แม้แต่จูเหล่าซานที่เย็นชานิ่งขรึม ยามนี้ยังเผยสีหน้าหวั่นไหว ส่วนลึกของสายตาสาดประกาย เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่มั่นคงอย่างมาก
เท่าที่เขารู้ คนที่หยัดดาบยืนมั่น อาศัยเพียงพลังปราณก็ชักนำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดจากฟากฟ้ายามบรรลุขั้นเหมือนกับหลินสวินนั้นมีน้อยมาก
มีเพียงแค่ในอดีตโบราณ จึงมีเรื่องราวอันเป็นตำนานเช่นนี้ปรากฏ
น่าทึ่งเกินไปแล้ว
ต่อให้ไม่พูดว่าเป็นที่หนึ่งตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครเสมอเหมือน!
สีหน้าของหลินไหวหย่วนที่อยู่ห่างออกไปเผยความสับสน หว่างคิ้วแฝงความตะลึงและดูอึมครึมอย่างไม่อาจควบคุมได้
ครั้งนี้หลินสวินแสดงฝีมือออกมาได้อย่างน่าทึ่งเหลือเกิน บาดเจ็บหนักจนยากจะสู้ต่อแล้วแท้ๆ ใครจะคิดว่าเขาสามารถบรรลุพลังปราณไปอีกขั้นด้วยวิธีที่แข็งแกร่งเพียงนี้ต่อหน้าทุกคน
รุ้งศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏบนท้องฟ้า พลังอำนาจน่าครั่นคร้าม…
ช่างเหมือนกับในตำนาน!
เมื่อเทียบกันแล้ว ลูกชายของเขาหลินเสวี่ยเฟิงด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ภายในลานฝึกยุทธ์หลินสวินลืมตาขึ้น ชั่วพริบตานั้นราวกับมีสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าอ่อนปรากฏภายในนัยน์ตาเขาแล้วสะท้อนสู่ท้องนภา อัศจรรย์เกินคาดเดา
ตอนนี้พลังวิญญาณในตัวเขาราวกับผืนน้ำกว้าง ร่างกายและจิตวิญญาณใสสะอาด ผิวพรรณเปล่งประกาย ในห้วงนิมิตสว่างสดใส มีดวงดาวแห่งจิตเจ็ดร้อยยี่สิบดวงแขวนอยู่
ดวงดาวแห่งจิตมากกว่าปกติเป็นสิบเท่า!
นี่ก็หมายความว่าหลังจากบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณแล้ว พลังแห่งจิตวิญญาณของหลินสวินแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว
หลินสวินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังระหว่างฟ้าดินและปราณของตัวเองได้ผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่เหมือนกับตอนอยู่ในขั้นผสานฟ้าแห่งระดับจิตผสานวิญญาณเลยสักนิด
พลังของเขาได้ก้าวไปสู่ขั้นใหม่อีกขั้น โลกที่เห็นก็ดูแตกต่างไปจากเดิม มีความงดงาม ความศักดิ์สิทธิ์และการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ที่ผ่านมาไม่เคยสังเกต
ดังเช่นการมองไปยังเมฆบนฟากฟ้าในตอนนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนเกินเอื้อมเหมือนที่ผ่านมาแล้ว ตรงกันข้าม ขอเพียงเขาต้องการ ขอเพียงแค่มีความปรารถนา ก็สามารถขึ้นไปเหยียบได้!
นี่ก็คือระดับมหาสมุทรวิญญาณ!
ระดับที่ทุบกำแพงภายในดวงจิตและกายหยาบธรรมดาอย่างสิ้นเชิงและหลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์โลกสามัญ ไม่ได้ถูกจำกัดพื้นที่เพียงบนพื้นดิน แต่เริ่มโอบกอดท้องฟ้าและท่องไปสู่จักรวาล!
สำหรับผู้ฝึกปราณแล้ว ก้าวนี้ถึงจะเป็นก้าวที่พิเศษที่สุดท่ามกลางหนทางแห่งการฝึกตน ก้าวออกไปเพียงก้าวเดียวก็เป็นความแตกต่างระหว่างฟ้าดิน
หลินสวินกำลังรับสัมผัสของตนเงียบๆ ภายในลานเงียบสนิทไม่มีใครกล้าส่งเสียงฮือฮา ราวกับไม่มีใครกล้าทำลายบรรยากาศอันเคร่งขรึมนี้
สุดท้ายหลินสวินก็เก็บความคิด เป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน
สายตาของเขามองไปที่หลินเสวี่ยเฟิงที่อยู่ห่างออกไป พลันพูด “ไม่มากไม่น้อย หนึ่งก้านธูปพอดี หากเจ้าไม่ยอมแพ้ก็สู้กันต่อเถอะ”
น้ำเสียงราบเรียบ แต่เมื่อผนวกกับอานุภาพแห่งฟ้าดินที่เขาชักนำให้เกิดตอนบรรลุปราณเมื่อครู่นี้แล้ว ทำให้คำพูดนี้แฝงความน่าเกรงขามไปโดยปริยาย
ได้ยินเช่นนี้ หลินเสวี่ยเฟิงเหมือนตื่นจากฝัน ตื่นจากความตะลึงอันว่างเปล่า มองหลินสวินที่อยู่ตรงหน้าแล้ว เขารู้สึกพ่ายแพ้อย่างบอกไม่รู้และไม่ทราบสาเหตุ สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่มั่นคง
สีหน้าของทุกคนก็ดูแปลกไปเช่นกัน
จะสู้อย่างไรต่อ?
ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินสวินยังไม่ทะลวงขั้นยังสามารถทำให้หลินเสวี่ยเฟิงบาดเจ็บได้
ตอนนี้เขาได้บรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณแล้ว อีกทั้งตอนที่บรรลุก็เกิดปรากฏการณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในสถานการณ์นี้หลินเสวี่ยเฟิงจะยังใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกหรือ?
แม้ในใจจะไม่จำยอม แต่ทุกคนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การประลองในครั้งนี้รู้ผลตั้งแต่ตอนที่หลินสวินบรรลุพลังปราณแล้ว
“เสวี่ยเฟิง ถอยไปเถอะ”
เสียงทอดถอนหายใจของหลินไหวหย่วนดังจากบริเวณที่ไกลออกไป
“ข้า…” หลินเสวี่ยเฟิงสับสน สุดท้ายก็ส่ายหน้า ก่อนจะประสานมือคารวะหลินสวิน “ข้า…สู้เจ้าไม่ได้!”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินจากไป
เขายอมแพ้ตรงๆ แบบนี้ ทำให้หลินสวินแปลกใจไม่น้อย ในใจอดชื่นชมหลินเสวี่ยเฟิงไม่ได้
เห็นเช่นนี้ทุกคนล้วนเผยสีหน้าสับสนอย่างกลั้นไม่อยู่
ก่อนหน้านี้หลินสวินเป็นคนที่ถูกพวกเขาหาเรื่อง ปฏิเสธและเย้ยหยัน คิดว่าเขาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ถึงขั้นที่บีบให้หลินสวินมอบอำนาจการปกครองภูเขาชำระจิต
แต่ตอนนี้หลินสวินใช้ความจริงที่ราวกับเหล็กกล้ายืนยันว่า อย่างน้อยๆ ในเรื่องของความสามารถและพลังปราณ แม้แต่บุคคลที่พวกเขายกย่องให้เป็นผู้ถูกเลือกอย่างหลินเสวี่ยเฟิงยังด้อยกว่าหลินสวินไปหนึ่งขั้น!
นี่ก็เหมือนการตอกกลับอย่างไร้เสียง ทำให้ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก
“หลินสวิน เจ้าตามข้ามา”
หลินไหวหย่วนที่อยู่ห่างออกไปส่งเสียงอีกครั้ง สีหน้ากลับคืนสู่ความน่าเกรงขามแล้ว
หลินสวินรู้ทันทีว่า การชนะการประลองในครั้งนี้ทำให้เขาได้มีโอกาสเข้าพบท่านปู่ห้าหลินเป่ยกวงแล้ว!
……
หลินสวินและหลินไหวหย่วนเดินเคียงข้างกันไปบนทางเดินเศษหินอันเงียบสงบ
หลินจงและจูเหล่าซานไม่ได้ตามมาด้วย เพราะคนที่หลินสวินกำลังจะไปพบเป็นบุคคลระดับตำนานของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร
“ก่อนที่เจ้าจะมา ข้าทุ่มเททุกอย่างกับเสวี่ยเฟิง หวังว่าเขาจะสามารถเติบโตขึ้นมาแบกรับภาระอันหนักหน่วงในการกอบกู้ตระกูลหลิน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์