำให้พื้นที่ตรงนั้นปรากฏภาพฟ้าร้องฟ้าลั่น ด่านเคราะห์พาดขวาง หมื่นมรรคถล่มทลายทุกแห่งหน
“การต่อสู้ครั้งนี้คงไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะได้ในเวลาสั้นๆ”
ไท่ชูหรี่ตาเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบา
“บรรพจารย์วานรต้องตาย”
หลินสวินพูดง่ายๆ
การคาดเดาสองแบบ ไท่ชูมองว่าไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่หลินสวินมองว่าบรรพจารย์วานรต้องตาย ก็สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะจิตที่แตกต่างกันของทั้งสองแล้ว
ไท่ชูอดยิ้มไม่ได้ “บนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน สหายน้อยชี้ชัดเช่นนี้ได้อย่างไร”
“แม้ตอนนี้มรรคาของบรรพจารย์วานรไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ในใจเขามีเพียงแพ้ชนะและเป็นตาย”
หลินสวินกล่าวเรียบเรื่อยๆ “ถึงอย่างไรเขาก็เคยพ่ายแพ้ให้ผู้อาวุโสเฉินซี เคยถูกกำราบในวัฏจักร สิ่งที่เขาปรารถนาคือเอาชนะผู้อาวุโสเฉินซี ชำระแค้นในอดีต แต่ในใจผู้อาวุโสเฉินซี การต่อสู้ครั้งนี้ที่ประชันกันคือความสูงต่ำ เทียบว่าใครไปได้ไกลกว่า”
เจขาเว้นช่วงไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “บรรพจารย์วานรยึดติดแพ้ชนะ ถูกจำกัดด้วยความเป็นความตาย ส่วนผู้อาวุโสเฉินซีกลับยึดในมรรคา สนใจความสูงต่ำและยาวไกล ทั้งสองเทียบกันแล้ว อย่างไรบรรพจารย์วานรก็ด้อยกว่าเล็กน้อย บางทีคงเพราะความทรมานในวัฏจักรนิรันดร์กลายเป็นพันธนาการในใจเขา”
แววตาไท่ชูวับวาว ส่ายหน้าพูด “ผู้ยึดติดจึงจะสำเร็จ ข้ากับเจ้ามีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน”
หลินสวินพูดเรื่อยเฉื่อย “ปกติ ต่างมีหนทางของตนเอง มีความยึดถือของตนเอง นี่ก็คือเหตุผลของการต่อสู้มหามรรค จะตัดสินสูงต่ำ มีเพียงเผยความสามารถอย่างแท้จริง”
“ไม่ผิด ไม่ว่าการต่อสู้ใดสุดท้ายก็ต้องตัดสินสูงต่ำด้วยหมัด หลักเหตุผลที่ธรรมดาที่สุดจึงจะเป็นเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากไม่ยอม เช่นนั้นก็จะซัดจนเจ้าจำยอม”
ไท่ชูหัวเราะฮ่าๆ
“อีกาดำ มาสู้กัน!”
จู่ๆ เฉินหลินคงที่อยู่ห่างออกไปแววตาราวกับสายฟ้า มองอีกาดำจากไกลๆ พลังขับเคลื่อนทั้งร่างราวกับธารใหญ่ยาว โคจรไม่หยุด เพิ่มสูงขึ้นเป็นชั้นๆ พลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำหมายจะกลบท่วมท้องฟ้า
เห็นเช่นนี้ไท่ชูยิ้มเอ่ย “อีกาน้อย ไปรับศึกเถอะ หากเป็นไปได้ สั่งสอนเจ้าคนไม่รู้ความแซ่เฉินนี่ให้ข้าหน่อย เขาหยิ่งผยองยิ่งกว่าปู่ของเขามาก”
“แค่สั่งสอนน่าเบื่อเกินไป ข้าจะฆ่าเขาซะ”
ใบหน้ากระจ่างของอีกาดำเต็มไปด้วยไอสังหาร นางทะยานห้วงอากาศ ชุดดำพลิ้วไปตามสายลม บนร่างงามปรากฏพลังกฎระเบียบแรกกำเนิดปานเปลวเพลิงไพศาล
ตูม!
นางประกบมือทำมุทรา สุริยันสีดำดวงโตทะยานห้วงอากาศไป
เฉินหลินคงยื่นมือขวาออกไป ฝ่ามือรวบกำ ชักกระบี่มรรคที่ควบรวมจากมหามรรคแห่งตนออกมา ในเสียงกระบี่ครวญ หนึ่งกระบี่แทงออกไป
สุริยันสีดำดวงโตกำราบเข้ามา ถูกกระบี่แทงเข้าใส่พอดี ระเบิดออกโดยพลัน
กลับเห็นอีกาดำบินมาตัวเปล่า โจมตีเข้ามาแล้ว ต่อสู้กับเฉินหลินคงอย่างดุเดือด
ขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์สองคน มรรควิถีเท่ากับยืนอยู่ปลายสุดของขั้นไร้ขอบเขตในโลกแล้ว การต่อสู้ที่เกิดขึ้นก็เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ชั้นยอดบนมรรคานิรันดร์แล้ว
“สหายุทธ์คิดว่าความสามารถของพวกเขาเป็นอย่างไร”
ไท่ชูเพียงเหลือบมองการต่อสู้นี้แวบหนึ่ง ก่อนจะหันมองหลินสวินอีกครั้ง
“แพ้ชนะระหว่างพวกเขาไม่ใส่สิ่งที่พวกเขาควบคุมได้ ว่ากันถึงที่สุด ต้องดูการประชันระหว่างผู้อาวุโสเฉินซีและบรรพจารย์วานร ทั้งยังต้องดูการประชันระหว่างเจ้ากับข้า”
หลินสวินพูดง่ายๆ
ไท่ชูเอ่ยอย่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง “ไม่ผิด ข้าไม่ยอมให้อีกาดำเกิดเรื่อง เฉินซีกับเจ้าก็ไม่ยอมให้เฉินหลินคงเกิดเรื่องเช่นกัน”
สายตาของเขากวาดผ่านหลินสวิน มองไปยังโพธิและจักจั่นทอง ยิ้มพูด “สำหรับพวกเขา เป็นผู้ชมก็ดี แต่เมื่อลงมือกลับจะทำให้เจ้าเดือดร้อนไปด้วย และจะสร้างโอกาสในการโจมตีเจ้าให้ข้า”
โพธิขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่เอ่ยอันใด
จักจั่นทองยังคงอ่อนโยน นิ่งสงบใจเย็น
และตอนนี้เอง…
หลินสวินเงยมองส่วนลึกของไอแรกกำเนิดขุ่นมัวที่อยู่ห่างไป “เริ่มกันเถอะ”
คำพูดเบาๆ สามคำกลับเหมือนสายฟ้าฟาด
ชั่วขณะนี้แม้แต่แดนเทพมากเร้นยังสั่นเล็กน้อย ส่วนบนร่างหลินสวินมีพลังขับเคลื่อนและท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ไร้รูปปรากฏ ไม่มีคลื่นมหามรรคอะไร และไม่มีอานุภาพสะเทือนจักรวาล ยิ่งไม่มีแสงมรรครั่วไหลแม้แต่เสี้ยว
ครู่ต่อมา บนร่างของหลินสวิน ก็สะท้อนปรากฏการณ์ประหลาดของแหล่งสถานคุนหลุน แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แหล่งสถานศุภโชคออกมา พร้อมกับการต่อสู้ของเขา ปรากฏการณ์ประหลาดเหล่านี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดและเหลือเชื่อไปด้วย
ทั้งสองต่อสู้อย่างดุเดือด ราวกับกำลังช่วงชิงสิทธิ์ในการครอบครองของทั้งยุคแรกกำเนิด กฎระเบียบต้นกำเนิดที่ใช้แม้เหมือนกัน แต่มรรคาของแต่ละคนกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ยามไท่ชูลงมือ ทุกอย่างปรากฏกลิ่นอายทำลายล้างที่สุดยอดและน่ากลัว การเสื่อมโทรม การแห้งเหือด การเหี่ยวเฉา การพินาศ การสิ้นสุด… ล้วนเกี่ยวข้องกับการทำลายล้างและความตาย
ทำให้กฎระเบียบต้นกำเนิดของสามโบราณสถาน ที่เขาสำแดงออกมา ก็ปรากฏอานุภาพแห่งการทำลายล้างที่กดขี่ใจคน!
ส่วนพลังของหลินสวิน มีมรรคแห่งการแปรสภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุด เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมุนเวียนเป็นวัฏจักร โคจรความลับแห่งชีวิตในความแห้งเหือดและความรุ่งเรือง ทำให้สามโบราณสถานที่เขาสำแดงออกมา เหมือนกำลังแปรสภาพและหมุนเวียนเกิดใหม่อยู่ตลอด…
นี่ก็คือความแตกต่างของมรรคา
เมื่อทั้งสองเริ่มสัมผัสและหยั่งรู้แก่นแท้ของ ‘มรรค’ ไปแสวงความเร้นลับบนมรรคแห่งชีวิต สิ่งที่หยั่งถึง ความจริงล้วนเป็นปริศนาที่ต้นกำเนิดที่สุดในยุคแรกกำเนิดนี้
และเพราะสภาวะจิตของแต่ละคนแตกต่างกัน มรรคาแตกต่างกัน จึงปรากฏพลังมหามรรคที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้
โครม!
สถานการณ์การต่อสู้ยิ่งดุเดือดกว่าเดิม เงาร่างของหลินสวินและไท่ชูแทบจะกลายเป็นภาพมายาขึ้นมา มองจากไกลๆ ก็เหมือนมหามรรคเลิศล้ำสองแบบ ต่อสู้อย่างเต็มพลัง
พลังและอานุภาพระดับนั้น ไม่ทันไรก็สามารถทำลายล้างอารยธรรมแห่งยุคฝั่งหนึ่งได้แล้ว!
โพธิและจักจั่นทองได้หนีไปไกลแล้ว
ในแดนเทพมากเร้นตอนนี้ เฉินซีและบรรพจารย์วานรกำลังประชันกัน หลินสวินและไท่ชูกำลังประชันกัน เฉินหลินคงและอีกาดำก็กำลังประชันกัน การต่อสู้ทั้งสาม ล้วนสามารถขย่มจิตใจคน ดุเดือดเกินไปแล้ว
หากอยู่ที่อื่น คงนำพาภัยพิบัติที่ไม่สามารถคาดเดานานแล้ว ถูกกำหนดให้แผ่ไปทั่วหล้า ส่งผลกระทบต่อความเป็นความตายของสิ่งมีชีวิตวิญญาณหมื่นล้าน!
แม้อยู่ในแดนเทพมากเร้น พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นจากการประชันเช่นนี้ ยังคงน่ากลัวจนทำให้ผู้คนสิ้นหวัง
อย่างน้อย โพธิยอมรับว่าหากเปลี่ยนเป็นเขา บางทีอาจจะประลองกันอีกาดำได้ แต่หากเจอตัวละครอย่างบรรพจารย์วานร ไท่ชูเข้า ถูกกำหนดให้ยากจะรอดกลับมา
“สหายน้อย ระหว่างข้ากับเจ้าจะตัดสินแพ้ชนะกัน ถึงอย่างไรก็ต้องประชันกันที่การครอบครองของมรรคแห่งชีวิต เจ้าคิดว่าการโจมตีนี้เป็นอย่างไร”
ทันใดนั้น เสียงของไท่ชูดังขึ้นระหว่างฟ้าดิน
พลันเห็นเขายิ้ม ฝ่ามือคว้าอย่างกะทันหัน
โครม!
กฎระเบียบแรกกำเนิดทั่วฟ้าดิ่งลง กลายเป็นมือข้างใหญ่ ยามปกคลุมลงมา ภาพที่แปลกประหลาดน่ากลัวปรากฏขึ้น
สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณส่วนใหญ่บนร่างกายของหลินสวินกลับถูกคว้าไปอย่างรุนแรง!
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์