อวี๋เป่ยโต้วเริ่มอารมณ์เสีย “เฉิงจิ่ง เจ้าคิดจะแย่งกับข้าจริงๆ งั้นหรือ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือของพวกเจ้ามียอดฝีมือมากมาย ยังต้องการฉู่ไห่ตงอีกรึ”
เฉิงจิ่งถอนหายใจกล่าว “แม้สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือของเราจะเต็มไปด้วยยอดฝีมือ แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกตาเฒ่า ขาดคนหนุ่มอย่างฉู่ไห่ตง ดังนั้นข้าจะไม่วางมือ”
“เจ้า…”
อวี๋เป่ยโต้วถลึงตา ครู่หนึ่งจึงพูดลอดไรฟัน “ผลึกวิญญาณหลุมวารีสามเม็ด แลกกับเจ้าหนุ่มคนนี้!”
เฉิงจิ่งยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
อวี๋เป่ยโต้วโกรธจนกัดฟันกรอด กดเสียงต่ำคำราม “บวกกับหญ้าขุมสวรรค์อีกต้น! นี่ถือเป็นขีดจำกัดของข้าแล้ว ตาเฒ่าอย่างเจ้าอย่างให้มันเกินไปนัก!”
เฉิงจิ่งขานรับในลำคอ ก่อนแค่นเสียง “ของเหล่านี้ข้าให้เจ้าได้ทั้งหมด เจ้ายกฉู่ไห่ตงให้ข้าได้หรือไม่”
สีหน้าของอวี๋เป่ยโต้วเปลี่ยนไปทันที เอ่ยว่า “ต้องทำเช่นนี้เชียวหรือ”
เฉิงจิ่งพูดอย่างจริงจัง “ยอดฝีมือนั้นหายาก แน่นอนว่าต้องเช่นนี้”
อวี๋เป่ยโต้วกล่าวอย่างกราดเกรี้ยว “งั้นพวกเรามาประลองกันสักตั้ง! ดูว่าใครจะได้หัวเราะในท้ายที่สุด!”
เฉิงจิ่งยิ้มพูด “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
คนใหญ่คนโตอื่นๆ เห็นทั้งสองแก่งแย่งกันจนหน้าดำหน้าแดงก็หมดคำจะพูด
แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าได้ฉู่ไห่ตงไปเป็นพวกจริงๆ แม้ต้องแลกกับอะไรก็คุ้มค่าทั้งนั้น
เพราะปรมาจารย์สลักวิญญาณที่อายุเพียงเท่านี้ถือว่าหายากมาก ทั่วทั้งนครต้องห้ามนี้จะมีเสียกี่คน
ที่เป็นเช่นนี้ หนึ่งเพราะศาสตร์แห่งการสลักวิญญาณนั้นลำบากแสนเข็ญ ใช่ว่าคนทุกคนจะทำได้ จึงทำให้จำนวนของนักสลักวิญญาณนั้น ‘ขาดแคลน’ มาโดยตลอด
สอง เพราะฉู่ไห่ตงถือเป็นคนที่นับว่าโดดเด่นในบรรดาหนุ่มสาวรุ่นใหม่ อย่างน้อยๆ ความสำเร็จในด้านการสลักวิญญาณก็ยากที่จะหาใครเทียบได้
จึงไม่แปลกที่บุคคลชั้นแนวหน้าระดับอวี๋เป่ยโต้วและเฉิงจิ่งจะขัดแย้งกันเพราะต้องการแย่งตัวฉู่ไห่ตง
“เสิ่นทั่ว เหตุใดเจ้าไม่เข้าไปแย่งชิงด้วย”
คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งพูดขึ้น
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนต่างตระหนักขึ้นมาได้
จริงด้วย คนที่จะเรียกตัวฉู่ไห่ตงไปเป็นพวกได้ ไม่ใช่แค่ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณและสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิเท่านั้น ยังมีสำนักศึกษามฤคมรกตด้วย!
แต่กลับเห็นเสิ่นทั่วยิ้มพูด “แย่งไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉู่ไห่ตงเป็นคนตระกูลฉู่ เขาอยากอยู่ที่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่การสนับสนุนของวงศ์ตระกูล ข้าไม่มั่นใจเท่าไรว่าจะดึงเขาเข้าสำนักศึกษามฤคมรกตได้”
ทุกคนกระจ่างทันที
มีเพียงเฟิงชิงโยวที่รู้อยู่แก่ใจ มีหรือเสิ่นทั่วจะไม่แย่ง เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะนั่งดูผู้อื่นตีกันจนเจ็บหนักไปทั้งคู่ ตัวเองค่อยเข้าไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ถ้าไม่ถึงท้ายที่สุดเขาจะไม่ยอมปล่อยมือแน่
และนี่ก็คือผลประโยชน์ที่ฉู่ไห่ตงจะได้รับในตอนนี้ สามารถผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรจนกลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่แท้จริงได้ตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ หากเรื่องนี้แพร่ไปทั่วนครต้องห้าม ต้องเป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมาก
การจะได้รับผลประโยชน์พิเศษเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก
……
เจิดจ้าเรืองรองท่ามกลางสายตาของทุกคน!
ยามนี้ฉู่ไห่ตงที่ยืนอยู่บนแท่นประตูมังกรเองก็รู้สึกยินดีปรีดาเช่นกัน ดื่มด่ำกับเกียรติยศที่สมควรได้รับอย่างย่ามใจ
แต่พริบตาต่อมา ยามสายตาของเขากวาดมองไปที่หลินสวิน ความแค้นก่อนหน้านี้พลันผุดขึ้นในใจ
ฉู่ไห่ตงก้าวลงจากแท่นประตูมังกรโดยไม่ลังเล สายตามองไปยังหลินสวินพร้อมพูดเสียงเรียบ “หลินสวิน เจ้าขอขมาตอนนี้ยังไม่สาย ขอเพียงแค่เจ้ายอมรับว่าตัวเองโง่เขลาไม่รู้ความต่อหน้าทุกคน ข้าก็จะไม่ถือสาเจ้า เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าข้าฉู่ไห่ตงรังแกเด็กอย่างเจ้า”
ทันทีที่ได้ยินแบบนี้ บรรยากาศที่เดิมทีพลุ่งพล่านพลันเปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาด
ทุกคนต่างตระหนักได้ว่าฉู่ไห่ตงเริ่มแก้แค้นหลินสวินแล้ว!
สีหน้าของคนจำนวนมากต่างเผยความเห็นใจทันที
ก่อนหน้านี้หลินสวินหมิ่นประมาทฉู่ไห่ตงอย่างไม่ไว้หน้า แต่ตอนนี้ฉู่ไห่ตงผ่านการทดสอบแล้ว ทั้งยังสร้างสถิติใหม่ แบบนี้ถ้าหลินสวินไม่แสดงฝีมือสักหน่อยคงพ่ายแพ้ให้ฉู่ไห่ตงอย่างราบคาบ
แต่ประเด็นสำคัญคือ ในสถานการณ์แบบนี้หากไม่ใช้พลังยุทธ์ หลินสวินจะเอาอะไรไปสู้ฉู่ไห่ตง?
สิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างตะลึงงันคือ แม้เผชิญหน้ากับฉู่ไห่ตงที่เย่อหยิ่งแข็งกร้าว หลินสวินไม่เพียงไม่เผยความลนลานล้มเหลว กลับยังเผยยิ้มออกมา
หลังจากนั้นคำสองคำก็ออกมาจากปากเขาแผ่วเบา “ไอ้โง่”
คำนี้มีพลังรุนแรงนัก โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ฉู่ไห่ตงได้เป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่แท้จริงแล้ว!
แต่หลินสวินกลับด่าอีกฝ่ายว่าไอ้โง่อย่างไม่เกรงใจ นี่มัน…
บ้าดีเดือดเกินไปหรือเปล่า
ผู้คนต่างตื่นตะลึงกันไปทั่ว สีหน้าแปลกประหลาด
แม้แต่เหล่าผู้มีชื่อเสียงที่นั่งอยู่ในอีกโถงยังอดกระตุกมุมปากไม่ได้ เด็กคนนี้…จะว่าอย่างไรดีนะ
อย่างเฉิงจิ่งเองยามนี้ก็กล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “หลินสวินคนนี้จะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว หยาบคายประหนึ่งอันธพาลต่ำช้า แบบนี้ดูได้ที่ไหนกัน”
ทันใดนั้นผู้ทรงอิทธิพลกลุ่มหนึ่งพลันพูดขึ้น “เด็กคนนี้ทำเกินไปจริงๆ นิสัยหยิ่งผยองแบบนี้ ไม่นานภูเขาชำระจิตต้องพินาศคามือเขาแน่”
“ในเรื่องการต่อสู้ฉู่ไห่ตงอาจจะสู้หลินสวินไม่ได้ แต่นี่คือการสลักวิญญาณ เขาจะเอาอะไรไปสู้ผู้กล้าที่เพิ่งกลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณเล่า”
“เด็กวัยรุ่นก็วู่วามแบบนี้แหละ แต่แม้คำพูดจะอวดดีแค่ไหน ก็ต้องวัดกันที่ความสามารถที่แท้จริง”
ยามนั้นเสิ่นทั่วก็เอ่ยปากพร้อมรอยยิ้ม “ครั้งนี้หลินสวินก็มารับรองฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณมิใช่หรือ เรารอดูผลการทดสอบของเขาก็สามารถเอาไปเทียบกับฉู่ไห่ตงได้แล้ว”
ทุกคนพลันพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้ากลับรู้สึกว่า ที่หลินสวินกล้าพูดแบบนี้เพราะมีความมั่นใจอยู่ในระดับหนึ่ง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์