ตอนที่ 3231 ศัตรูคู่แค้นในตอนนั้น ชิงชัยในตอนนี้
ขออภัยที่ช้าจ้าเราไม่สบายงิ
ไท่ชูหัวเราะหึๆ มองหลินสวินปราดหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “หวังได้ยินโดยละเอียด”
หลินสวินชี้ออกไปไกลแล้วพูดว่า “เป็นเช่นนัยเร้นลับที่ก่อนหน้านี้สหายยุทธ์หยั่งถึง เขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้ก็คือต้นกำเนิดของแหล่งสถานอัศจรรย์ ภายในนั้นเคยมีมรรคแห่งชีวิตที่สมบูรณ์สายหนึ่งอยู่”
“เคยมีหรือ” ไท่ชูนิ่วหน้า “หรือตอนนี้ไม่มีแล้ว”
ประโยคนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนที่นั่นเช่นกัน
หลินสวินเอ่ย “ก็มีอยู่ แต่เป็นเพียงมรรคแห่งชีวิตที่ถูกบดขยี้”
ต่อมาเขาก็เล่าเรื่องต้นชีวิตอัศจรรย์ที่ได้เห็นในแหล่งสถานอัศจรรย์ต้นนั้นออกมาตามตรง ไม่ได้ปกปิด
ขณะฟังทุกคนในที่นั้นต่างจิตใจสั่นไหว
“เคราะห์เดียวถึงกับทำลายมรรคแห่งชีวิต ดูท่าเคราะห์ด่านนี้จะไม่ได้เป็นของยุคแรกกำเนิดนี้สินะ…” เฉินซีถอนใจเบาๆ
เขาเข้าใจยามนี้เช่นกันว่าพลังวัฏจักรที่เขาครอบครองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมรรคแห่งชีวิตเท่านั้น ส่วนสมบัติอย่างลายธารนี้ก็ถือกำเนิดขึ้นจากต้นชีวิตอัศจรรย์ต้นนั้น
“สหานยุทธ์ครอบครองพลังนิพพาน จะไม่ใช่หมายความว่าสามารถฟื้นฟูต้นชีวิตอัศจรรย์ต้นนั้นได้หรือ เช่นนี้มรรคแห่งชีวิตที่เสียหายไม่สมบูรณ์นั้นก็สร้างขึ้นใหม่ได้ใช่หรือไม่”
และเวลานี้เอง ไท่ชูตระหนักถึงบางอย่าง มองมายังหลินสวิน
“ไม่ผิด”
หลินสวินไม่ได้ปกปิด ดูเปิดเผยยยิ่งยวด
“อย่างนี้นี่เอง…”
ไท่ชูทอดถอนใจ “นัยเร้นลับนิพพานนี้เป็นตัวแปรที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างหนึ่งดังคาด แต่คิดไม่ถึงว่าประโยชน์อัศจรรย์ของมันจะน่าเหลือเชื่อปานนี้”
เขาจมสู่ภวังค์ คล้ายครุ่นคิดและอนุมานอะไรอยู่
‘ท่านปู่ ทำไมหลินสวินถึงพูดความลับเช่นนี้ออกมา’
เฉินหลินคงสื่อจิตถามอย่างอดไม่อยู่ เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดหลินสวินถึงใจกว้างขนาดนี้ ไม่ปกปิดสักนิด
‘ยามตัดสินเป็นตาย เมื่อเจ้าคิดปกปิดหรือเก็บงำจากศัตรู บางคราวอาจหมายถึงว่าในใจเจ้าเกิดความกังวล’
‘ก็อย่างที่ไท่ชูพูดไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาไม่มีทางทิ้งทางรอดไว้ให้ตัวเองเป็นอันขาด จากจุดนี้สภาวะจิตจึงมีความเด็ดเดี่ยวว่าต้องชนะ เป็นเพียงการประชันด้านสภาวะจิตอย่างหนึ่ง’
เฉินซีสื่อจิตอธิบายอย่างใจเย็น ‘ที่หลินสวินไม่ได้ปิดบัง หนึ่งเพราะไท่ชูเคยมอบม้วนหยกให้ สุดท้ายแม้ว่าข้าจะเป็นคนเก็บม้วนหยกนั้นไว้ แต่หลินสวินก็ได้หยั่งรู้จากม้วนหยกของไท่ชู นี่เท่ากับรับน้ำใจเอาไว้กลายๆ’
‘ทันทีที่ตัดสินเป็นตาย ถ้าเดิมทีหลินสวินตั้งใจว่าจะสังหารอีกฝ่าย ก็ต้องได้รับผลกระทบจากน้ำใจนี้ เขาจะคิดถึงการมอบวิธีตายอันมีเกียรติให้อีกฝ่าย จะไตร่ตรองหลายเรื่องมากขึ้น เช่นนั้นความคิดที่จะสังหารอีกฝ่ายก็จะไม่แน่วแน่หมดจดอีกต่อไป’
‘แทนที่จะเป็นแบบนี้ จึงควรตัดผลกระทบนั้นไป เพื่อไม่ให้มีความคิดฟุ้งซ่านใดๆ มารบกวนยามต้องสังหารคู่ต่อสู้’
‘สอง เป็นเพราะหลินสวินไม่มีความกังวลใดๆ และในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ลงมือก็จะไม่เกิดช่องโหว่แต่อย่างใด’
พูดถึงตรงนี้เฉินซีก็เอ่ยขึ้นว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าคิดว่าต่อให้ไท่ชูได้รู้ความเร้นลับพวกนี้แล้วจะเป็นอย่างไร ถึงอย่างไรการประลองหมากครั้งนี้ก็ต้องตัดสินแพ้ชนะอยู่ดี”
เขาบอกเล่าความเป็นไปของเรื่องนี้อย่างละเอียดราวกับดึงเส้นไหมจากรังไหม จึงทำให้เฉินหลินคงเข้าใจ และตระหนักได้ว่าในแง่สภาวะจิตตนยังด้อยกว่าเล็กน้อย!
อาจเป็นเพราะความด้อยกว่านี้ จึงทำให้จนตอนนี้เขายังไม่อาจก้าวออกจากขั้นไร้ขอบเขตสัมบูรณ์ได้…
“แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการประชันในแง่สภาวะจิต เป็นเพราะไท่ชูกับหลินสวินต่างไม่มีความกังวล ไม่มีความหวั่นกลัว พวกเขาจึงพูดคุยกันเช่นนี้ได้ ดูคล้ายสหายเก่ากำลังถกมรรค ความจริงแล้วทันทีที่ลงมือพวกเขาต่างจะลงมืออย่างเด็ดขาดและไร้ปรานี”
เมื่อเฉินซีกล่าวออกมาเช่นนี้ เฉินหลินคงก็เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ท่านปู่เล่า”
“เจ้าว่าอย่างไร”
เฉินซีย้อนถาม
เฉินหลินคงพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก
เขาพอจะเข้าใจแล้ว ถึงเวลาตัดสินแพ้ชนะ ท่านปู่ยังใจเย็นพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับตนได้ สภาวะจิตเช่นนี้จะธรรมดาได้หรือ
“คิดไม่ออก คิดไม่ออกจริงๆ”
ไท่ชูที่ครุ่นคิดอยู่ตลอดพลันถอนใจเบาๆ “ว่ากันถึงที่สุดแล้ว ไปที่เขตผนึกอัศจรรย์นั้นเองสักครั้งย่อมดีกว่า เช่นนี้ถึงจะเข้าใจความเร้นลับในนั้นได้”
ขณะพูดสายตาเขามองไปยังหลินสวินอีกครั้ง “และหากอยากหาทางไปเขตผนึกอัศจรรย์ เกรงว่าจะมีแต่พลังนิพพานถึงทำได้”
“ไม่ผิด”
หลินสวินพูดถึงตรงนี้ก็เอ่ยพลางมองไปไกลๆ “อีกเดี๋ยวซย่าจื้อก็จะกลับมาจากเขตผนึกอัศจรรย์ สำหรับทุกคนแล้วตอนนั้นจะเป็นโอกาสลงมือที่ดีที่สุด ก็ตัดสินแพ้ชนะในตอนนั้นเป็นอย่างไร”
ไท่ชูอึ้งไป คล้ายตระหนักได้โดยพลัน กล่าวว่า “นางอาศัยเรือนิรันดร์เข้าไปในนั้นหรือ”
หลินสวินพยักหน้า “เรือนิรันดร์แปลงมาจากใบไม้ใบหนึ่งที่ควบรวมขึ้นจากต้นชีวิตอัศจรรย์ ดังว่าใบร่วงคืนสู่ราก ยามสมบัตินี้พาซย่าจื้อมาถึงหน้าต้นชีวิตอัศจรรย์นั้นก็หายลับไป และตอนนี้นางกำลังอาศัยพลังของต้นชีวิตอัศจรรย์เดินทางกลับมาแดนเทพมากเร้น”
ไท่ชูยิ้มเอ่ย “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ถ้าพูดเช่นนี้หากข้าจับแม่นางซย่าจื้อผู้นี้ได้ จะขุ่มขู่เจ้าได้หรือไม่”
หลินสวินยิ้มเช่นกัน เอ่ยว่า “นั่นก็ต้องดูว่าเจ้าทำเช่นนั้นได้หรือไม่แล้ว”
สนทนาถึงตอนนี้ไท่ชูก็แหงนหน้าหัวเราะลั่นอย่างกลั้นไม่อยู่ “เยี่ยมยอด สหายยุทธ์เฉินซี บนมรรคาของพวกเรามีสหายน้อยหลินเพิ่มมาอีกคนแล้ว น่ายินดีปานไหน!”
เสียงมีความปรีดาอย่างอธิบายไม่ถูก
ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เริ่มปรากฏตัวจนพูดคุยกับหลินสวิน ความจริงแล้วเขาสัมผัสสภาวะจิตของหลินสวินและสังเกตการตอบสนองของหลินสวินอยู่ตลอด
กระทั่งหลินสวินเล่าเรื่องซย่าจื้อออกมา ไท่ชูถึงรู้ในที่สุดว่าในด้านสภาวะจิต หลินสวินที่อยู่ตรงข้ามกันไม่ด้อยไปกว่าตนแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์