หลังจากนั้น เมื่อได้ยินหลินสวินคำพูดของหลินสวิน ฉือเจ๋อเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ความคับแค้นในใจแทนที่ด้วยความหวาดกลัว
ฆ่าผู้ฝึกปราณของตระกูลฉือไปสองพันกว่าคน
ทำลายเรือรบวีรชนม่วงหกลำ
จะเป็นไปได้อย่างไร
แรกเริ่มฉือเจ๋อไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อได้ยินว่าแม้แต่ฉือฉางเฟิงลงมือก็ยังทำอะไรหลินสวินไม่ได้ ชายหนุ่มก็กระวนกระวาย เพราะเขาได้ยินมาว่าเมื่อวานฉือฉางเฟิงออกไปจัดการคนหนึ่งข้างนอก ผิดกฎข้อตกลงของตระกูล สุดท้ายถูกผู้ใหญ่ในตระกูลฉือกักบริเวณ
หากหลินสวินพูดความจริง คนที่ฉือฉางเฟิงออกไปจัดการเมื่อวานก็คือเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ เพียงคิดถึงตรงนี้ ในใจของฉือเจ๋อก็แทบบ้า ใบหน้าว่างเปล่า สองตาไร้แวว แม้ความเจ็บบนร่างกายก็ลืมเลือนไปจนสิ้น
ไม่แปลกที่เด็กคนนี้จะบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ เพราะที่แท้เ…ขาก็เป็นคนโหดเหี้ยมนั่นเอง
เสี่ยวเคอที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไป เด็กหนุ่มคนนี้ก่อเรื่องใหญ่โตอะไรไว้ก่อนเข้ามาในนครต้องห้าม เหตุใดตระกูลฉือจึงต้องส่งคนไปจัดการเขา แล้วเหตุใดสุดท้ายถึงยังปล่อยให้เขาเข้ามาในนครต้องห้าม เหตุใดไม่แก้แค้นต่อไปเล่า
หญิงสาวตระหนักได้ถึงเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลในนั้น
หลินสวินคล้ายมองไม่เห็นถึงท่าทางที่เปลี่ยนไปของฉือเจ๋อ เขายังคงยิ้ม “แน่นอน เจ้าไม่เชื่อก็ได้ แต่ไม่เป็นไร เจ้าแค่ต้องรู้ว่าสำหรับข้าแล้ว ฆ่าเจ้าเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก”
ฉือเจ๋อเหม่อลอย อับจนสลดใจ
“แน่นอน ในเมื่อข้าพูดเยอะขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ได้คิดจะสังหารเจ้าในตอนนี้หรอก” คำต่อมาทำให้เสี่ยวเคอตกใจ
แม้ฉือเจ๋อก็ยังตัวสะท้าน ด้วยเหมือนก้าวผ่านเส้นความตายมาแล้ว
แต่เขาไม่เชื่อ คิดว่าหลินสวินจงใจขู่เขา จึงตะคอกด้วยเสียงแหบแห้ง “อย่ามาเล่นลิ้น อยากฆ่าก็ฆ่า ก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้า”
เด็กหนุ่มยิ้มบางๆ ก่อนจะช่วยทำแผลให้ฉือเจ๋อ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของชายหนุ่ม
ท่าทางของหลินสวินคล่องแคล่ว เริ่มจากการห้ามเลือดก่อน แล้วก็นำยาสมานแผลมาถูลงบนบาดแผลรอบหนึ่ง สุดท้ายจึงเริ่มพันแผล
“เจ้า…” ฉือเจ๋องุนงง พูดอะไรไม่ออก
“ไม่ต้องซาบซึ้งหรอก ข้าทำเพราะอยากรักษาชีวิตเจ้าไว้เท่านั้น” หลินสวินยิ้ม “เพราะข้าอยากรู้ว่าตอนที่เจ้ากลับตระกูลฉือไปด้วยฐานะคนพิการแล้ว พวกเขาจะคิดเห็นอย่างไร อ้อ ข้าได้ยินว่าแซ่ของเจ้าได้รับมาจากตระกูลฉือ ตระกูลฉือยกแซ่ให้เจ้าใช้ เช่นนั้นก็ยากแล้วล่ะ หากพวกเขายึดแซ่คืน ก็คงไม่นับเจ้าเป็นคนในตระกูลอีก”
พูดยังไม่ทันจบ ฉือเจ๋อก็คล้ายถูกไม้ตีหัวจนสมองแทบระเบิด เขาเข้าใจแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ฆ่าเขาไม่ใช่เพราะจิตใจดี แต่เพื่อทำให้เขาดูน่าอนาถมากกว่า อย่างไรเสียคนพิการก็ไม่มีคุณค่า ถึงแม้ตระกูลฉือจะไม่ยึดแซ่คืน แต่หลังจากนี้เขาจะยังมีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหรือ
เมื่อสูญสิ้นพลังไป เขาก็กลายเป็นคนไร้ค่าโดยสมบูรณ์ อาจถูกผู้คนกดขี่เหยียบย่ำเสียด้วยซ้ำ
ยิ่งคิด ฉือเจ๋อก็ยิ่งกลัว เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน เหตุใดถึงร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ ร้ายกาจยิ่งกว่าพญามารเสียด้วยซ้ำ
แม้แต่พญามารอาจก็ไม่ร้ายกาจเท่าเขา
เสี่ยวเคอได้ฟังมาถึงตรงนี้ ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “หลินสวิน ทำอย่างนี้ถ้าหาก…”
“ไม่ต้องห่วง หากตระกูลฉืออยากแก้แค้นก็ให้มาลงที่ข้าได้เลย”
หลินสวินยิ้ม คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันไปบอกฉือเจ๋อ “อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไป ถ้าอยากแก้แค้น ให้ไปหาข้าที่ภูเขาชำระจิต หนึ่งในเจ็ดสิบสองภูเขาแห่งอำนาจได้เลย จากนี้ไปข้าเป็นเจ้าของของที่นั่น เจ้าตามหาข้าได้ง่ายๆ เชียวล่ะ”
ภูเขาแห่งอำนาจ
ภูเขาชำระจิต
ฉือเจ๋อหน้าซีดจนอยากตายไปเสียเดี๋ยวนี้ ที่แท้เด็กคนนี้ก็มาจากตระกูลมีอำนาจ
ไม่ใช่
ชายหนุ่มพลันนึกอะไรขึ้นได้ ภูเขาชำระจิตของตระกูลหลินตกต่ำจนอยู่แค่ตระกูลระดับล่างเท่านั้น อาศัยอะไรถึงกล้างัดข้อกับตระกูลฉือได้
“ปัดโธ่ พล่ามมาตั้งเยอะ ที่แท้เจ้าก็แค่โกหกขู่คนอื่น” ฉือเจ่อยิ้มเย็น
หลินสวินหยัดกายลุกยิ้มว่า “โกหกคนอย่างเจ้าไม่สนุกเลยสักนิด เจ้าไปเถิด ภูเขาชำระจิตรอเจ้าพาคนตระกูลฉือมาแก้แค้นเสมอ”
ท่าทางมั่นใจของหลินสวินทำให้ฉือเจ๋อหน้าเปลี่ยนสี สุดท้ายชายหนุ่มก็กัดฟันลุกยืนขึ้น เดินออกไปข้างนอก ก่อนจากไป ไม่วายเหลือบมองหลินสวินกับเสี่ยวเคออย่างคับแค้น
“เขายังมีความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าตระกูลฉือจะแก้แค้นแทนคนพิการ ก็ใช่ คนมีชีวิตอยู่ต้องให้ความหวังตนเอง ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับตายหรอก” หลินสวินรำพึง
เสี่ยวเคอปรายตามองหลินสวิน “เจ้ายังมีกะจิตกะใจรำพึงรำพันแทนคนอื่นอยู่อีกหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์