หลินสวินตอบตามตรง “ยังไม่เคยลองหลอมดู ยังไม่รู้”
พญาแร้งกลอกตาใส่โดยพลัน คนที่สุขุมมั่นคงอย่างเขา ยามนี้กลับกลอกตาใส่ เท่านี้ก็พอจะบ่งบอกได้ว่าเขาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเพียงใด
“แต่ข้าลองดูได้ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นคนออกแบบเรือรบวีรชนม่วงรูปแบบใหม่ของจักรวรรดิ”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ เขาต้องสร้างความมั่นใจให้พญาแร้งสักหน่อย ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าตนเป็นเพียงเด็กที่ดีแต่พูดโอ้อวดเกินจริง
พญาแร้งเตือนอย่างจริงจัง “แต่เรือรบวีรชนม่วงไม่เหมือนชุดศึกสลักวิญญาณ”
หลินสวินคิดๆ แล้วหยิบดาบเวทเรืองแสงของตัวเองออกมายื่นให้พญาแร้ง
พญาแร้งตะลึงงัน มองดาบเวทเรืองแสงในมือเพียงครู่เดียวแววตาของเขาก็ทอประกาย “สมบัติวิญญาณ?”
เพียงสองคำง่ายๆ ก็ยืนยันได้แล้วว่าสายตาของพญาแร้งนั้นเฉียบคมเพียงใด
หลินสวินพยักหน้า “นี่เป็นดาบที่ข้าหลอมเมื่อครั้งอยู่เมืองหมอกอำพราง คราวนี้ท่านคงจะเชื่อแล้วกระมังว่าข้ามีความสามารถในการสร้างชุดศึกสลักวิญญาณ”
พญาแร้งพยักหน้าเล็กน้อย “ก็จริง นี่สามารถยืนยันได้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์และความสามารถในด้านการสลักวิญญาณ แต่…”
พูดถึงตรงนี้เขาพลันเผยความเย้ยหยันอย่างเก็บไม่อยู่ “เจ้าอย่าหาว่าข้าทำลายขวัญกำลังใจของเจ้า แต่ชุดศึกสลักวิญญาณนั้นแตกต่างจากสมบัติวิญญาณเช่นกัน”
ไม่รอให้หลินสวินได้พูดอะไร พญาแร้งสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “ช่างเถอะ เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ข้าเพียงอยากถามเจ้าว่า ที่เจ้าบอกว่ายิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัวหมายความว่าอย่างไร”
หลินสวินใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วเอ่ย “อีกหน่อยท่านจะเข้าใจเอง พูดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ รอให้ข้าสร้างชุดศึกสลักวิญญาณให้สำเร็จจริงๆ ก่อนถึงจะทำแบบนั้นได้”
พญาแร้งอึ้งงันไป ครู่ใหญ่จึงค่อยยิ้มพูด “ได้ เช่นนั้นข้าจะคอยดู”
หลังจากได้คุยกับหลินสวิน ลึกๆ ในใจเขาก็มีความหวังขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ อยากเห็นว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าจะสร้างปาฏิหาริย์เหนือความคาดหมายให้เขาได้จริงๆ หรือไม่!
……
ตั้งแต่วันนั้นหลินสวินจึงจัดแผนการฝึกปราณในทุกวันของตัวเองใหม่ โดยโยกช่วงกลางวันมาทุ่มเทกับการทบทวนและฝึกฝนการสลักรอยสลักวิญญาณ
รอยสลักวิญญาณ เป็นศาสตร์หนึ่งที่หลินสวินคุ้นเคยมากที่สุดมาตั้งแต่เด็ก
ตลอดเวลาที่ฝึกอยู่กับท่านลู่ ทำให้หลินสวินมีความรู้แน่นมากเกี่ยวกับพื้นฐานรอยสลักวิญญาณ รวมทั้งวิธีสลักอันเหนือจินตนาการ
ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านเฟยอวิ๋น เขาใช้การสลักวิญญาณช่วยคนในหมู่บ้านกำจัดแมลงร้ายในนาข้าววิญญาณจนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในหมู่บ้านเฟยอวิ๋น
ตอนที่อยู่ในค่ายกระหายเลือด เขาช่วยเหล่าโม่ออกแบบเรือรบวีรชนม่วงรูปแบบใหม่รวมถึงสร้างอาวุธวิญญาณออกมา จึงได้รับความสนใจรอบด้านจากทั้งเสี่ยวหม่าน เสี่ยวเคอ สวีซานชีและเหล่าโม่
เหล่าโม่พูดอยู่บ่อยๆ ว่าหลินสวินมีพรสวรรค์และความสามารถในด้านการสลักวิญญาณ จนเทียบหญิงอัจฉริยะอย่าง ‘เฟิงชิงโยว’ แห่งสำนักศึกษามฤคมรกตได้ หรืออาจถึงขั้นเหนือกว่าด้วยซ้ำ!
ตอนนั้นก็เพราะความสามารถด้านการสลักวิญญาณที่เผยออกมาของหลินสวิน ทำให้สวีซานชีเสียดายความสามารถ จึงไม่ปล่อยให้หลินสวินถูกซินหรูเถี่ยพาตัวไป
ส่วนเหล่าโม่เป็นคนที่แบกรับคลื่นลมและผลกระทบที่ไม่จำเป็นบางอย่างแทนหลินสวิน
หลังจากนั้นตอนที่อยู่ในเมืองหมอกอำพราง หลินสวินก็ได้ใช้วิธีสลักวิญญาณผ่านการทดสอบของภาคีนักสลักวิญญาณจนได้ผูกมิตรกับฉู่เฟิง
แม้แต่ผู้ฝึกปราณสายศิลป์ระดับแนวหน้าของจักรวรรดิอย่างหลิ่วชิงเยียนยังให้หลินสวินซ่อมขลุ่ยวิญญาณโบราณให้ และการซ่อมก็เป็นไปอย่างราบรื่น
ตอนนั้นเองที่สมบัติวิญญาณอย่างดาบเวทเรืองแสงที่หลินสวินสร้างขึ้นได้สร้างความตะลึงให้เสวี่ยจินและท่านย่าลมครวญโดยถ้วนหน้า และยอมรับว่าความสามารถด้านการสลักรอยสลักวิญญาณของหลินสวินเรียกได้ว่าพบเห็นได้ยาก!
เพียงแต่ตอนที่ออกจากเมืองหมอกอำพรางและเข้ามาอยู่ในนครต้องห้ามจนถึงตอนนี้ หลินสวินภารกิจรัดตัวจนไม่มีเวลาว่างพอไปฝึกด้านการสลักวิญญาณ
แต่ตอนนี้ ไม่ว่าทำเพื่อแก้ปัญญาการบรรลุปราณของจูเหล่าซานหรือช่วยพญาแร้งขับพิษมารพบเคราะห์ วิธีเดียวที่หลินสวินคิดออกก็คือศาสตร์การสลักวิญญาณ!
ขอเพียงสามารถสร้างชุดศึกสลักวิญญาณได้ ก็จะมีความหวัง
……
ด้ามสลัก หมึกวิญญาณ ตัวนำ
ช่วงกลางวันของทุกวัน หลินสวินราวกับฤาษีเฒ่าที่นั่งสมาธิเปล่าเปลี่ยว
เขานั่งตัวตรงอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือ ใช้พลังการรับรู้จิตวิญญาณอันพลุ่งพล่านเป็นตัวกระตุ้น ใช้ด้ามสลักและหมึกวิญญาณเป็นสื่อกลาง และสลักรอยสลักวิญญาณไว้บนหนังสัตว์ อิฐหิน ใบไม้ กระดาษ เศษผ้า
ทุกเรื่องในภูเขาชำระจิต ทุกเสียงอึกทึกภายนอก ราวกับไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลินสวินอีกแล้ว
ในสายตาของเขามีเพียงรอยสลักวิญญาณ ในใจมีเพียงร่องรอยอันลึกลับของรอยสลัก ในขณะที่ในหัวเต็มไปด้วยกระบวนรอยสลักวิญญาณอันสลับซับซ้อนแต่ละลาย
สิบวันหลังจากนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์