การประลองกับเสี่ยวเคอในช่วงนี้ ทำให้เขาสามารถควบคุมวิธีการต่อสู้ของผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถสำแดงพลังของตนได้อย่างเต็มที่
นี่ทำให้หลินสวินพอใจมาก
ทว่าการพัฒนาของพลังปราณไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ แต่ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน
หลินสวินเองก็ไม่ได้รีบ ‘เคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกิน’ ที่เขาฝึก ควบคู่กับผลลัพธ์อันอัศจรรย์ของ ‘คัมภีร์ประสานมายา’ เพียงพอที่จะทำให้การฝึกของเขาไวกว่าคนส่วนใหญ่แล้ว!
พูดง่ายๆ ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้หลินสวินยากจะบรรลุพลังปราณได้อีก เขาจึงไปให้ความสำคัญกับการฝึกยุทธ์
ตอนนี้ในการฝึกยุทธ์ ‘เพลงดาบวัฏจักรฟ้า’ หลินสวินเริ่มเข้าใจ ‘กระบวนท่าสอยจันทรา’ แล้ว กระบวนท่านี้กว้างขวางลึกซึ้งและไม่มีที่สิ้นสุดยิ่งกว่า ‘กระบวนท่าคว้าดาว’
ด้วยการตระหนักรู้ของหลินสวิน ตอนนี้เรียนรู้กระบวนท่าสอยจันทราถึงเพียงแค่ ‘ขั้นเข้าถึง’ เท่านั้น
แม้จะเป็นเช่นนั้น พลังระดับนี้ก็ยังร้ายกาจกว่าขั้นสมบูรณ์แห่งกระบวนท่าคว้าดาวไปหนึ่งระดับ!
ด้านการฝึก ‘เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์’ เรียกได้ว่ามีพัฒนาการรวดเร็วถึงที่สุด ตอนนี้มาถึง ‘ขั้นแม่นยำ’ แล้ว อานุภาพนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก
วิชานี้ไม่เหมือนกับเพลงดาบวัฏจักรฟ้า เป็นการทดสอบพลังปราณของผู้ฝึกปราณ พลังปราณยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ อานุภาพที่สำแดงออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น
โดยเฉพาะระหว่างเก้ากระบวนท่าใหญ่ของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ ยังสามารถผสมผสานเป็นกระบวนท่าใหม่ได้ ถือว่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
เมื่อหลินสวินสามารถผสานทั้งเก้ากระบวนท่าใหญ่ของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์เข้าด้วยกัน และสำแดงออกมาในการโจมตีเดียวได้ ก็จะเรียกได้ว่าการฝึกสมบูรณ์แบบแล้ว
การโจมตีครั้งเดียวนั้น เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘หนึ่งเดียวสะเทือนสวรรค์’!
เพียงแต่ตอนนี้หลินสวินยังห่างจากจุดนั้นอีกไกลมาก
อย่างไรก็ตามการฝึกยุทธ์ก็เหมือนการฝึกปราณ ล้วนเรียกได้ว่าไม่มีที่สิ้นสุด ต้องการให้ผู้ฝึกค้นหาไปเรื่อยๆ
ในขณะที่หลินสวินกำลังใคร่ครวญถึงการฝึกยุทธ์ หลินจงก็เข้ามาอย่างเร่งรีบ
“นายน้อย คุณชายสืออวี่เพิ่งให้คนเอาเทียบเชิญมาให้ขอรับ” พูดจบก็ยื่นเทียบเชิญลายทองใบหนึ่งให้หลินสวิน
หลินสวินหยิบมาอ่าน เป็นเทียบเชิญให้หลินสวินไปร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ เมื่อถึงเวลานั้นศิษย์มากมายที่เคยฝึกในค่ายกระหายเลือดก็จะมาร่วมด้วย
หลินสวินพลันนึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ไปอัครการค้าคราวก่อน สืออวี่เคยบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงหลังจบการทดสอบระดับอาณาจักร นัดรวมตัวลูกศิษย์แห่งค่ายกระหายเลือดเมื่อปีนั้น
“ลุงจง คืนนี้ท่านกับจูเหล่าซานไปกับข้าหน่อยเถิด”
หลินสวินสั่งความง่ายๆ
……
เวลาโพล้เพล้
หลินสวิน หลินจงและจูเหล่าซานลงจากภูเขาชำระจิต
ภูเขาชำระจิตในวันนี้ ในที่สุดก็ดูครึกครื้นขึ้นมา ภายใต้การจัดการของพญาแร้ง ห้องหลอมยาของชื่อเซวี่ย โรงหลอมอาวุธของหยางหลิงก็เริ่มดำเนินการแล้ว
แม้แต่ผู้เฒ่าเตียวเองยังงานยุ่ง เริ่มวางค่ายกลวิญญาณทั้งบนล่างของภูเขาชำระจิต
นอกจากนี้พญาแร้งยังได้คัดเลือกข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์เชื่อถือได้ คล่องแคล่วมีไหวพริบมากลุ่มหนึ่ง คอยช่วยจัดการงานยิบย่อยให้พวกชื่อเซวี่ย
ข้ารับใช้เหล่านี้ล้วนถูกจ้างมา จำนวนห้าสิบกว่าคน มีเสี่ยวเคอคอยจับตาดูทุกวัน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ระหว่างทางหลินสวินอดทอดถอนใจไม่ได้ ในที่สุดภูเขาชำระจิตก็ไม่รกร้างอีกต่อไปแล้ว เริ่มมีร่องรอยที่จะฟื้นตัวอีกครั้ง แม้จะน้อยนิด แต่ถ้าพยายามไปทีละก้าวๆ สักวันจะต้องพลิกโฉมหน้าใหม่ทั้งหมดได้แน่!
เพียงแต่ไม่รอให้หลินสวินได้ทอดถอนใจต่อ ก็เห็นชื่อเซวี่ยพุ่งเข้ามาจากไกลๆ อย่างกระหืดกระหอบ
“หลินสวิน เจ้าดูแลไอ้พวกโง่เง่าเต่าตุ่นยังไงเนี่ย? พวกมันทำลาย ‘ดอกเลือดผีเสื้อ’ สิบหกต้นที่ข้าปลูกขึ้นมาอย่างยากลำบากไปหมดแล้ว!”
ชื่อเซวี่ยหน้าเขียวหน้าดำ ตะโกนอย่างขึ้งโกรธ
เขาเป็นผู้ฝึกปราณสายแพทย์ในสนามรบ อีกทั้งยังเป็นนักหลอมยาที่มีทักษะสูง ทำให้เขาโกรธขนาดนี้ได้ แสดงให้เห็นว่า ‘ดอกเลือดผีเสื้อ’ นี้สำคัญต่อเขาเพียงใด
“ใคร?” หลินสวินอึ้ง
“ยังจะมีใครอีกล่ะ ก็ไอ้พวกสารเลวที่ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรส่งมาไงล่ะ! พวกลูกผู้ลากมากดี แต่ละคนยโสโอหัง ไม่เอาการเอางาน พฤติกรรมย่ำแย่ ไม่รู้ว่าเจ้าอนุญาตให้พวกเขามาอยู่ที่ภูเขาชำระจิตได้อย่างไร!” ชื่อเซวี่ยโวย
เขาหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด ระบายเพลิงโกรธทั้งหมดมาที่หลินสวิน
หลินสวินเข้าใจทันที หว่างคิ้วเผยความเย็นเยียบ กล่าวว่า “ชื่อเซวี่ย พาข้าไปพบพวกเขา ข้าจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้า”
หลายวันก่อนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรได้ส่งลูกหลานวัยเยาว์กลุ่มหนึ่งมาที่ภูเขาชำระจิต ตามคำสั่งของหลินเป่ยกวง
ในนามคือมาช่วยหลินสวิน ฟังคำสั่งจากหลินสวิน
แต่ด้วยความรอบคอบ หลินสวินจึงไม่รีบหางานให้คนในตระกูลพวกนี้ทำ แต่คิดว่าจะสังเกตพวกเขาไปก่อนสักระยะ รอให้รู้นิสัยและตื้นลึกหนาบางของพวกเขาก่อนค่อยว่ากัน
ตอนนั้นหลินสวินได้ออกกฎสามข้อกับคนในตระกู ลเหล่านั้น คือห้ามเข้าใกล้ตำหนักชำระจิต ห้ามพาคนเข้ามาในภูเขาชำระจิตโดยพลการ และห้ามก่อความวุ่นวายบนภูเขาชำระจิต
หลินสวินเองก็รู้ดีว่า อาศัยเพียงกฎสามข้อนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้คนในตระกูลพวกนั้นยอมเชื่อฟังโดยง่าย
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่คนพวกนั้นเข้ามาอยู่ในภูเขาชำระจิต ก็เอาแต่ดื่มกินสนุกสนาน ไม่เอาการเอางาน ทั้งยังพากันเล่นการพนันอยู่บ่อยๆ ทำให้เขตที่พักของพวกเขากลายเป็นที่มั่วสุม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์