ระหว่างทางหลินสวินอดคิดถึงคืนวันเวลาที่ฝึกในค่ายกระหายเลือดไม่ได้ เดิมทีเขาตั้งใจชวนเสี่ยวเคอมาด้วย แต่เสียดายที่เสี่ยวเคอปฏิเสธโดยไม่หยุดคิดด้วยซ้ำ
ในขณะที่หลินสวินกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด เสียงฮือฮาพลันดังแว่วขึ้น
“ดูสิ ใช่คุณชายฮวาจริงๆ ด้วย! เขาเป็นบุคคลผู้โดดเด่นในบรรดาคนรุ่นใหม่ของตระกูลฮวาที่เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลมหาอำนาจเชียวนะ ได้อันดับที่เจ็ดสิบสามจากการทดสอบระดับอาณาจักรที่เพิ่งจบไปเมื่อหลายวันก่อน!”
“เป็นถึงลูกหลานตระกูลฮวาเชียวหรือนี่!”
“เหอะๆ หลินเสวี่ยเฟิงซวยแล้ว หาเรื่องใครไม่หา ดันไปหาเรื่องฮวาอู๋เหิน นี่ไม่ใช่หาเรื่องใส่หรอกหรือ”
“หลินเสวี่ยเฟิงก็ไม่เลวนะ”
“ความสามารถของหลินเสวี่ยเฟิงเองก็ไม่เลว แต่ฐานะของเขาจะสู้ฮวาอู๋เหินได้อย่างไร? เจ้าเชื่อไหมว่า แม้ฮวาอู๋เหินฆ่าเขาตาย ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรนั่นก็ไม่กล้าทำอะไรหรอก!”
หลินสวินตะลึงงัน เอ่ยขึ้นว่า “จูเหล่าซาน หยุด”
พูดจบ เขาก็ลงจากเกี้ยวสมบัติ
เห็นผู้คนมากมายบนถนนที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และกลางฝูงชนกำลังมีการประลองกัน!
สองฝ่ายที่ประลองกันนั้น ฝ่ายหนึ่งเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวในชุดคลุมแขนกว้างสีดำ ศีรษะสวมเกี้ยวครอบผมหยกทอง นัยน์ตาเจือสีทองจางๆ อานุภาพน่าเกรงขามยิ่ง
คู่กรณีของเขาอยู่ในชุดขาวทั้งตัว เส้นผมสีดำขลับพลิ้วไหว แสงวิญญาณหมอกพิรุณแพร่กระจายทั่วร่าง แน่นอนว่าต้องเป็นหลินเสวี่ยเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย
การประลองของทั้งสองดุเดือดอย่างมาก ชี้ฟ้ากระแทกดิน ประกายพลังวิ่งว่อนสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน
ที่นี่คือถนนใหญ่ที่คึกคักของนครต้องห้าม และทั้งสองล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่นในบรรดาผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณรุ่นหนุ่มสาว ทำให้จินตนาการได้ว่าพลังทำลายล้างที่สร้างขึ้นนั้นจะรุนแรงเพียงใด
แต่สิ่งที่ทุกคนแปลกใจก็คือ ในบริเวณที่ทั้งสองต่อสู้กันกลับมีพลังป้องกันล่องหนที่แผ่ลงมาจากฟ้า กั้นสิ่งก่อสร้าง ถนนหนทางรวมทั้งผู้คนออกไปทั้งหมด
แบบนี้แม้ทั้งสองจะประลองกันดุเดือดแค่ไหน ก็ไม่กระทบต่อทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างเลยสักนิด
นี่ก็คือนครต้องห้าม!
ทุกพื้นที่ในนครล้วนถูกปกคลุมด้วยผนึกต้องห้ามอันลึกลับ ตัวอย่างเช่นแสงป้องกันชั้นนี้ที่จะไม่ถูกทำลายจากการต่อสู้
เพราะในนครมีผู้ฝึกปราณมากมาย เกิดการต่อสู้และฆ่าฟันวันละไม่รู้กี่รอบ ถ้าไม่มีมาตรการป้องกัน ทั่วทั้งนครต้องห้ามคงถูกทำลายอย่างรุนแรงจนเหลือแต่ซากแล้ว
“หลินเสวี่ยเฟิง ความสามารถแค่นี้ของเจ้า ก็คิดจะแย่งผู้หญิงกับข้า?”
ทันใดนั้นฮวาอู๋เหินในชุดคลุมสีดำก็หัวเราะเยาะ รอบกายมีสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์สีทองนับหมื่นพุ่งออกมาพาดขวางกลางอากาศ ฟาดใส่หลินเสวี่ยเฟิงอย่างรุนแรงราวกับสายโซ่
เสียงโครมดังสนั่นขึ้น หลินเสวี่ยเฟิงถูกสยบลงกับพื้น กระอักเลือดออกจากปาก
หลายคนอดอุทานด้วยความตะลึงไม่ได้
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ในการทดสอบระดับอาณาจักร ฮวาอู๋เหินและหลินเสวี่ยเฟิงได้อันดับที่เจ็ดสิบสามและเจ็ดสิบเก้าตามลำดับ ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่อันดับเท่านั้น
แต่ความสามารถของฮวาอู๋เหินเหนือกว่าหลินเสวี่ยเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย!
“คนที่อวิ๋นเอ๋อร์ชอบคือข้า!”
หลินเสวี่ยเฟิงพยายามลุกขึ้น สีหน้าอึมครึม สายตาเต็มไปด้วยความดุดัน หนึ่งกระบี่ดุจสายฟ้าจู่โจมออกไปกลางอากาศ
โครม!
กลับเห็นฮวาอู๋เหินยื่นมือออกไปคว้า ผนึกสีทองอันใหญ่ตกลู่ลงมา บดขยี้อากาศจนแหลกละเอียด และทำลายประกายดาบจนเป็นฝุ่นผง
จากนั้นก็กระแทกเข้าตัวหลินเสวี่ยเฟิงด้วยพลังที่ไม่แผ่วไปจากเดิมเลย
เสียงปังดังลั่น หลินเสวี่ยเฟิงถูกกดจนทรุดลงพื้นอีกครั้ง ใบหน้าไร้สีเลือด ดิ้นรนอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น
เหตุผลเพราะผนึกสีทองอันใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของหลินเสวี่ยเฟิง มันสาดประกายแสงสีทองระยิบระยับ เกิดเป็นพลังคุมขังอันน่ากลัว
“สมบัติที่สืบทอดกันมานับตั้งแต่บรรพบุรุษของตระกูลฮวา…ผนึกประกายทอง! ว่ากันว่าได้รวบรวมพลังแห่งแสงอาทิตย์เอาไว้ สามารถสยบมารได้ทุกชนิด!”
มีคนอุทานอย่างตะลึงด้วยจำที่มาของสมบัติลึกลับชิ้นนี้ได้
“คนไร้ค่าอย่างเจ้าน่ะหรือจะคู่ควรกับอวิ๋นเอ๋อร์”
ฮวาอู๋เหินพลิ้วตัวลงสู่พื้นดิน มองเหยียดไปทางหลินเสวี่ยเฟิง สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก “พูดอย่างไม่เกรงใจ ตระกูลหลินในตอนนี้เป็นตัวตลกในนครต้องห้าม ล่มจมขนาดนี้แล้ว ข้าสงสัยจริงๆ เลยว่า เจ้าไปเอาความกล้าที่ไหนมาคิดไม่ซื่อกับอวิ๋นเอ๋อร์?”
“หยุดพูดจาไร้สาระซะที แน่จริงก็ฆ่าข้าเสีย!” หลินเสวี่ยเฟิงกัดฟันกรอด โกรธจนเส้นเลือดฝอยนัยน์แตก
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ?”
ประกายทองวงหนึ่งพุ่งวาบในนัยน์ตาของฮวาอู๋เหิน เผยไอสังหารเต็มประดา
โครม!
พลันเห็นผนึกประกายทองนั่นสงเสียงครวญ ส่องสว่างเจิดจ้า บีบอัดอากาศทุกพื้นที่ลงมาบนตัวของหลินเสวี่ยเฟิง
กร๊อบๆ
หลินเสวี่ยเฟิงอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส เอ็นกระดูกทั่วร่างเกิดเสียงปะทุอย่างรับไม่ไหว
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างสูดหายใจอย่างอดไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อว่าฮวาอู๋เหินคิดอยากจะฆ่าหลินเสวี่ยเฟิงจริงๆ กล้าเกินไปแล้ว!
“ให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ก้มหัวยอมแพ้แต่โดยดี แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า มิเช่นนั้นวันนี้ของปีหน้าจะเป็นวันครอบรอบวันตายของเจ้า!”
ฮวาอู๋เหินกล่าวเสียงเย็น
“ฝันไปเถอะ!”
หลินเสวี่ยเฟิงตะเบ็งเสียงอย่างเดือดดาล
“เหอะๆ คนตระกูลหลินของพวกเจ้าช่างไร้ยางอาย ปีนั้นถูกไล่ออกจากภูเขาชำระจิต ก็ขายหน้าบรรพบุรุษในตระกูลจนไม่เหลือซากแล้ว ตอนนี้กลับยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ขอบอกไว้เลยนะ แม้ฆ่าเจ้าตายแล้ว ด้วยความขี้ขลาดตาขาวของตระกูลหลินอย่างพวกเจ้า อย่างไรก็ไม่กล้ามาแก้แค้นกับข้าหรอก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์