Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 368

ทำตามอำเภอใจ
โดย
ProjectZyphon
เสียงดังสนั่นก้องไปทั่วทั้งโถง

เหตุใดถึงมีคนมาหาเรื่องหลินสวินอีกแล้ว

ทุกคนต่างชะงักงัน หยุดการเคลื่อนไหวและมองไปที่ประตูโถงใหญ่โดยพร้อมเพรียงกัน

เห็นหญิงสาวผู้เย็นเยียบดั่งธารน้ำแข็ง รูปร่างสูงโปร่งเพรียวบาง ใบหน้างดงามเย้ายวนในชุดเสื้อคลุมแดงเพลิงเดินเข้ามา

นางเดินเข้ามาอย่างดุดันวางมาด ราวกับเพลิงอันเจิดจ้า หว่างคิ้วแฝงความหยิ่งผยอง ท่าทางดูอันธพาลมากโข

ฮวาอู๋โยว!

นางมาทำไม?

คนส่วนใหญ่จำนางได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น จึงอดรู้สึกเกร็งในใจไม่ได้

ฮวาอู๋โยว เป็นผู้มีฝีมือแข็งแกร่งในหมู่คนรุ่นเยาว์ในตระกูลฮวาอันเป็นหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งเจ็ด สอบเข้าสำนักศึกษามฤคมรกตด้วยผลคะแนนอันน่าทึ่งได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว

ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปี นางก็ใช้พรสวรรค์ถีบตัวเองเข้าไปเป็นศิษย์สายในของ ‘เรือนยุทธ์วิถี’ แห่งสำนักศึกษามฤคมรกตได้!

หญิงผู้นี้นิสัยหยิ่งผยอง ทำอะไรตามอำเภอใจ หากใครทำให้ไม่พอใจ รับรองว่าจบไม่สวยแน่ ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘นางยักษ์’ ที่ชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่ลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพลแห่งนครต้องห้าม

ตัวอย่างที่โด่งดังที่สุดคือ เมื่อครึ่งปีที่แล้วมีบุตรชายเสเพลจากตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลางคนหนึ่งถูกเล่นงานจนสาหัส พลังปราณเกือบถูกทำลาย เพียงเพราะเอ่ยหยอกเย้าฮวาอู๋โยวประโยคเดียวในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง เหตุการณ์ครั้งนั้นทำเอาผู้คนตื่นตะลึงกันไปทั้งงาน

นับตั้งแต่นั้นมา ฮวาอู๋โยวจึงได้รับฉายาว่า ‘นางยักษ์’

ตอนนี้ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่า เพิ่งจะจัดการซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อไป ก็มีนางยักษ์มาตามหาหลินสวินอีกคน!

เหลือเชื่อจริงๆ ทำเอาทุกคนอดแปลกใจไม่ได้ว่าเจ้าหลินสวินนี่มันอย่างไรกันแน่ มีเรื่องกับลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพลอย่างตระกูลซ่งไม่พอ แม้แต่นางยักษ์แห่งตระกูลทรงอิทธิพลเช่นตระกูลฮวาที่เลื่องลือยังกล้ามีเรื่องด้วย

สองตระกูลนี้ ต่างเป็นตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งสิ้น!

ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ มีเรื่องกับหนึ่งในนี้ก็กระวนกระวายไม่เป็นอันกินอันนอนแล้ว แต่หลินสวินกลับมีเรื่องกับลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงสองตระกูลในทีเดียว เหลือเชื่อจริงๆ

ที่สำคัญที่สุดคือ ฐานะของฮวาอู๋โยวสูงส่งกว่าซ่งชงเฮ่อเป็นไหนๆ อีกทั้งนางยังเป็นพวกทำอะไรตามอำเภอใจ ถ้าทำให้นางไม่พอใจเข้า ผลที่ตามมาย่อมรุนแรงกว่ามาก

“พี่รอง เป็นเจ้าหมอนั่น!”

เสียงที่แฝงความขึ้งโกรธดังขึ้น

ทุกคนจึงเพิ่งสังเกตเห็นชายหนุ่มในชุดหรูหราที่ตามฮวาอู๋โยวมา ยามนี้กำลังจ้องหลินสวินเขม็งด้วยสายตาเคียดแค้นเต็มประดา

ชายหนุ่มคนนั้นหน้าบวมเขียว เผ้าผมยุ่งเหยิง เนื้อตัวยังเปื้อนเลือดอยู่ไม่น้อย ท่าทางดูสะบักสะบอมอย่างที่สุด เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านเรื่องชกต่อยมา

เป็นฮวาอู๋เหิน!

เห็นแบบนี้ทุกคนพลันกระจ่างทันที ว่าหลินสวินต้องตีฮวาอู๋เหินนั่นอย่างหนักแน่ ถึงได้ทำให้นางยักษ์ฮวาอู๋โยวออกโรง!

ทว่าตอนนี้พอเห็นฮวาอู๋เหินและฮวาอู๋โยวปรากฏตัวพร้อมกัน และพุ่งตรงเข้ามาหาหลินสวินอย่างดุดันแบบนี้ ทำให้สีหน้าของหลินเสวี่ยเฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เปลี่ยนไปทันที

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าการแก้แค้นของตระกูลฮวาจะมาถึงไวขนาดนี้ และไม่คิดว่าฮวาอู๋เหินจะเร่งรีบมาแก้แค้นโดยไม่ห่วงหน้าแบบนี้

ทันใดนั้นหลินเสวี่ยเฟิงทั้งหัวเสียทั้งโทษตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเขา คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“เจ้าเองเหรอ หลินสวิน?”

สายตาของฮวาอู๋โยวราวกับสายฟ้าที่สาดประกาย จ้องหลินสวินอย่างเย็นชา ใบหน้าเย็นยะเยือกราวกับธารน้ำแข็งเผยไอสังหาร

เพี๊ยะ!

ไม่เห็นว่านางจะเคลื่อนไหวอันใด แต่แส้ยาวที่แดงปลั่งวาดผ่านกลางอากาศดุจฟ้าแลบ แทรกสอดด้วยพลังวิญญาณอันน่ากลัว

เป้าหมายคือศีรษะของหลินสวิน!

การโจมตีที่แฝงพลังทำลายล้างมหาศาลนี้รวดเร็วราวกับฟ้าผ่าลงมาจนไม่ทันตั้งตัว ราวกับจะกวาดล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า ดูน่ากลัวอย่างที่สุด

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ทันทีที่เข้ามาในโถงก็เริ่มสะบัดแส้จะฆ่าฟันโดยไม่คิดสนใจอะไรทั้งนั้น ราวกับทุกคนที่นั่งอยู่เป็นเพียงธาตุอากาศ!

คำว่าทำตามอำเภอใจเป็นอย่างไร?

ก็เป็นแบบนี้ไงล่ะ!

การโจมตีนี้แสดงให้เห็นความหมายของฉายานางยักษ์อย่างชัดเจน

ทุกคนยังไม่ทันมีปฏิกิริยา แส้นี้ก็พุ่งมาที่กลางศีรษะของหลินสวินแล้ว

หลินสวินเองก็ตั้งตัวไม่ติดเช่นกัน เมื่ออันตรายมาเยือน เขาจึงทำได้เพียงยกหมัดฝืนตั้งรับ

พลันได้ยินเสียงระเบิดโครม โต๊ะตรงหน้าหลินสวินถูกหวดพังจนแหลกละเอียดเป็นเศษผง ตัวเขาถูกโจมตีจนสะเทือนเซถอยหลังไป

แม้จะตั้งรับการโจมตีนี้ไว้ได้ แต่กำปั้นข้างขวาของหลินสวินกลับถูกหวดฟาดเป็นรอยแผลเลือดไหลออกมา เนื้อหนังฉีกขาดจนเห็นเอ็นกระดูกขาวอยู่รางๆ

ความรู้สึกเจ็บแสบลามไปทั่วทั้งแขนขวา ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของเขาเคยได้รับการฝึกมาอย่างหนักจนแข็งแกร่งทนทาน แส้เดียวนี้คงทำให้เขาเสียแขนขวาไปแล้ว!

ทันใดนั้นแววตาของหลินสวินสาดประกายเย็นเยียบ ส่วนลึกของแววตาเผยไอสังหารอันน่ากลัว ผู้หญิงคนนี้เผด็จการนัก!

สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าฮวาอู๋โยวจะไม่เกรงใจกันขนาดนี้

ทว่ากลับเห็นฮวาอู๋โยวมุ่นคิ้วน้อยๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะแค่นเสียงอย่างเย็นชา “มิน่าถึงกล้ารังแกน้องเล็กของข้ากลางถนน ก็ถือว่าพอมีฝีมือ แต่วันนี้เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”

เพี๊ยะ!

พูดยังไม่ทันจบนางก็โจมตีอีกครั้ง แส้ยาวแดงเพลิงสะดุดตาราวกับสายฟ้าที่ผ่ากลางอากาศ ส่งเสียงหวีดดังออกมา

เห็นเพียงเท่านี้ก็รู้เลยว่า พลังในการต่อสู้ของฮวาอู๋โยวไม่ใช่สิ่งที่ซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อจะเทียบได้!

สีหน้าของฮวาอู๋เหินที่ยืนอยู่ห่างออกไปเผยความตื่นเต้น แววตาย่ามใจชั่วร้าย ที่เขาไปหาพี่รองฮวาอู๋โยว ก็เพราะมีเพียงฮวาอู๋โยวเท่านั้นที่ยอมออกหน้าแทนเขาโดยไม่มีข้อแม้!

พูดจบก็พาฮวาอู๋เหินที่สีหน้าดูไม่จำยอมหมุนตัวเดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว

“คิดจะหนีไปง่ายๆ แบบนี้งั้นหรือ” สืออวี่ใบหน้าอึมครึม

“ทำไม เจ้าอยากให้ข้าอยู่ต่องั้นหรือ”

ฮวาอู๋โยวถามเสียงเรียบโดยไม่คิดจะหันไปมองด้วยซ้ำ

“พวกผู้หญิงหน้าเหม็น หยิ่งผยองนัก!” หนิงเหมิงตะเบ็งเสียง

“ทำไมจะให้เจ้าอยู่ต่อไม่ได้?”

สืออวี่โกรธจนไฟสุมอกอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ทันที่เขากับหนิงเหมิงจะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ก็ถูกหลินสวินขวางเอาไว้เสียก่อน “พอเถอะ ให้พวกเขากลับไปเถอะ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”

สายตาของเขาเรียบเฉย แววตานิ่งขรึมไร้คลื่นลมจนอ่านความรู้สึกภายในใจไม่ออก เพียงแต่น้ำเสียงกลับแสดงนัยอย่างชัดเจน

สืออวี่และหนิงเหมิงประสานสายตากัน สุดท้ายเพียงถอนหายใจโดยไม่พูดอะไรอีก

ส่วนฮวาอู๋โยวราวกับคาดเดาทุกอย่างได้อยู่ก่อนแล้ว พลันหัวเราะเสียงเย็นอย่างดูถูก ก่อนจะพาฮวาอู๋เหินผู้เป็นน้องชายจากไปอย่างรวดเร็ว

นางมาไวไปไว เข้ามาในโถงพลับพลานพนภาก็ลงมืออย่างคลุ้มคลั่ง พอเห็นสถานการณ์ไม่ดีก็ถอยทัพอย่างเด็ดเดี่ยว เรียกได้ว่าทำตามอำเภอใจอย่างถึงที่สุด คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไป

นี่ทำให้สีหน้าของพวกสืออวี่ หนิงเหมิงต่างดูอึมครึมขึ้นพอดู

“ขออภัยทุกท่าน งานเลี้ยงจบเพียงเท่านี้ เราค่อยนัดกันวันหลัง”

เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้อารมณ์ของสืออวี่ดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด และไม่มีกะจิตกะใจจัดงานเลี้ยงต่อไปแล้ว

ทุกคนที่นั่งอยู่สบสายตากันไปมา ก่อนจะค่อยๆ ทยอยกันบอกลา

พวกเขาเองก็รู้ดี ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ทำลายบรรยากาศของงานเลี้ยงจนไม่เหลือสภาพ ขืนยังอยู่ต่อก็ไม่มีอะไรน่าสนุกแล้ว

ไม่นานหนุ่มๆ สาวๆ ในโถงก็กลับไปกว่าครึ่งแล้ว ไป๋หลิงซีเองก็ลุกขึ้นขอตัวกลับอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือนางไม่พูดกับหลินสวินอีกเลยแม้แต่คำเดียว ราวกับว่าทุกสิ่งที่นางทำเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การผดุงความเป็นธรรม ไม่ใช่เพื่อปกป้องหลินสวินแต่อย่างใด

แต่นี่ก็ไม่เหมือนนิสัยของนาง มันน่าแปลกนัก

พอไป๋หลิงซีกลับไป จ้าวหยินก็บอกลาตามกันทันที เพียงแต่ก่อนจากไปกลับยิ้มพูดกับหลินสวินทีเล่นทีจริง “หลิงซีก็เป็นคนแบบนี้แหละ ทนเห็นเรื่องอยุติธรรมไม่ได้ เจ้าอย่าได้คิดเป็นอื่นหรือรู้สึกรับผิดชอบอันใดเลย”

พูดจบก็มองหลินสวินอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะจากไปอย่างผ่าเผย

“เฮ้ย เจ้านี่กำลังเตือนเจ้าว่า อย่าได้เสน่หาไป๋หลิงซีเชียว ไม่อย่างนั้นคุณชายจ้าวหยินอย่างเขาจะโกรธ”

หนิงเหมิงหลุดขำ

ขณะนี้ภายในโถงเหลือเพียงแค่เขา สืออวี่ หลินสวินและหลินเสวี่ยเฟิงเท่านั้น จะพูดอะไรก็ไม่จำเป็นต้องระวังขนาดนั้นแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์