หลังจากกลับถึงตระกูล หลินเสวี่ยเฟิงก็ตรงไปที่เรือนพักของหลินไหวหย่วนผู้เป็นบิดาทันที
“ท่านพ่อ ลูกมีเรื่องจะรายงาน” หลินเสวี่ยเฟิงสีหน้าจริงจัง
“ว่ามา” หลินไหวหย่วนยิ้มพูด
“ลูกตัดสินใจแล้วว่า ต่อไปจะสนับสนุนน้องหลินสวินในการครองอำนาจในภูเขาชำระจิตอย่างเต็มที่!”
หลินเสวี่ยเฟิงพูดอย่างมาดมั่น
รอยยิ้มบนมุมปากของหลินไหวหย่วนชะงักค้าง ครู่ใหญ่จึงพูดว่า “บอกเหตุผลข้ามา”
จากนั้นหลินเสวี่ยเฟิงก็เล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้ รวมทั้งเรื่องที่ตัวเองเกือบตายคามือฮวาอู๋เหินอย่างไม่คิดปิดบัง
เมื่อทราบเรื่องทั้งหมด สีหน้าของหลินไหวหย่วนพลันเผยความสับสน ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจ “ข้าเข้าใจแล้ว”
จากนั้นก็อดถามไม่ได้ “แต่เจ้า…แน่ใจแล้วหรือว่าจะทำแบบนี้ อย่าลืมว่าถ้าหลินสวินแพ้การประลองกับฮวาอู๋โยว เจ้าก็จะยิ่งมีโอกาสกลับไปชิงอำนาจการครอบครองภูเขาชำระจิต…”
พูดยังไม่ทันจบหลินเสวี่ยเฟิงพลันแทรกขึ้นมาอย่างขึ้งโกรธ “ท่านพ่อ หลินสวินออกไปประลองแทนลูก ท่าน…ท่านพูดแบบนี้ได้อย่างไร”
หลินไหวหย่วนกลับยิ้มอย่างปล่อยวาง “ข้ามั่นใจแล้วว่าเจ้าละวางสิ่งที่ยึดมั่น และหันไปช่วยหลินสวินอย่างจริงใจ”
หลินเสวี่ยเฟิงอึ้งงันไป เพิ่งเข้าใจว่าที่บิดาพูดเมื่อครู่นี้เพราะต้องการจะลองใจเขา จึงอดรู้สึกผิดไม่ได้ “ท่านพ่อ ลูกทำให้ท่านพ่อผิดหวังแล้ว”
หลินไหวหย่วนยกมือขึ้นโบก “เจ้าอย่าได้คิดแบบนี้ เพราะถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะตัดสินใจแบบเดียวกัน เจ้าทำดีมากแล้ว ข้าภูมิใจมาก เรื่องนี้ข้าจะสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอน”
หลินเสวี่ยเฟิงสะท้าน พลันพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านพ่อที่เข้าใจ!”
“แต่ไม่ได้หมายความว่าตระกูลหลินแห่งแสงอุดรจะยอมจำนนต่อหลินสวินในทันที เขามีสัญญากับท่านปู่ของเจ้า เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามความต้องการของท่านปู่ของเจ้า”
หลินไหวหย่วนพูดอย่างจริงจัง
“ลูกเข้าใจ” หลินเสวี่ยเฟิงพยักหน้า
“ไปเถอะ”
หลินไหวหย่วนยกมือขึ้นโบก มองลูกชายจนลับสายตาไปแล้วจึงถอนหายใจคราหนึ่ง
ยังมีอีกเรื่องที่หลินไหวหย่วนไม่ได้พูดออกมา เมื่อหลินเสวี่ยเฟิงตัดสินใจจะสนับสนุนหลินสวินอย่างเต็มกำลัง ก็เท่ากับว่าตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของพวกเขาได้ยอมจำนนต่อหลินสวินแล้ว ส่วนเรื่องที่จะยอมเชื่อฟังอย่างสุดใจเมื่อไร นั่นขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
“หลินสวินผู้นี้…ถือว่าเป็นเด็กอัจฉริยะที่หายาก ถ้าเขาชนะการประลองกับฮวาอู๋โยวจริงๆ ย่อมสร้างความตื่นตะลึงอย่างยิ่งใหญ่ รวมถึงเป็นการกล่าวเตือนตระกูลสาขาทั้งสามอย่างแน่นอน”
หลินไหวหย่วนนั่งครุ่นคิดเพียงลำพัง
จากการสนทนากับหลินเสวี่ยเฟิง ทำให้เขาตระหนักได้ว่า การที่สามารถอยู่ร่วมกับหนุ่มสาวยุคใหม่มากความสามารถอย่างสืออวี่ หนิงเหมิง ไป๋หลิงซี จ้าวหยินได้ ความสามารถของหลินสวินย่อมไม่อาจมองข้ามได้เด็ดขาด!
……
ณ ตระกูลหลินแห่งธารประจิม
แสงไฟสว่างไสวไปทั่วทั้งห้องประชุมในยามดึก
หลินเทียนหลงหัวหน้าตระกูลหลินแห่งธารประจิมเก็บข่าวที่เพิ่งได้รับมาก่อนหัวเราะเสียงดังไม่หยุด “ดีๆๆ ในที่สุดมันก็เจอของจริง! ไม่เพียงแค่มีเรื่องกับฮวาอู๋เหิน แต่ถึงขั้นทำร้ายสองพี่น้องตระกูลซ่งจนสาหัสที่หอสรวลทรัพย์ แบบนี้ก็เท่ากับเขามีเรื่องกับตระกูลทรงอิทธิพลถึงสองตระกูลในคราเดียว!”
“ที่เด็ดที่สุดคือ เขาดันไม่รู้จักประมาทตน ไปรับคำท้าของฮวาอู๋โยว ฮวาอู๋โยวนั่นเป็นนางยักษ์เผด็จการที่ทำอะไรตามอำเภอใจและมีชื่อเสียงมากในสำนักศึกษามฤคมรกต คิดไปประลองกับนางถือว่ารนหาที่ตายชัดๆ”
อีกด้านหลินเนี่ยนซานหัวหน้าตระกูลหลินแห่งคานเมฆาเองก็ขำเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่
“แบบนี้เรียกว่ากรรมตามสนอง หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นหรอก ด้วยความเหี้ยมโหดของนางยักษ์ ถ้าหลินสวินแพ้ ไม่ตายก็คงพิการ บางทีเราอาจจะฉวยโอกาสตอนนั้นลงมือช่วงชิงภูเขาชำระจิตกลับมา!”
หลินผิงตู้หัวหน้าตระกูลหลินแห่งยอดวายุพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
ช่วงที่ผ่านมาพวกเขาต่างอัดอั้นกันมาก ทีแรกวางแผนกันเอาไว้ว่าจะฉวยโอกาสควบคุมหลินสวินให้มาเป็นหุ่นเชิดของพวกเขา
ใครจะคิดว่าหลินสวินจะเก็บตัวอยู่แต่ในภูเขาชำระจิตไม่ยอมออกมา พอออกมาแต่ละที ก็พายอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะอย่างหลินจงและจูเหล่าซานออกมาด้วยทุกครั้ง ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ลงมือ
จวบจนกระทั่งตอนนี้ ในขณะที่พวกเขากำลังรู้สึกผิดหวังกลับมีข่าวดีเช่นนี้ จะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร
“แต่เส้นสายของเจ้านี่ก็ดูถูกไม่ได้เชียว ในข่าวบอกว่า ในงานเลี้ยงที่หอสรวลทรัพย์ที่เขาเข้าร่วมครั้งนี้ แม้กระทั่งหนุ่มสาวมากความสามารถอย่างสืออวี่ หนิงเหมิง ไป๋หลิงซี จ้าวหยินยังออกหน้าแทนเขา จนซ่งชงเฮ่อและซ่งเจ๋อต้องหนีกระเจิงออกมา ถือว่าไม่ธรรมดาเลยเชียว”
หลินเทียนหลงเอ่ยปากอย่างเคร่งขรึม
ได้ยินแบบนี้ ความตื่นเต้นของหลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้พลันหดหายไปไม่น้อย สีหน้ากลับมาสงบนิ่ง
“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าเขาสนิทกับคนหนุ่มสาวเหล่านั้นมากเพียงใด แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะไม่ว่าอำนาจเบื้องหลังของหนุ่มสาวเหล่านี้จะยิ่งใหญ่เพียงใด อำนาจเหล่านั้นก็ไม่มีทางหันมาสนับสนุนหลินสวินเพียงเพราะความคิดของคนเหล่านี้แน่”
หลินเนี่ยนซานแจงเสียงเย็น “ก็เหมือนสืออวี่ แม้เขาจะเป็นบุตรชายคนที่สามของเทพเศรษฐีสือ แต่ถ้าจะให้อัครการค้าสนับสนุนหลินสวินอย่างเต็มกำลังก็คงเป็นไปไม่ได้”
“ไม่เพียงเท่านี้ แค่เรื่องที่หลินสวินล่วงเกินลูกหลานของตระกูลซ่งและตระกูลฮวา ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาพินาศได้!”
หลินผิงตู้พูดอย่างเย็นชา “เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำก็คือ รอดูความพ่ายแพ้ของมันแล้วฉวยโอกาสเข้าควบคุมมันซะ!”
“สามวันหลังจากนี้ เราไปดูการประลองที่สังเวียนสวรรค์ยุทธ์กันดีหรือไม่” หลินเทียนหลงเสนอ
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” หลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้ตอบรับอย่างยินดี
……
คืนนี้ไม่เพียงแค่ตระกูลรองทั้งสี่ของตระกูลหลิน แต่ตระกูลทรงอำนาจทรงอิทธิพลมากมายในนครต้องห้ามต่างได้รับข่าวพวกนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์