เพี๊ยะ!
เด็กหนุ่มหวดแส้ออกไปด้วยแรงขับจากพลังภายใน ฟาดผู้ฝึกปรานคนนั้นเนื้อเปิดกระดูกแตก อวัยวะภายในบาดเจ็บสาหัส จนสลบลงไปในท้ายที่สุด
“ตายแน่”
ผู้ฝึกปราณซึ่งเป็นผู้ติดตามฉือเจ๋ออีกคนโมโห เขายกมือขึ้นทันที ทว่าก็รู้สึกถึงพลังงานน่ากลัวจากหลินสวินในขณะเดียวกัน
เสียงโครมครามดังขึ้น ผู้ฝึกปราณคนนั้นถูกพลังของหลินสวินกระแทกลอยหวือ เขาไม่ทันป้องกันหรือรู้สึกตัวโดยสิ้นเชิง
เพี๊ยะ!
หลินสวินฟาดแส้เหล็กลงไปอย่างแรงโดยไม่ไว้หน้า จนผู้ฝึกปราณคนนั้นสลบเหมือด ก่อนจะทิ้งแส้เหล็กแล้วพุ่งเข้าไปในเรือนพญาแร้ง
เมื่อมองไปรอบๆ กลับไม่มีแม้แต่เงาคน ขึ้นมาบนชั้นสองแล้วก็ไม่พบใครเช่นกัน ภาพตรงหน้าทำให้หลินสวินชะงัก ก่อนสังเกตได้ว่าลึกเข้าไปในเรือนพญาแร้งยังมีประตูอีกบานเชื่อมไปสู่ลานบ้าน เมื่อมองจากชั้นสองแล้วถึงเห็นภาพโดยรวมของทั้งหอสุราได้
ยามนี้ในลานบ้านมีองครักษ์ยืนอยู่ ฉือเจ๋อยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขา มีดาบเล่มหนึ่งจ่ออยู่บนคอ
เจ้าของดาบอยู่ในชุดสีเรียบ ร่างกายเว้าโค้งสูงโปร่ง ขาเรียวยาวยิ่งขับให้นางดูสูงกว่าที่เป็น นางมีผมสั้นสีดำ หน้าตาขาวสวย ไม่ว่าหน้าตา รูปร่าง หรือลักษณะภายนอก ล้วนกล่าวได้เต็มปากว่างดงามยิ่ง ท่าถือดาบของนางมั่นคงและเหมาะสม สีหน้าราบเรียบคล้ายภูเขาน้ำแข็ง มีกลิ่นอายไม่ต้อนรับแขกสายหนึ่ง
คนนี้ย่อมเป็นครูฝึกเสี่ยวเคอ
เพียงแต่เมื่อเทียบกับยามสวมชุดทหารอยู่ในค่ายกระหายเลือดแล้ว บัดนี้นางดูงดงามชดช้อยยิ่งกว่าเก่า ผนวกกับความเฉยชาเฉพาะตัวและเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบ ก็พอจะทำให้คนที่พบเห็นใจสั่นได้ไม่ยาก
ตอนหลินสวินเห็นครั้งแรกนั้นก็ยังไม่วายชะงัก ก่อนลอบถอนหายใจ ยังดีเสี่ยวเคอยามนี้เพียงแค่ใช้ดาบขู่คนเท่านั้น ยังไม่ได้ลงมือจริงๆ
แม้มีดาบจ่อคอยู่ แต่ฉือเจ๋อกลับไม่ร้อนรน สีหน้าของเขานิ่งสงบ สายตาของจับจ้องใบหน้างามของเสี่ยวเคอ พลางยิ้มเล็กน้อย “ข้ารู้ว่าเจ้าทำไม่ลงหรอก เก็บดาบลงไปเถอะ”
เสี่ยวเคอไม่เก็บดาบ “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฟันหัวเจ้าอย่างนั้นหรือ”
ฉือเจ๋อหัวเราะอย่างลำพองใจ “เจ้าไม่กล้าหรอก ฆ่าข้าแล้วเจ้าอาจจะหนีไปจากที่นี่ได้ แต่เรือนพญาแร้งกับเจ้าของเรือนพญาแร้งต้องชดใช้ด้วยเลือดอย่างสาสม”
สักพักสายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นร้อนแรงมุ่งมั่น “เสี่ยวเคอ เจ้ารู้ดีว่าฆ่าข้าเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว แต่ผลที่ตามมาไม่ง่ายเช่นนั้นเลย ดังนั้นเจ้าจึงไม่กล้าลงมือมาตลอด เจ้าดูสิ สิ่งนี้ต่างหากเรียกว่าอำนาจ”
พูดถึงตอนสุดท้ายเขาก็ยกมือขึ้นมาจะจับใบหน้าเสี่ยวเคอ แต่เมื่อสบตานิ่งสงบนั้นแล้ว เขาก็ชักมือกลับมา
ก่อนจะยิ้มกริ่ม “ไม่ว่าอย่างไร วันนี้เจ้าก็ต้องไปกับข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะทำลายเรือนพญาแร้ง ฆ่าเจ้าของที่นี่ทิ้งเสีย”
เสี่ยวเคอหรี่ตา เสียงเย็นเยือก “เจ้ากล้าหรือ”
“เจ้าก็ลองดู ข้าเดาว่าเจ้าคงไม่ยอมเห็นเจ้าของเรือนพญาแร้งถูกทำลายไปพราะเจ้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้เจ้ายังจะขัดขืนด้วยเหตุผลใด” ฉือเจ๋อยิ้มร่า
ฝ่ายเสี่ยวเคอเงียบกริบ
ความเงียบของนางทำให้ฉือเจ๋อยิ่งได้ใจ ว่าเย้า “เสี่ยวเคอ ข้าชอบเจ้าจริงๆ เจ้าอยู่กับข้าไม่ดีตรงไหน ตอนนี้ข้ามีหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่อย่างตระกูลฉือเป็นที่พึ่ง เจ้าอยู่กับข้าก็กลายเป็นคนตระกูลฉือ มีเกียรติจะตาย”
ปัง!
เสี่ยวเคอสะบัดข้อมือทิ้งดาบใส่หน้าอกของฉือเจ๋อจนเขาต้องกระโดดหลบ
“ออกไป” เสี่ยวเคอพูดเบาๆ
ทว่าฉือเจ๋อกลับไม่โกรธเคือง ค่อยๆ หยัดกายลุก ปัดฝุ่นเสื้อผ้าเดินเข้ามาหาเสี่ยวเคอ “เลิกเล่นได้แล้ว เจ้าไม่กล้าฆ่าข้าแล้ว เหตุใดจะต้องดึงดันขันขืนอีก”
ผู้ฝึกปราณโดยรอบเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มกระหย่อง เสี่ยวเคอเหมือนภูเขาน้ำแข็งจับต้องไม่ได้ในสายตาพวกเขา ยิ่งทำให้เหล่าบุรุษเกิดท้าทายหมายจะพิชิต
ยามนี้ฉือเจ๋อรุกหน้าเกี้ยวพาเสี่ยวเคอ พวกเขาเห็นแล้วก็อดคึกคักไปด้วยไม่ได้
เสี่ยวเคอมองฉือเจ๋อก้าวเข้ามา ในมือของนางกำดาบจนข้อขาวซีด นัยน์ตาล้ำลึกราบเรียบมีแววขัดขืน
เมื่อห่างจากเสี่ยวคือไม่ถึงหนึ่งฉื่อแล้ว ฉือเจ๋อก็ยิ้ม เป็นรอยยิ้มแห่งชัยชนะ แม้สตรีผู้นี้จะมีพลังปราณสูงแค่ไหน พลังต่อสู้แข็งแกร่งเพียงใด นิสัยเย็นชาอย่างไร แต่ก็ยังต้องยอมยืนนิ่งๆ อยู่หน้าเขาตรงนี้ไม่ใช่หรือ
ความสุขจากชัยชนะทำให้ฉือเจ๋อเลือดพล่านจนอยากเงยหน้าหัวเราะ นี่น่ะหรือคืออำนาจ
ต่อหน้าอำนาจ ทุกอย่างล้วนเป็นแค่เสือกระดาษที่ไร้กำลังจะจู่โจมใครเท่านั้นแหละ
“เสี่ยวเคอ ไปกับข้าเถิด ฉือเจ๋อเสียงอ่อนโยน ยกมือขึ้นจับศอกเสี่ยวเคอ
เสี่ยวเคอตัวสั่นคล้ายกำลังกลั้นอารมณ์ของตนเอง ท่าทางของนางยิ่งทำให้ฉือเจ๋อได้ใจ นี่คือความสุขจากการเอาชนะผู้อื่น เป็นความสำราญหาใดเปรียบ และมีเพียงสตรีตรงหน้าที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ได้
พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น “หากเจ้ากล้าแตะต้องนางแม้แต่ไรขน ข้าจะตัดนิ้วเจ้าโยนให้สุนัขกิน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์