Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 399

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 399 โผบินทะลุฟ้า
ตอนที่ 399 โผบินทะลุฟ้า
โดย
ProjectZyphon
สามวันต่อมา

เช้าตรู่ อวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสินทั่ว ทั้งสามคนมาถึงภูเขาชำระจิตแทบจะในเวลาเดียวกัน และถูกหลินสวินเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้นเข้าไปยังโถงใหญ่ชำระจิต

เมื่อพูดคุยกันได้ชั่วยามหนึ่ง คนใหญ่โตที่ได้รับการเคารพยกย่องและมีความสำคัญยิ่งทั้งสามก็ถูกหลินสวินออกมาส่งด้วยตัวเอง ยิ้มแย้มแล้วจากไป

และในวันนั้นเอง ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ และสำนักศึกษามฤคมรกตต่างประกาศข่าวใหญ่ข่าวแล้วข่าวเล่าออกสู่ภายนอก…

ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณเชิญเป็นกรณีพิเศษให้หลินสวินเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณ ได้รับค่าตอบแทนระดับปรมาจารย์สลักวิญญาณ!

สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิเชิญเป็นกรณีพิเศษให้หลินสวินเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณ ได้รับค่าตอบแทนสูงสุดของสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือ!

สาขาสลักวิญญาณแห่งสำนักศึกษามฤคมรกตเชิญเป็นกรณีพิเศษให้หลินสวินเป็นอาจารย์ระดับสูง ได้รับค่าตอบแทนชั้นหนึ่งของสำนักศึกษามฤคมรกต!

ทันทีที่ข่าวทั้งสามนี้ประกาศออกมา ประหนึ่งหินก้อนเดียวก่อให้เกิดพันคลื่นกระเพื่อม ในชั่วเวลาอันสั้นก็ครึกโครมไปทั้งนครต้องห้าม ก่อให้เกิดความคลื่นลูกใหญ่

ใครจะคิดว่าหลินสวินจะถูกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามเชิญเป็นกรณีพิเศษในเวลาเดียวกัน ทั้งยังได้รับค่าตอบแทนสูงสุดจากสามกลุ่มอำนาจใหญ่!

นี่ช่างน่ากลัวไปแล้ว!

ที่ต้องรู้ก็คือ ผู้มีอำนาจใหญ่ทั้งสามที่มีฐานะเป็นผู้ประสบความสำเร็จโดดเด่นในศาสตร์สลักรอยวิญญาณ มีอิทธิพลใหญ่ยิ่งในศาสตร์นี้ และต่างมีความสัมพันธ์เป็นคู่แข่งกัน

แต่ตอนนี้ หลินสวินเพียงคนเดียวกลับได้รับตำแหน่งปรมาจารย์สลักวิญญาณของสามกลุ่มอำนาจใหญ่ เกียรติยศขั้นนี้เรียกได้ว่าไม่เคยมีผู้ใดได้รับมาก่อนและจะไม่มีผู้ใดได้รับอีกในภายภาคหน้า!

อย่างน้อยในตอนนี้ ทั้งจักรวรรดิจื่อเย่าก็มีเพียงหลินสวินคนเดียวที่ได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษชั้นนี้!

“หลินสวินผู้นี้ใช้อะไรแลกเปลี่ยนกันแน่นะ ถึงได้ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามตอบตกลงให้เขาเข้าทั้งสามที่ นี่มันเกินธรรมดาไปแล้ว”

ผู้คนมากมายรู้สึกคาดไม่ถึง

แม้หลินสวินจะร้ายกาจ แต่อย่างไรก็ยังเพิ่งอายุสิบกว่าปีเท่านั้น ทว่าเขาคนเดียวกลับได้รับการเชิญเป็นพิเศษโดยพร้อมเพรียงจากสามกลุ่มอำนาจใหญ่ที่ต่างเป็นคู่แข่งกัน นี่ช่างผิดธรรมชาติยิ่งนัก

“ต้องทำข้อตกลงอะไรกับหลินสวินเป็นแน่ มิเช่นนั้นด้วยฐานะและภูมิหลังของกลุ่มมหาอำนาจทั้งสาม จะตอบตกลงเช่นนี้ได้อย่างไร”

มีคนอนุมานว่าหลินสวินต้องเอาอะไรมาแลกเปลี่ยน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษแบบนี้แน่

“ไม่ว่าอย่างไรหลินสวินก็โผบินทะลุฟ้าไปแล้ว ภายหลังใครคิดจะมีเรื่องกับเขา ก็ต้องดูว่าภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ และสำนักศึกษามฤคมรกตจะยินยอมหรือไม่!”

และแน่นอนว่าต้องมีผู้คนมากมายอิจฉาริษยา หลินสวินก้าวหน้ารวดเร็วเกินไป ราวกับดาวหางที่พาดผ่านท้องฟ้าเหนือนครต้องห้าม เปล่งประกายสุกใส

“ฮ่าๆ ถ้าสามตระกูลหลินสายรองได้ยินข่าวนี้เข้าก็ไม่รู้ว่าจะคิดเช่นไร”

บนโลกนี้ไม่เคยขาดผู้นิยมชมชอบดูเรื่องสนุก ดังนั้นเมื่อได้รับข่าว ก็ล้วนอดดีใจกับความทุกข์ของคนอื่นมิได้ และเกิดความเห็นอกเห็นใจต่อสามตระกูลหลินสายรองเหล่านั้น

แน่นอนว่ามีคนริษยาเกลียดชังเช่นกัน ดังเช่นปรมาจารย์สลักวิญญาณมากประสบการณ์ผู้หนึ่ง เอ่ยคำพูดโหดร้ายออกมาว่า “หลินสวินอายุน้อยเช่นนี้ ต่อให้พรสวรรค์โดดเด่นแค่ไหนก็เป็นเพียงพรสวรรค์ เมื่อต้องสลักรอยวิญญาณอย่างแท้จริง ย่อมกลายเป็นตัวตลกใหญ่โตแน่!”

เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมา พลันก่อให้เกิดเสียงเออออของนักสลักวิญญาณที่เดิมทีอิจฉาหลินสวินอยู่แล้ว โจมตีและสงสัยหลินสวินอย่างอื้ออึง

“ศาสตร์สลักรอยวิญญาณ หยั่งรู้แล้วหยั่งรู้อีก ศึกษาให้ถึงแก่น ทั้งต้องดูผลงานของตัวเอง ถ้าเพียงแต่หยั่งรู้ปริศนาลี้ลับของรอยสลักวิญญาณได้ แต่ไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง นี่จะต่างจากการสั่งการทหารแต่ในกระดาษตรงไหน”

“สิ่งที่พิสูจน์ความสามารถที่แท้จริงของปรมาจารย์สลักวิญญาณได้ดีที่สุดคืออะไร ผลงานไงเล่า! รอหลินสวินหลอมผลงานที่สร้างความอึกทึกครึกโครมไปทั่วหล้าได้ชิ้นหนึ่งเมื่อใด ถึงจะทำให้ผู้คนเชื่อถือได้ มิเช่นนั้นเขาก็เป็นได้แค่จำอวดที่มีชื่อเสียงไม่สมตัว เหมือนลิงสวมหมวกไม่ใช่คนจริงๆ!”

“น่าขัน! เพื่อปรมาจารย์สลักวิญญาณวัยเยาว์ผู้หนึ่ง กลับให้เขาได้รับเกียรติยศที่ไม่ควรได้รับแต่แรก นี่ช่างเป็นเรื่องน่าขันที่สุดในใต้หล้า จะให้ผู้คนในใต้หล้าเชื่อไปได้อย่างไร”

คำโจมตีและแคลงใจเหล่านี้ก่อให้เกิดเสียงเซ็งแซ่มากมาย ทว่าก็มีผู้สนับสนุนหลินสวินหลายคนที่โต้กลับความคิดเห็นเหล่านี้

ในชั่วเวลาหนึ่ง เสียงเอะอะโวยวายฟังดูคึกครื้นนัก

นี่คือเรื่องปกติ เรื่องราวบนโลกก็เป็นเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางมีเพียงเสียงชื่นชมด้านเดียวเสมอไป

ก็เหมือนกับนักเล่านิทานหนุ่มน้อยสักคนผู้มีนามว่าเซียวจิ่นอวี๋ที่อยู่ในโรงน้ำชาในนครต้องห้าม มีคนโจมตีเรื่องที่เขาเล่าว่าไม่เข้าที ไม่มีความสามารถมากพอ แต่ก็มีคนชื่นชอบและชื่นชมเขาว่าเรื่องราวมีสีสัน จะสนับสนุนอย่างเต็มที่แน่นอน

นี่ก็คือปากคนยากควบคุม

แต่เซียวจิ่นอวี๋ผู้นั้น อย่างไรก็ยังเป็นคนหนุ่ม เพียงชอบถูกยกยอ ไม่ชอบถูกโจมตี ดังนั้นทุกครั้งที่ถูกโจมตี เขาก็จะหม่นหมองหดหู่…

เสียงอึกทึกและความครึกโครมของโลกภายนอกย่อมไม่อาจมีอิทธิพลต่อหลินสวินได้

เมื่อส่งพวกอวี๋เป่ยโต้วจากไปแล้ว เขาก็ผ่อนคลายไปทั้งตัว จิตใจเกิดความยินดีปรีดา

การเจรจากับพวกอวี๋เป่ยโต้วครั้งนี้ราบรื่นนัก เขาเพียงตอบรับสัญญาบางส่วนไปเท่านั้น ก็ได้รับการตอบแทนที่คิดไม่ถึงกลับมา

อย่างแรก อวี๋เป่ยโต้วตอบรับแล้วว่า จะให้ฉู่เฟิงผู้ดูแลใหญ่แห่งภาคีนักสลักวิญญาณเมืองหมอกอำพรางย้ายมารับตำแหน่งในภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ

นี่เท่ากับหลินสวินได้ตอบแทนความเมตตาของฉู่เฟิง

จากนั้น เฉิงจิ่งก็สัญญาจะดูแลเหล่าโม่ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิขณะนี้ เมื่อถึงเวลาสมควรจะให้หลินสวินรับเหล่าโม่ไป

คำสัญญานี้ ทำให้หลินสวินไม่ต้องกังวลกับสถานการณ์ของเหล่าโม่อีก

ส่วนเสิ่นทั่วก็รับปากว่า ยามหลินสวินควบตำแหน่งเป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษามฤคมรกต จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ไปเรียนและฝึกวิชาปราณในสำนักศึกษามฤคมรกตได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ย่อมเท่ากับว่าหลินสวินผ่านการทดสอบระดับจักรวรรดิ ได้เป็นศิษย์ที่ถูกตอบรับเข้าเรียนเป็นพิเศษ สามารถฝึกปราณในสำนักศึกษามฤคมรกตได้เช่นเดียวกับศิษย์คนอื่น แต่สถานะของเขากลับสูงกว่าศิษย์หนึ่งขั้น หรือก็คือเป็นอาจารย์ผู้หนึ่งของสาขาสลักวิญญาณ!

ผลตอบแทนอย่างแล้วอย่างเล่าเช่นนี้ จะไม่ให้หลินสวินไม่พอใจได้อย่างไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์