สรุปเนื้อหา ตอนที่ 371 – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 371 ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
สืออวี่ที่ท่วงท่างามสง่าในชุดขาวทั้งตัว หนิงเหมิงที่ดิบเถื่อนเด็ดเดี่ยว สูงใหญ่ราวกับหอเหล็ก รวมทั้งกงหมิงและเย่เสี่ยวชีก็อยู่ด้วย
“พวกเจ้าทำอะไรน่ะ” หลินสวินอึ้ง
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว พี่ๆ ก็แค่ไปเป็นเพื่อน จะให้ใครมาหยามเราไม่ได้เด็ดขาด!” สืออวี่ยิ้มพูด
“ใช่ ตอนนี้ในนครต้องห้ามลือกันหึ่งว่าเจ้าไปหาเรื่องตระกูลซ่งและตระกูลฮวา ศัตรูรอบด้าน โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง เฮอะ นี่มันหยามหน้าพวกเราพี่น้องชัดๆ”
หนิงเหมิงพูดอย่างไม่พอใจ
หลินสวินรู้สึกอุ่นวาบขึ้นในใจ การที่สืออวี่และหนิงเหมิงออกตัวเข้าข้างเขาในสถานการณ์แบบนี้ ถือว่าต้องใช้ความกล้าอย่างมาก
“แฮะๆ ส่วนพวกเราแค่อยากมาร่วมสนุก” เย่เสี่ยวชีพูด
“อื้ม” กงหมิงพยักหน้าร้องรับเย่เสี่ยวชี
นี่ก็คือวิธีการคบหากันในแบบของผู้ชาย คำพูดที่เหมือนหยอกเล่นกัน แต่กลับแสดงถึงท่าทีบางอย่างภายในใจ
ความจริงเรื่องนี้ถือว่าเหนือความคาดหมายของหลินสวิน เพราะตอนที่อยู่ในค่ายกระหายเลือด เขากับเย่เสี่ยวชีและกงหมิงก็เพียงแค่รู้จักกันแบบผิวเผิน ถึงขนาดเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองจะสนับสนุนตัวเองด้วยวิธีแบบนี้
หลินสวินหัวเราะเสียงดัง “พวกเจ้า…ว่างกันจริง”
“หยุดร่ำไรกันได้แล้ว ไป รีบไปที่สังเวียนสวรรค์ยุทธ์กัน” หนิงเหมิงเริ่มหมดความอดทน พลันแผดเสียงขึ้น
ทุกคนจึงขึ้นเกี้ยวสมบัติและมุ่งหน้าออกไป
“หลินสวินมีเรื่องหนึ่งที่เจ้าควรจะรู้เอาไว้”
ภายในเกี้ยวสมบัติ สืออวี่เจาะจงเอ่ยกับหลินสวินด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้า หนิงเหมิง กงหมิงและเย่เสี่ยวชีตัดสินใจแล้วว่า จะใช้อำนาจบางส่วนของตระกูลตัวเองช่วยเจ้าแก้ปัญหาบางอย่างลับๆ”
สืออวี่อธิบายโดยไม่เปิดโอกาสให้หลินสวินได้มีโอกาสโต้ตอบ “ตอนนี้พวกข้ารู้แล้วว่า หากเจ้าต้องการนั่งบนตำแหน่งสูงสุดของภูเขาชำระจิตอย่างมั่นคง ก็ต้องกำจัดหนอนบ่อนไส้ให้ได้เสียก่อน ซึ่งหนอนบ่อนไส้ที่ว่านี้ก็คือขุมอำนาจของธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุ และแสงอุดร ตระกูลหลินสายรองทั้งสี่”
“ถ้าคิดจะสู้กับพวกเขาซึ่งๆ หน้าคงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากสำหรับเรา แต่ถ้าแอบสร้างปัญหาให้พวกเขาลับหลัง กลับเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก”
“อย่างตระกูลหลินแห่งธารประจิมที่มีกิจการห้าสิบกว่าแห่งในนครต้องห้าม แม้ขอบเขตจะไม่กว้างมาก แต่ก็เป็นแหล่งรายได้ที่ทำให้ตระกูลหลินแห่งธารประจิมดำรงอยู่ได้ พวกเราสามารถใช้อำนาจของแต่ละตระกูลกดดันกิจการของตระกูลหลินแห่งธารประจิมได้อย่างแน่นอน!”
“เช่นเดียวกัน จะเล่นงานอำนาจของอีกสามตระกูลรองที่เหลือ ก็ใช้วิธีเดียวกัน”
สืออวี่อมยิ้มพูด “นี่ถือเป็นสงครามทางการค้าที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงให้กับอำนาจอิทธิพลพวกนั้น โดยไม่จำเป็นต้องเปลืองแรง!”
“ผู้ฝึกปราณธรรมดาคนหนึ่ง หากไม่มีทรัพยากรคอยสนับสนุนย่อมไม่สามารถฝึกปราณได้ แล้วนับประสาอะไรกับขุมอำนาจที่สูญเสียการสนับสนุนด้านกำลังทรัพย์มหาศาล”
“สามารถจินตนาการได้ว่า หากแผนนี้สำเร็จ จะต้องสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงกับขุมอำนาจเหล่านั้นอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นก็จะเป็นโอกาสทองของเจ้า เจ้าสามารถรวบอำนาจของพวกเขาได้รวดเร็วขึ้น!”
ฟังจบหลินสวินพลันรู้สึกซับซ้อนขึ้นมา เขาเดาได้เลยว่านี่ต้องเป็นแผนของสืออวี่ มีเพียงสืออวี่เท่านั้นที่คิดวิธีเจ้าเล่ห์และเหี้ยมเกรียมขนาดนี้ได้
คิดดูแล้ว ถ้าสืออวี่ หนิงเหมิง กงหมิงและเย่เสี่ยวชีใช้อำนาจเบื้องหลังของแต่ละคนลงมือโดยพร้อมเพรียงกัน พลังทำลายล้างนั่นต้องน่ากลัวมากแน่!
เพราะอย่างไรตอนนี้อำนาจของตระกูลหลินสายรองทั้งสี่ก็พอจะฝืนเป็นได้แค่ตระกูลทรงอิทธิพลระดับล่าง จะเอาอะไรไปสู้กับขุมอำนาจใหญ่ที่มีทรัพย์มากล้นเหลืออย่างอัครการค้า ตระกูลหนิง ตระกูลกงรวมทั้งตระกูลเย่
ต่อให้อำนาจที่พวกสืออวี่สามารถนำมาใช้ได้จะมีเพียงเศษเสี้ยว แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลหลินสายรองทั้งสี่ระทมทุกข์ปวดหัวได้แล้ว!
“เจ้าคิดว่าอย่างไร?” สืออวี่ถามหลินสวิน
เขาต้องการยืนยันท่าทีของหลินสวิน เพราะถึงอย่างไรเขากับพวกหนิงเหมิง กงหมิงและเย่เสี่ยวชีก็เป็นคนนอก ถ้าจะแทรกแซงเรื่องของตระกูลหลินโดยพลการก็เห็นจะเกินไป
“รอให้การประลองครั้งนี้จบลงก่อนค่อยตัดสินใจเรื่องนี้เถอะ” หลินสวินตอบเสียงขรึม
“ก็ดีเหมือนกัน” สืออวี่พยักหน้า
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเขาเป็นหลินสวินก็ต้องรอบคอบไม่ต่างกัน
“จริงสิ การประลองระหว่างเจ้ากับฮวาอู๋โยวในครั้งนี้เป็นที่จับตามองของผู้คนทั่วทั้งนครต้องห้าม อาจมีคนใหญ่คนโตมากมายมาชมการประลองถึงสังเวียนสวรรค์ยุทธ์”
สืออวี่พลันเอ่ยเตือน
หลินสวินรับคำในลำคอ ก่อนระบายยิ้มพูด “ฮวาอู๋โยวผู้นี้ช่างร้ายกาจเสียจริง ครั้งนี้หากข้าแพ้ คนทั้งนครต้องห้ามก็จะรู้โดยทั่วกันทันทีอย่างนั้นสินะ ช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่งนัก จะเรียกว่าชื่อเสียงพังพินาศก็ไม่เกินไป”
สืออวี่เองก็ยิ้มเช่นกัน “เพราะฉะนั้นเจ้าจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด หากเจ้าแพ้ พวกข้าที่มากับเจ้าคงจะถูกหัวเราะเยาะไปด้วย”
“หัวเราะเยาะพวกเจ้าทำไม?” หลินสวินฉงน
“หัวเราะเยาะที่เราไม่ระวังเรื่องการคบเพื่อน มีพวกสมองหมูอยู่ในกลุ่ม”
สืออวี่พูดพร้อมรอยยิ้ม
หลินสวินกลอกตาใส่อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะตอกกลับไปตรงๆ “ไสหัวไป”
……
ณ สังเวียนสวรรค์ยุทธ์
บริเวณโดยรอบสนามประลองเต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่ง กึกก้องไปทั่ว
คนส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหลินสวิน คิดว่าไม่ว่าพรสวรรค์ของเขาจะโดดเด่นเพียงใดแต่ก็เพิ่งจะบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณ ยังห่างชั้นจากฮวาอู๋โยวไปอีกหนึ่งขั้นเต็มๆ อย่างไรก็ต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้งยังมีคนโต้ ด้วยคิดว่าที่หลินสวินกล้ามาตามคำท้า ย่อมต้องมีคนคอยหนุนหลังอยู่แน่
เพียงแต่ผู้ฝึกปราณที่คิดเช่นนี้ถือว่าน้อยมาก
“ฮ่าๆๆ เห็นหรือยัง ผู้คนส่วนใหญ่ในสนามต่างไม่คาดหวังกับเจ้าเด็กหลินสวินนี่ หากเขากล้ามาตามคำท้า แม้แต่ข้ายังต้องนับถือความกล้าของเขา”
หลินเทียนหลงหัวหน้าตระกูลหลินแห่งธารประจิมหัวเราะลั่นอยู่ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง
“หากเขาไม่มา ย่อมถูกผู้คนทั้งนครต้องห้ามหัวเราะเยาะ กลายเป็นตัวตลกอย่างถึงที่สุด ต่อไปคงยากจะเชิดหน้าได้อีก เพราะฉะนั้นแม้รู้ว่าต้องแพ้ เขาก็ต้องมาแน่”
หลินเนี่ยนซานกล่าวอย่างเป็นกังวล “สิ่งที่ข้าสงสัยคือ ด้วยนิสัยของฮวาอู๋โยว นางจะสังหารหลินสวินให้ตายคาสนามหรือไม่”
“หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น หากหลินสวินตาย เรื่องที่พวกเราจะกลับไปครองอำนาจบนภูเขาชำระจิตก็เป็นอันคว้าน้ำเหลว” หลินผิงตู้ขมวดคิ้ว
“จริงอย่างว่า ให้ดีที่สุดคือเอาแค่พิการเป็นพอ หากหลินสวินถูกฆ่าจริงๆ เห็นจะมากไป หวังเพียงว่าฮวาอู๋โยวจะเมตตาไว้ชีวิตหลินสวิน” หลินเทียนหลงหนักใจ
ในขณะนี้เอง ภายในสนามพลันเกิดเสียงร้องต้อนรับดังสนั่น ดึงดูดสายตาของคนทั้งสนามในทันที
พลันเห็นว่าบนลานประลองขนาดใหญ่ยักษ์ที่ตั้งอยู่กลางสนามมีร่างอันงดงามร่างหนึ่งก้าวเข้ามา
ใบหน้ารูปหยกสดสวย สีหน้ากลับเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ระหว่างเยื้องย่างก็แผ่กลิ่นอายแข็งแกร่งน่าเกรงขามเฉพาะตัว ราวกับหงส์ไฟผู้เย่อหยิ่งที่ทะยานผ่านภูเขาลำธาร
ฮวาอู๋โยว!
เสียงฮือฮาดังไปทั่วทั้งสนาม ทุกสายตาต่างรวมกันที่ฮวาอู๋โยว มีทั้งคนที่ตะลึง คนที่หวาดเกรง คนที่อิจฉาและคนที่เลื่อมใสนับถือ
ฮวาอู๋โยวราวกับไม่สะทกสะท้านกับทั้งหมดนี้ นางยืนเด่นอยู่บนลานประลอง ชุดแดงดุจเปลวเพลิง เส้นผมพลิ้วไปตามสายลม สง่างามหาใดเปรียบ
คนบางพวกเพียงเห็นแวบแรกก็รู้ว่าต้องไม่ธรรมดา เหมือนอย่างฮวาอู๋โยวที่เรียกได้ว่าเป็นผู้กล้าหญิงคนหนึ่ง
นางมีทรัพย์สินมากพอให้เย่อหยิ่ง ทั้งยังมีภูมิหลังอันน่าสะพรึงกลัว บุคคลระดับนี้ต่อให้ไม่อยากเป็นจุดสนใจยังยาก
พอฮวาอู๋โยวมาถึงบรรยากาศก็ยังคึกคัก คนจำนวนมากต่างอดวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ฮวาอู๋โยวมาแล้ว แล้วเมื่อไหร่หลินสวินนั่นจะปรากฏตัว
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด พลันเห็นเงาร่างงามชะลูดเดียวดายร่างหนึ่งปรากฏตัวข้างลานประลองอีกด้านตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจรู้ กำลังก้าวเดินขึ้นลานประลอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์