นี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระหรอกหรือ
ทุกคนกลั้นยิ้มไม่อยู่ หลินสวินเล่นงานพวกเขาสองพี่น้องหนักขนาดนี้แล้ว คิดว่าเขาจะมาเสียใจในภายหลังอีกหรือ
ตอนนี้ความโกรธของหลินสวินบรรเทาลงแล้ว เขาหยุดคิดอยู่ครู่ ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก กลับเห็นสืออวี่ก้าวเข้ามาพร้อมสีหน้านิ่งขรึมเย็นชา “หลินสวิน ที่เหลือปล่อยให้ข้าจัดการเถิด”
พูดจบก็นั่งยองๆ ลงตรงหน้าซ่งเจ๋อ แววตาเผยความเห็นใจ “ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้า แต่เจ้ากลับเลือกที่จะออกหน้าแทนซ่งชงเฮ่อ เหตุใดต้องหาเรื่องใส่ตัวเช่นนี้”
“คุณชายสามสือ…เจ้า!”
ซ่งเจ๋อคิดไม่ถึงเลยว่า ยามนี้ท่าทางของสืออวี่จะเปลี่ยนเป็นไร้ซึ่งความเกรงใจขนาดนี้ จึงเดือดดาลขึ้นมาพลัน
“อย่าโกรธเลย ความจริงข้าเห็นใจเจ้านัก ข้าขอถามเจ้าหน่อย คู่หมั้นของเจ้าชื่อจินหรงใช่หรือไม่” สืออวี่ถามเสียงแผ่วเบา
ซ่งเจ๋ออึ้งงั้นไปครู่ค่อยพูดอย่างขึ้งโกรธ “เจ้าจะพูดอะไรกันแน่”
คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ต่างงงเป็นไก่ตาแตก
กลับเห็นสืออวี่ชี้ไปที่ซ่งชงเฮ่อที่อยู่ห่างออกไป “หลังจากจบงานเลี้ยงงานหนึ่งเมื่อหลายวันก่อน เขาหลุดพูดว่าเขาครอบครองจินหรงคู่หมั้นของเจ้าไปแล้ว”
ทุกคนต่างตะลึงงัน สิ่งที่สืออวี่พูดร้ายแรงมาก ถึงขนาดบอกว่าคู่หมั้นของซ่งเจ๋อสวมเขาให้เขา อีกทั้งคู่กรณียังเป็นพี่ชายร่วมตระกูลอย่างซ่งชงเฮ่อ!
ซ่งเจ๋อโกรธจนถลึงตาใส่ ตะคอกเสียงกร้าว “เจ้าสารเลวอย่ามาใส่ร้ายผู้อื่น!”
พอเห็นว่าเขาใกล้จะสติหลุด สืออวี่พลันกดเสียงต่ำกระซิบข้างหูเขาประโยคหนึ่ง ก่อนจะตบไหล่ซ่งเจ๋อพลางพูดอย่างเห็นใจ “ระวังตัวให้ดี”
สิ่งที่ทุกคนแปลกใจคือ ไม่รู้ว่าสืออวี่พูดอะไรกับซ่งเจ๋อถึงได้ทำให้เขาเหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนตัวแข็งค้างอยู่กับที่ประหนึ่งคนถูกสูบวิญญาณออกจากร่าง
“ซ่งเจ๋อ อย่าไปฟังเขาพูดซี้ซั้ว! เขาโกหกเจ้า ข้าจะทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร?” ซ่งชงเฮ่อที่อยู่ห่างออกไปตวาดเสียงลั่น
“ข้า…” สีหน้าของซ่งเจ๋อหม่นแสงยากจะคาดเดา
ทุกคนเห็นเช่นนี้ ก็พอจะมั่นใจว่าสิ่งที่สืออวี่พูดเมื่อครู่นี้ต้องเป็นประเด็นสำคัญอย่างแน่นอน ถึงได้ทำให้ซ่งเจ๋อเริ่มสงสัยทุกสิ่ง
นี่ทำให้ทุกคนอดตะลึงไม่ได้ หรือที่สืออวี่พูดจะเป็นความจริง ซ่งชงเฮ่อต่ำช้าถึงขนาดเล่นสนุกกับคู่หมั้นของซ่งเจ๋อจริงๆ งั้นเหรอ?
ช่างเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายยิ่งนัก ซ่งเจ๋อเป็นน้องชายร่วมตระกูลเดียวกับเขาเชียวนะ เขาทำแบบนั้นได้อย่างไร
สิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดที่สุดคือ เมื่อครู่นี้ซ่งเจ๋อยังเป็นคนแรกที่ออกหน้าแทนซ่งชงเฮ่ออย่างเคียดแค้น…
ซ่งเจ๋อผู้นี้ ช่างน่าเวทนานัก
“สืออวี่ เราได้เห็นดีกันแน่!”
ซ่งชงเฮ่อโกรธจนกระอักเลือด ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด
ช่างน่าอับอายยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ต้องหัวเสียเพราะหลินสวิน ยังต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้อีก ทำเขาขายหน้าไม่เหลือชิ้นดี ถ้าเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป เขาซ่งชงเฮ่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ส่วนสีหน้าของซ่งเจ๋อนั้นหม่นแสงเกินบรรยาย ท่าทางเลื่อนลอย เห็นชัดว่าในใจดูทรมานกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า
“เหอะๆ”
สืออวี่หัวเราะเสียงเย็นทันควัน ก่อนพูดอย่างหมางเมิน “เห็นดีก็เห็นดีสิ คิดว่าข้ากลัวพวกเจ้าหรือ ถ้าเป็นซ่งอี้ข้าอาจจะเกรงใจสักสามส่วน แต่ถ้าเป็นพวกเจ้าทั้งสอง เหอะๆ…นับเป็นอะไรได้”
“เจ้า…”
ใบหน้าของซ่งชงเฮ่อทั้งเขียวคล้ำบิดเบี้ยว ดูน่ากลัวอย่างที่สุด
“ไม่ต้องพูดให้มากความ อยากแก้แค้นเมื่อไหร่ข้ายินดีเสมอ” สืออวี่พูดเสียงเย็นชา
เขาเองก็โกรธแล้วจริงๆ ซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อพากันหาเรื่องหลินสวินสหายของเขาไม่หยุดตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยงแล้ว
ขนาดนี้แล้ว ถ้าเขาสืออวี่ไม่ทำอะไรเพื่อหลินสวินบ้าง คงไม่สมกับที่เป็นเพื่อนกันมา!
ที่เขาพูดแบบนี้ก็เพื่อแบกรับความกดดันแทนหลินสวิน เลี่ยงไม่ให้ถูกตระกูลซ่งคิดแค้น ถึงอย่างไรจากที่เขารู้มา สถานการณ์ในตอนนี้ของหลินสวินก็มิได้ดีนัก
“ดี! ดีมาก! ข้าจะจำไว้!”
ซ่งชงเฮ่อกัดฟันกรอด ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนตะเกียกตะกายลุกขึ้น แววตาเคียดแค้นกวาดมองสืออวี่และหลินสวินแวบหนึ่ง ก่อนจะพาซ่งเจ๋อหมุนตัวจากไป
ช่วยไม่ได้ วันนี้ขายหน้ามามากพอแล้ว ขืนอยู่ต่อมีแต่จะยิ่งอับอาย
“เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของข้าด้วย”
แต่ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ไป๋หลิงซีที่วางตัวประหนึ่งคนนอกมาตลอดกลับส่งเสียงขึ้น น้ำเสียงไพเราะเสนาะหูราวกับเสียงสวรรค์
ทุกคนต่างอึ้งงัน แม้แต่หลินสวินและสืออวี่ยังอดประหลาดใจไม่ได้ ทำไมไป๋หลิงซีต้องเข้ามาแทรกในจังหวะนี้?
ความจริงทำแบบนี้สามารถทำให้ตระกูลทรงอิทธิพลอย่างตระกูลซ่งไม่พอใจได้ง่ายนัก!
ซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อเองก็มีท่าทางไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจนิ่งดูดาย”
ไป๋หลิงซีพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยอย่างที่สุด “ยิ่งกว่านั้น ครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของศิษย์จากค่ายกระหายเลือด เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น ข้าย่อมต้องอยู่ข้างค่ายกระหายเลือด”
ประโยคเรียบง่ายนี้ทำให้คนส่วนใหญ่ตระหนักโดยพลัน ทว่าในใจกลับรู้สึกอยู่ตลอดว่าจุดประสงค์ที่ไป๋หลิงซีทำเช่นนี้ไม่ได้เรียบง่ายเพียงนั้นแน่
ได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากไป๋หลิงซี สองพี่น้องร่วมตระกูลอย่างซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อต่างอึ้งงันอย่างสิ้นเชิง เดิมทีท่าทีเด็ดเดี่ยวของสืออวี่ก็ทำให้พวกเขาอึดอัดใจยิ่งอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์