อ่านสรุป ตอนที่ 363 จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 363 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
มีเพียงคนระดับหลานชายของราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยเท่านั้น ถึงมีกำลังมากพอจะจัดงานเลี้ยงรับรองเพื่อนจากทุกสารทิศที่นี่ได้
ถ้าเป็นตาสีตาสา น่ากลัวว่าประตูหอสรวลทรัพย์ยังเข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!
‘คิดไม่ถึงว่าญาติผู้น้องผู้นี้ ที่แท้ยังผูกมิตรกับคนระดับนี้ด้วย ภายหลังถ้าเขาได้ควบคุมตระกูลหลิน อาจจะสามารถนำพาให้คนในตระกูลรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งได้จริงๆ…’
เขาดูอออกว่าความสัมพันธ์ของหลินสวินกับหนิงเหมิงไม่ธรรมดา ไม่ใช่คบกันโดยผิวเผินแน่นอน นี่เพียงพอทำให้ไม่ว่าใครก็อิจฉา
สำหรับลูกหลานตระกูลใหญ่แล้ว แม้ว่าเรื่องฝึกปราณจะเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุด แต่เส้นสายและวงสังคมเองก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ดังเช่นหลินสวินที่มีสหายวัยเยาว์ผู้แข็งแกร่งที่มีพื้นเพมั่นคงอย่างหนิงเหมิง ผลดีที่ได้นั้นคงมากเกินธรรมดา!
ว่ากันอย่างง่ายที่สุด ถ้าภายหน้ามีใครรังแกหลินสวิน คงต้องไตร่ตรองดีๆ ว่าจะผิดใจกับหนิงเหมิงได้หรือไม่!
ถ้าพูดไปอีกขั้น ผลดีที่ได้นั้นมากเหลือเกิน คงต้องดูว่าหลินสวินจะใช้ประโยชน์จากเส้นสายนี้อย่างไร
แน่นอนว่าที่หลินเสวี่ยเฟิงคำนึงถึงทั้งหมดนี้เลี่ยงไม่พ้นแง่ของผลประโยชน์ เห็นชัดว่าเป็นความคิดของมนุษย์ทั่วไป แต่นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดานัก
ในวงสังคมของลูกหลานตระกูลใหญ่ เส้นสายกับความสัมพันธ์ที่ว่านี้โดยมากล้วนมีฐานอยู่บนผลประโยชน์ หากตำแหน่งและสถานะไม่เท่ากัน เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเที่ยวเล่นกับพวกเขาได้!
ก็เหมือนก่อนหน้านี้ หากไม่ได้หลินสวิน หลินเสวี่ยเฟิงคงไม่ได้รู้จักหนิงเหมิง!
แม้หลินเสวี่ยเฟิงกับหนิงเหมิงจะเพิ่งมีโอกาสได้พบหน้ากัน แต่ภายหลังหากหลินเสวี่ยเฟิงประสบเรื่องใดเข้า เมื่อไปพบหนิงเหมิง เพียงแจ้งชื่อหลินสวิน ก็จะย่อมได้รับการดูแล
นี่ล่ะเส้นสาย
หลินเสวี่ยเฟิงก็รู้ว่า หากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับหนิงเหมิงอย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ย่อมหนีไม่พ้นหลินสวิน
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าหลินสวินกับหนิงเหมิงไม่ได้เป็นเพื่อนที่คบกันโดยผิวเผิน เขาถึงได้ตกใจเช่นนี้
ครุ่นคิดไปตลอดทาง ไม่ทันรู้ตัวก็มาถึงภายในหอสรวลทรัพย์แล้ว หลินเสวี่ยเฟิงพลันตื่นจากภวังค์ ไม่กล้าวอกแวกอีก
หลินจงกับจูเหล่าซานถูกทิ้งไว้ มีหญิงรับใช้ที่หน้าตาสะสวยมารยาทงามนำทางพาไปพักผ่อนที่เรือนที่จัดไว้ให้พวกเขาโดยเฉพาะอีกเรือนหนึ่ง
เห็นเช่นนี้ ใจหลินเสวี่ยเฟิงก็พลันตกตะลึง เงินหนาชะมัด! ที่นี่เป็นหอสรวลทรัพย์เชียวนะ เจ้าภาพที่จัดงานเลี้ยงครั้งนี้ ถึงกับจัดเตรียมเรือนรับรองโดยเฉพาะไว้สำหรับข้ารับใช้ที่ติดตามมาด้วย!
หลินเสวี่ยเฟิงยิ่งสงสัย ใครกันที่จัดงานเลี้ยงนี้ขึ้น
…
หอสรวลทรัพย์สูงร้อยจั้ง ภายในงดงามโอ่โถง หรูหราสว่างไสว!
ที่ปูลาดอยู่บนพื้นเป็นหินวิญญาณสมุทรสีฟ้าที่ขนมาจากทะเลตะวันออก ก้อนหนึ่งราคาหลักร้อยเหรียญทอง แต่ตอนนี้กลับถูกนำมาปูลาดทั่วพื้น เมื่อเดินบนหินเหล่านี้ ราวกับเดินบนพื้นผิวของทะเลสีคราม คลื่นน้ำกระทบไปมา เต็มไปด้วยแสงวิญญาณ
เมื่อดูเครื่องตกแต่งรอบทิศ มีโคมแปดเหลี่ยมที่หลอมจากเหล็กดาวมังกรทอง กรอบหน้าต่างที่แกะสลักจากไม้จื่อหยิน โต๊ะเก้าอี้ที่เจียรจากหยกเสวียนชิงหานทั้งก้อน
จากเสาคานสลักเสลางดงาม จรดกระถางต้นไม้ตกแต่ง ทุกสิ่งล้วนถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน มีที่มาที่ไป ความหรูหราเลิศเลอทั้งหมดนี้ ไม่ว่าใครคงตกตะลึง
นี่ยังเป็นเพียงแค่เครื่องตกแต่งเท่านั้น แก่นภายในของหอสรวลทรัพย์คงไม่เรียบง่ายเพียงเท่านี้แน่
ที่สถานที่แห่งนี้เป็นหอละลายทรัพย์อันดับหนึ่งของนครต้องห้ามได้นั้น ย่อมมีสิ่งที่โด่ดเด่นเหนือธรรมดามากมาย
ทว่าหลังผ่านความตื่นตาตื่นใจเมื่อหะแรกแล้ว ไม่นานหลินสวินก็สงบอารมณ์ ไม่สนใจอีก
ตกแต่งหรูหราแค่ไหน อย่างไรก็ยังเป็นแค่การตกแต่ง
ในความคิดของเขา วัสดุวิญญาณราคาเกินธรรมดามากมายเช่นนั้นกลับกลายเป็นของตกแต่ง ย่อมเป็นการนำของมีค่ามาทำให้เสียของเสียเปล่า
“ถึงแล้ว”
มีหนิงเหมิงนำทาง ไม่นานพวกเขาก็มาถึงชั้นเก้าของหอสรวลทรัพย์ ที่นี่มีโถงใหญ่เพียงห้องเดียว นามว่า ‘พลับพลานพนภา’
ก่อนพวกหลินสวินมาถึง ในพลับพลานพนภามีชายหญิงยี่สิบกว่าคน แต่ละคนล้วนหล่อเหลางดงาม บุคลิกโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น
พวกเขาต่างนั่งหน้าตั่ง กำลังดื่มเหล้าพลางสนทนา
และในนั้นมีที่นั่งไม่น้อยว่างอยู่ เห็นชัดว่าแขกที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงครั้งนี้ยังมาไม่ครบ
เมื่อพวกหลินสวินปรากฏตัวขึ้น ฉับพลัน ดวงตาทุกคู่ในโถงก็หันมามอง
หนิงเหมิงฉีกยิ้มกว้าง มือก็ผลักหลินสวินไปข้างหน้า ตะโกนก้องว่า “ทุกท่าน พวกเจ้ายังจำเจ้าหนูนี่ได้รึไม่”
“หลินสวินรึ”
“ที่หนึ่งของค่ายกระหายเลือดเมื่อปีนั้น ใครจะไม่รู้จักเล่า”
“ที่แท้ก็หลินสวินนี่เอง เขามาจริงๆ ด้วย”
เสียงดังขึ้นในโถง ราวกับทุกคนล้วนประหลาดใจ
มีคนหัวเราะกึ่งจริงกึ่งเล่นพลางพูดว่า “ตอนที่อยู่ค่ายกระหายเลือด ไม่มีใครรู้ฐานะและที่มาของหลินสวิน แต่ตอนนี้ข้าได้ยินมาว่า ภูเขาชำระจิตที่เป็นหนึ่งในเจ็ดสิบสองยอดเขาแห่งอำนาจ มี ‘เจ้าตระกูลทรงอิทธิพลที่โดดเดี่ยวที่สุดในนครต้องห้าม’ ท่านหนึ่ง คงไม่ใช่คนเดียวกับหลินสวินกระมัง”
“ฮ่าๆ” ผู้คนไม่น้อยหัวเราะขึ้น
และเห็นชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินสวินกับสืออวี่นั้นไม่ใช่ผิวเผินเช่นกัน!
นอกจากนี้ เมื่อได้รู้ว่าในหมู่คนที่นั่งอยู่มีลูกหลานตระกูลใหญ่สกุลกง ‘ตุ๊กตาล้มลุก’ มีบุตรชายคนโตของเย่จั้นคง ‘ราชันแห่งทะเลตะวันออก’ รวมถึงลูกหลานตระกูลผู้มีอำนาจอยู่หลายคน หลินเสวี่ยเฟิงก็ไม่อาจสงบใจได้
ผู้คนที่นั่งอยู่ที่นี่ ไม่มีใครเป็นคนธรรมดาเลย!
อีกทั้งอำนาจอิทธิพลเบื้องหลังของแต่ละคนที่นั่งอยู่ที่นี่ หากไม่ใช่ตระกูลใหญ่มากอำนาจที่มีชื่อเสียงลือลั่นนครต้องห้าม ก็เป็นคนใหญ่โตที่ควบคุมจักรวรรดินี้อยู่ทั้งนั้น
เทียบกันเช่นนี้แล้ว หลินเสวี่ยเฟิงเพิ่งค้นพบว่า ฐานะผู้สืบทอดตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของตนนั้นดูจืดชืดหม่นสีถึงเพียงนี้
ไม่มีทางเทียบได้อยู่แล้ว!
ในเวลานี้ ต้องรวมอำนาจของตระกูลหลินสายรองให้เป็นหนึ่ง จึงจะพอฝืนยกฐานะขึ้นมาเป็นตระกูลผู้มีอำนาจระดับล่างได้ ถ้าเพียงอาศัยตระกูลหลินแห่งแสงอุดรสายเดียว ต้องด้อยกว่าไม่น้อยแน่
แน่นอนว่าหลินเสวี่ยเฟิงก็ไม่ได้ดูถูกตัวเองเกินไป แต่ที่ทำให้เขาสะท้านใจก็คือ หลินสวินนั้นรู้จักกับลูกหลานชนชั้นสูงมากมายที่นั่งอยู่ที่นี่!
ต่อให้ความสัมพันธ์จะผิวเผินกว่านี้ แต่อย่างไรก็ถือว่ารู้จักกัน ไหนเลยจะเหมือนกับเขาหลินเสวี่ยเฟิง ขนาดโอกาสจะทำความรู้จักยังไม่มี…
ชั่วขณะนี้ ในที่สุดหลินเสวี่ยเฟิงได้รู้แล้วว่า ญาติผู้น้องที่ครอบครองภูเขาชำระจิตอย่างโดดเดี่ยวนั้น ที่แท้ยังมีเส้นสายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ มิน่าเขาถึงกล้ามาท้ารับภาระของตระกูลหลินด้วยกำลังของตนเพียงผู้เดียว!
ขณะที่หลินเสวี่ยเฟิงเหม่อลอยอยู่นั้นเอง ฉับพลันมีเสียงบาดหูดังขึ้นกลางโถง “คุณชายสามสือ เจ้าแนะนำทีละคนแบบนี้ จะแนะนำไปถึงเมื่อไหร่กันแน่หา”
ถ้อยคำนี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจ
ดวงตาหลายคู่ในโถงพลันมองไป กลับเห็นว่าผู้ที่พูดนั้นเป็นเด็กหนุ่มท่าทางยโสโอหังสวมชุดสีดำผู้หนึ่ง
สืออวี่ขมวดคิ้วขึ้นอย่างยากจะสังเกตเห็น แต่ยังคงยิ้มพลางพูดกับหลินสวินว่า “ท่านผู้นี้คือซ่งชงเฮ่อ มาจากตระกูลซ่งที่เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลมหาอำนาจ ซ่งอี้ที่ได้ที่หนึ่งในการทดสอบระดับอาณาจักรปีนี้ก็เป็นญาติผู้พี่ของคุณชายชงเฮ่อ”
แต่ซ่งชงเฮ่อกลับหัวเราะเย็นชา “ไม่ต้องแนะนำข้า ครั้งนี้ข้ามาเพื่อพบแม่นางไป๋หลิงซี คนอื่นเป็นใคร ข้าไม่สนหรอก”
คำพูดนี้เอ่ยออกมาอย่างไม่เกรงใจ ไม่เห็นผู้อื่นในสายตา
หลายคนที่อยู่ที่นั่นขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ขนาดหลินสวินยังตะลึงไป เหตุใดสืออวี่ถึงเชิญเจ้าคนหัวสูงเย่อหยิ่งเช่นนี้มานะ
ทว่าสืออวี่กลับหัวเราะเสียงดัง “ช่างเถอะ รอคนมากันครบแล้ว ข้าค่อยแนะนำทีละคนก็ไม่ติดขัด มา หลินสวิน เข้ามานั่งสิ”
เขาพูดพลางลากหลินสวินมาด้วย แล้วเดินไปทางซ้ายมุ่งหน้าไปที่นั่งประธาน เห็นชัดว่าไม่คิดจะหาความกับซ่งชงเฮ่อ
ใครจะคิดว่าซ่งชงเฮ่อจะไม่รามือง่ายๆ ยิ้มเย็นอย่างไม่พอใจแล้วพูดขึ้นว่า “คุณชายสามสือ ที่นั่งประธานจะให้ใครที่ไหนนั่งมั่วๆ ได้อย่างไรกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์