“หึ อย่าพูดเพ้อเจ้อ หลินสวินคนนี้สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือของข้าหมายมั่นไว้แล้ว อย่าว่าแต่ฉีกหน้ากันเลย ยิ่งกว่านี้ข้าก็ทำได้!”
“ข้าเชื่อว่าถ้าหัวหน้าสำนักศึกษาของพวกเรารู้ความเก่งกาจของหลินสวิน ย่อมต้องสนับสนุนข้าทุกทางอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทั้งสองท่านจะลองดูก็ได้ ดูซิว่าสำนักศึกษามฤคมรกตของข้าจะยอมหรือไม่!”
“พวกเจ้า…รังแกกันเกินไปแล้ว!”
ภายในโถง ทั้งอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วต่างเถียงกันหน้าแดงคอโป่ง ถลึงตาจับจ้องอย่างขุ่นข้อง ไม่มีใครยอมใคร
เหล่าผู้มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ต่างนิ่งเงียบด้วยความรู้สึกอันสับสน
พวกเขาไม่มีอารมณ์มาชมดูความคึกครื้นแล้ว หากเป็นไปได้พวกเขาก็อยากเข้าไปแย่งชิงด้วยอย่างไม่ลังเล ต่อให้ต้องแย่งกันจนหัวแตกไปข้างก็ไม่เสียดาย!
ถึงอย่างไรหลินสวินก็ผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรในรวดเดียวด้วยปรากฏการณ์แสงทองทะยานฟ้า เด็กหนุ่มปรมาจารย์สลักวิญญาณที่โดดเด่นแบบนี้ย่อมคุ้มค่ากับสิ่งที่พวกเขาต้องจ่ายออกไป
แต่ที่น่าเสียดายคือ…
เมื่อเทียบกับพวกอวี๋เป่ยโต้วแล้ว พวกเขาไม่มีสิทธิ์ไปแย่ง!
นี่ต่างหากที่ทรมานที่สุด
เฟิงชิงโยวยืนอยู่เพียงลำพัง จิตใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ผลทดสอบการรับรองสิทธิ์ออกมาแล้ว ความจริงได้พิสูจน์ว่าหลินสวินเป็นผู้มีความสามารถเหนือสามัญในศาสตร์การสลักวิญญาณอย่างไม่อาจมีใครเทียบเคียงได้!
แม้แต่นางยังสู้ไม่ได้!
เฟิงชิงโยวในตอนนั้นผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรตอนอายุสิบเจ็ด กลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่อายุน้อยที่สุดในจักรวรรดิ ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า
แต่ตอนนี้หลินสวินผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรด้วยอายุสิบหกปี ทั้งยังสร้างผลงานอันสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด่าน!
แบบนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างปาฏิหาริย์เท่านั้น แต่ไม่ต่างอะไรกับการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่!
เมื่อเทียบกันแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงชิงโยวรู้สึกถึงคำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะบังเอิญมาที่ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ แม้แต่นางเองก็คงไม่อาจเชื่อเรื่องทั้งหมดนี้
‘เจ้าหมอนี่เป็นตัวประหลาดแบบใดนะ’
เฟิงชิงโยวอดหันมองหลินสวินในจอภาพอีกครั้งไม่ได้ แต่วินาทีต่อมานางพลันอึ้งงันไป
หลินสวินที่ผ่านการทดสอบแล้วยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นประตูมังกร เงาร่างราวกับหินแกร่ง สงบนิ่งไม่ขยับ!
นี่มัน…
เฟิงชิงโยวเพ่งสายตามองไป แล้วอดส่งเสียงขึ้นมาไม่ได้ “ผู้อาวุโสทุกท่าน เรื่องทั้งหมด…เหมือนจะยังไม่จบ!”
ได้ยินเช่นนี้อวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วที่กำลังแก่งแย่งกันอย่างลืมตัว รวมทั้งคนใหญ่คนโตในโถงต่างอึ้งงัน พอเห็นการกระทำแปลกๆ ของหลินสวินต่างอดแปลกใจไม่ได้ เด็กคนนี้กำลังทำอะไรอยู่
“หืม แปลกนะ การทดสอบจบลงแล้ว เหตุใดหลินสวินจึงยังไม่ขยับ”
ไม่นานเหล่านักสลักวิญญาณที่อยู่หน้าแท่นประตูมังกรก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ และส่งเสียงงุนงงออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกับเด็กนั่นหรือเปล่า” คนตระกูลฉู่คนหนึ่งคาดการอย่างเลวร้าย
“ฟ้าอิจฉาคนเก่ง หรือผลงานเมื่อครู่นี้ของเขาโดดเด่นเกินไปจนชักนำความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันขึ้น”
“คงจะเป็นเช่นนั้น มิเช่นนั้นเหตุใดเขาจึงไม่ลงจากแท่นประตูมังกร”
คนตระกูลฉู่คนอื่นๆ ต่างเสริมขึ้น
ในที่สุดฉู่ไห่ตงที่ทรุดนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ได้สติจากอาการอึ้งงันขึ้นมาบ้าง เห็นแบบนี้ในใจก็อดตื่นเต้นไม่ได้
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลินสวิน นั่นคงจะดีมาก!
ไม่ว่าอย่างไร ชั่วขณะนี้ทุกสายตาต่างหยุดอยู่ที่หลินสวินอีกครั้ง แววตาเคลือบแคลง ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังประสบกับอะไรอยู่
……
การทดสอบจบลงแล้วหรือ
ยัง!
อย่างน้อยสำหรับหลินสวินแล้ว มันยังไม่จบ
การหยั่งถึงรอยสลักพิสดารครั้งนี้ ทำให้เขาควบคุมกระบวนรอยสลักวิญญาณอันลึกลับซับซ้อนจากศิลาหินทั้งเก้าหลักได้
ในศิลาทุกๆ หลักล้วนเรียกได้ว่าเป็นกระบวนรอยสลักวิญญาณขนาดใหญ่ที่หาดูได้ยาก
แต่สุดท้ายหลินสวินยังคงรู้สึกว่ามันยังไม่สมบูรณ์ เขาสัมผัสได้รางๆ ว่า ถ้าผสานกระบวนรอยสลักวิญญาณทั้งเก้าศิลาเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน บางทีนี่อาจจะเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งซ่อนอยู่ใน ‘เก้าศิลาประตูมังกร’!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงนั่งนิ่งอยู่บนแท่นประตูมังกรไม่ยอมขยับตัว
ในสมองพลังความคิดอันแรงกล้ากำลังพลุ่งพล่านรุนแรง พัฒนากระบวนรอยสลักวิญญาณอันซับซ้อนในแต่ละศิลา
ราวกับภาพวาดโบราณอันลึกลับเก้าภาพปรากฏขึ้นในหัว กลายเป็นภาพรอยสลักวิญญาณที่เรียกได้ว่าซับซ้อนและยิ่งใหญ่
ไม่นานหลินสวินก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความลำบาก มันซับซ้อนเกินไป ความลับอันแสนวิเศษที่ซ่อนอยู่ภายใต้กระบวนรอยสลักวิญญาณทั้งเก้าเรียกได้ว่าอยู่ท่ามกลางทะเลหมอก ถ้าอยากผสานพวกมันให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ ยากเสียยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!
แต่หลินสวินไม่เคยลังเล เขาจมอยู่ในการตระหนักรู้หยั่งถึง ไม่สามารถทนหยุดกลางคันแบบนี้เด็ดขาด
‘กระบวนรอยสลักวิญญาณที่อยู่ตัวหยุดนิ่งแล้วไม่สามารถผสานรวมได้!’
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดหลินสวินก็ได้ข้อสรุป แต่จู่ๆ เขากลับตระหนักได้ว่า ‘หากสามารถทำให้กระบวนรอยสลักวิญญาณเหล่านี้โคจรเคลื่อนไหว จะมีโอกาสผสานรวมกันเองหรือไม่’
ก็เหมือนกับ ‘รอยสลักเวทเรืองแสง’ ที่แต่ละลายเส้นโคจรล้วนแสดงให้เห็นถึงความอัศจรรย์ของการเปลี่ยนแปลง หากใช้การเปลี่ยนแปลงทำนองเดียวกัน จะสามารถทำให้กระบวนรอยสลักวิญญาณทั้งเก้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้หรือไม่
คิดถึงตรงนี้ หลินสวินพลันลงมือพิสูจน์อย่างไม่ลังเล!
……
เวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ผ่านไปหนึ่งก้านธูป
หลินสวินนั่งนิ่งไม่ขยับราวกับเป็นรูปปั้น
นี่ทำให้ทุกคนล้วนเคลือบแคลงใจว่าเด็กคนนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็เป็นการยืนยันว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลินสวินแน่นอน ทำให้คนตระกูลฉู่ต่างรอคอย อยากให้หลินสวินพบเจอหายนะ และถ้าตายไปเลยจะดีที่สุด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์