“บนเขามหัตหลวงของตระกูลหลินที่อยู่นอกนครต้องห้ามหนึ่งพันเจ็ดร้อยลี้มีสายแร่ระดับสาม ในแต่ละเดือนจะได้กำไรห้าแสนเหรียญทอง ต่อไปรายได้จากสายแร่เหมืองแห่งนี้จะถูกส่งไปที่ภูเขาชำระจิตตามเวลา”
หลินเป่ยกวงครั้นเอ่ยปากก็ให้ของขวัญชิ้นใหญ่ออกมา
“ต่อไปถ้าความสามารถของเจ้ายิ่งแข็งแกร่งขึ้น ข้าก็จะทยอยยกกิจการของตระกูลหลินให้อยู่ในการควบคุมของภูเขาชำระจิต”
หลินสวินหัวใจสะท้าน จ้องหลินเป่ยกวงอึ้งๆ ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เชื่อว่าท่านปู่ห้าผู้นี้ของตนไม่ได้จงใจใช้คำว่า ‘บททดสอบ’ มากลั่นแกล้ง
“ขอบพระคุณท่านปู่ห้า” หลินสวินโค้งคำนับ
“นอกจากนี้ มีเรื่องหนึ่งอยากปรึกษาเจ้า”
หลินเป่ยกวงใคร่ครวญแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้เจ้ามีผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ข้างกายกลุ่มหนึ่ง และต่างเป็นคนนอก นี่ไม่ดีต่อการปกครองตระกูลของเจ้าในอนาคต เพราะอย่างไรคนนอกก็คือคนนอก เรื่องในตระกูลควรให้คนในตระกูลจัดการ”
หลินสวินเองก็เคยคิดเรื่องนี้ ถึงขั้นที่พญาแร้งเคยวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของเรื่องนี้ให้เขาฟัง
ดังนั้นหลังจากได้ยินหลินเป่ยกวงพูดเช่นนี้ เขาพลันตระหนักได้และพูดว่า “ไม่ทราบว่าท่านปู่ห้ามีคำแนะนำอย่างไร”
หลินเป่ยกวงเอ่ย “ข้าคิดว่าจะส่งลูกหลานวัยเยาว์ในตระกูลไปที่ภูเขาชำระจิต เจ้าจะอนุญาตหรือไม่”
ถ้าเป็นคนทั่วไปได้ยินแบบนี้คงต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการสอดแทรกอำนาจของตระกูลหลินแห่งแสงอุดมไว้ข้างกายหลินสวิน!
ถ้าวันหนึ่งคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดมเหล่านี้ควบคุมทุกอย่างในภูเขาชำระจิตได้ ก็อาจจะควบคุมเจ้าของอย่างหลินสวินไปด้วย!
เพียงแต่หลินสวินคิดๆ แล้วกลับพูดว่า “แน่นอนว่าต้องยินดีอย่างยิ่ง ตอนนี้ภูเขาชำระจิตกำลังรกร้างรอวันฟื้นตัว ขาดกำลังคนที่ไว้ใจได้อย่างมาก หากมีคนในตระกูลให้ความช่วยเหลือ ย่อมสามารถแบ่งเบาภาระของข้าได้ไม่น้อย”
หลินเป่ยกวงยิ้มอย่างคลุมเครือแล้วเอ่ยว่า “อยากจะครอบครองอำนาจทั้งหมดในตระกูล ก็ต้องมีวิธีในการใช้อำนาจ หลังจากคนเหล่านั้นไปถึงภูเขาชำระจิต ดูซิว่าเจ้าจะรับมือกับพวกเขาได้หรือไม่”
หลินสวินเองก็ยิ้ม “สำหรับข้า มีตระกูลหลินเพียงตระกูลเดียว ไม่มีการแบ่งแยกตระกูลสาขาและตระกูลหลักอย่างธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุและแสงอุดร หากข้าสามารถใช้งานได้ ข้าจะถือเป็นคนกันเอง แต่ถ้าไม่…”
“เจ้าจะทำอย่างไร?”
นัยน์ตาของหลินเป่ยกวงลึกซึ้ง จ้องหลินสวินอย่างไม่ละสายตา
หลินสวินกลับยิ้มแล้วย้อนถาม “ท่านปู่ห้าต้องการให้ข้าทำอย่างไร”
หลินเป่ยกวงอึ้งไป ก่อนจะโบกมือพูด “ช่างเถอะ เจ้าตัดสินใจเองแล้วกัน ข้าหวังเพียงว่าตอนที่ต้องตัดสินใจอะไร เจ้าจะยึดส่วนรวมเป็นหลัก”
“ส่วนรวมงั้นหรือ” หลินสวินเลิกคิ้ว
หลินเป่ยกวงพูดอย่างจริงจัง “ใช่ ส่วนรวม”
“ได้” หลินสวินรับคำสบายๆ
เขาตอบอย่างผ่อนคลายและเรียบเฉยเกินไป ทำให้หลินเป่ยกวงยากจะตัดสินได้ในชั่วขณะว่าคำพูดนี้ของหลินสวินเชื่อได้แค่ไหน
ครู่หนึ่งหลินเป่ยกวงจึงโบกมือพร้อมกล่าว “ไปเถอะ เจ้าแบกรับภาระอันใหญ่โต ไม่เพียงแค่ศึกใน แต่ยังมีศึกนอก หวังว่า…สักวันหนึ่งเจ้าจะสามารถแก้แค้นให้ตระกูลหลินได้จริงๆ และพาตระกูลหลินผงาดเหนือนครต้องห้ามอีกครั้ง!”
สีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงกลับเหมือนกำชับ
หลินสวินพลันโค้งคำนับลา
ตั้งแต่ออกจากตระกูลหลินแห่งแสงอุดรกลับไปยังภูเขาชำระจิต หลินสวินคิดไตร่ตรองตลอดทาง
หลังจากเรื่องนี้ ทำให้หลินสวินรู้ท่าทีของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่อตนในระดับหนึ่งแล้ว
แม้คนส่วนใหญ่ในตระกูลไม่ชื่นชมในตัวเขา แต่หลินสวินเชื่อว่าขอเพียงแค่ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรไม่เห็นตนเป็นศัตรู สักวันตระกูลหลินแห่งแสงอุดรจะต้องกลับคืนสู่ภูเขาชำระจิตโดยดี!
นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย
ในบรรดาตระกูลสาขาทั้งสี่ ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรจะไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไปแล้ว ทำให้การจัดการ ‘ศึกใน’ ของหลินสวินก้าวไปอีกก้าวใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!
ส่วนเรื่องที่จะจัดการกับอีกสามตระกูลสาขาที่เหลืออย่างไร หลินสวินไม่รีบ แต่เขาได้รับปากเอาไว้แล้วว่า จะให้เวลาพวกเขาคิดสามปี
หลังสามปี ถ้าพวกเขายังดื้อดึงไม่ยอมรับ ยืนยันว่าจะเป็นศัตรูกับตน งั้นหลินสวินก็จะไม่ปรานี!
……
ภูเขาชำระจิต
หลังจากหลินสวินกลับมา ก็เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรให้พญาแร้งฟัง
“การต่อต้านและปฏิเสธทั้งหลายยากจะหลีกเลี่ยง รอให้เจ้ามีพลังที่แข็งแกร่งก่อน ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรก็จะยอมจำนนต่อเจ้า”
พญาแร้งสรุป
หลินสวินเองก็เห็นด้วย “ข้าก็คิดเช่นนี้”
“หลังจากการเตรียมการในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ห้องหลอมยาของชื่อเซวี่ย ฐานหลอมอาวุธของหยางหลิงก็กำลังจะเริ่มทำแล้ว ฝั่งผู้เฒ่าเตียวก็เริ่มเตรียมการวางค่ายกลให้กับภูเขาชำระจิตแล้ว”
พญาแร้งพลันเปลี่ยนเรื่อง “ไม่รู้ว่าเจ้ามีการวางแผนเรื่องนี้อย่างไรบ้าง”
หลินสวินคิดๆ แล้วพูดอย่างจนปัญญา “ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ คงต้องรบกวนท่านช่วยจัดการด้วยตัวเอง”
พญาแร้งบื้อใบ้ไปชั่วขณะ ค่อยพยักหน้าพูด “ช่างเถอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าแล้วกัน”
จู่ๆ เขาก็คิดอะไรออก พลันพูดว่า “หลินสวิน หลังจากที่เสี่ยวเคอได้ไปสืบมาอย่างละเอียด มั่นใจแล้วว่าตระกูลสาขาทั้งสามของตระกูลหลินอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุคงไม่มีใครยอมจำนนต่อเจ้า”
หลินสวินพูดสบายๆ “ข้าเข้าใจ อย่างไรข้าก็ให้เวลาพวกเขาคิดสามปี หลังจากสามปีค่อยตัดสินจากท่าทีของพวกเขาเป็นพอ”
พญาแร้งส่ายหน้า “ไม่ เจ้าคิดผิดแล้ว พวกเขาไม่มีทางยอมเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์