ในบริเวณที่ห่างออกไป อาจารย์ท่านหนึ่งแปลกใจ
“เหมือนจะใช่”
อาจารย์ท่านอื่นๆ ก็ประหลาดใจ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงจะน่าทึ่งมาก
จากรอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรเพียงลายเดียว ก็สามารถตัดสินความสามารถ วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนในการสลักวิญญาณของศิษย์คนหนึ่งได้ เหลือเชื่อจริงๆ
“หึ เหลวไหล ศิษย์คนนั้นเป็นแค่นักสลักวิญญาณระดับต้น ทั้งยังเกรงกลัวหลินสวิน จะแยกแยะจริงแท้ดีเลวได้อย่างไร”
ฟางจงเจียนแค่นเสียงอย่างเยียบเย็น
“ถ้าอย่างนั้นก็รอดูต่อไป คนเดียวยังตัดสินอะไรไม่ได้ รอให้ครบทุกคนก่อนคงเพียงพอที่จะแยกแยะจริงเท็จได้แล้ว”
เสิ่นทั่วพูดเสียงขรึม
อาจารย์ท่านอื่นๆ ลอบพยักหน้า
ขณะนี้พวกเขาเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา วิธีการทดสอบของหลินสวินพิเศษมาก เป็นความรู้ใหม่สำหรับพวกเขาทีเดียว
ถ้าวิธีนี้ใช้ได้จริง นั่นหมายความว่า วิธีทดสอบนักสลักวิญญาณระดับต้นได้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวิธี ซึ่งถือเป็นการค้นพบใหม่
……
“เจ้าชื่ออะไร”
“หยางจิ้งเหยา”
“ถือรอยสลักวิญญาณของเจ้าเอาไว้แล้วฟังให้ดี รอยสลักวิญญาณรอยที่เจ็ดสิบสามน้ำหนักไม่คงที่ รอยที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ ช่องไฟระยะห่างขาดความสมดุล…”
ในชั้นเรียน เสียงของหลินสวินดังขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นขั้นเป็นตอน
สีหน้าของเด็กสาวที่ชื่อหยางจิ้งเหยาซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาเปลี่ยนไปแล้ว เห็นได้ชัดว่านางก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า รอยสลักวิญญาณที่ตนวาดขึ้นจะมีความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ซ่อนอยู่มากขนาดนี้
เมื่อพูดถึงตอนท้าย เด็กสาวอายุสิบกว่าปีคนนั้นน้ำตานอง ดวงหน้าเล็กขาวผ่องเห่อแดงขึ้นมาด้วยความอับอาย
นางเม้มริมฝีปากเล็กรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ชวนให้คนรู้สึกสงสาร
ศิษย์ชายหลายคนทนดูไม่ได้ รู้สึกว่าคำพูดของหลินสวินไร้ความปรานี ต่อหน้าเด็กสาวคนหนึ่งจะเปิดเผยข้อผิดพลาดมากขนาดนี้ได้อย่างไร ไม่รู้จักทะนุถนอมสตรีเอาซะเลย
หลินสวินเองก็อึ้งงันไป ในใจกำลังคิดว่าตัวเองทำเกินไปหรือเปล่า กลับเห็นหยางจิ้งเหยาสูดหายใจแล้วมองหลินสวินอย่างจริงจัง “อาจารย์หลิน โปรดชี้แนะข้าต่อด้วย”
เสียงกังวานหนักแน่น
เห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กสาวที่เข้มแข็งมาก
หลินสวินจึงวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งทั้งหมดในการสลักวิญญาณของนางอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป
ได้ยินเช่นนี้ หยางจิ้งเหยาอึ้งงันไปครู่ ดวงหน้าเล็กเปี่ยมไปด้วยความขอบคุณและเคารพนับถือ พลันโค้งคำนับ “ขอบคุณอาจารย์หลินเป็นอย่างสูง โปรดอภัยที่เมื่อครู่นี้ไม่รู้จักหนักเบา ทำให้อาจารย์เคืองใจ”
เป็นเด็กดีมีมารยาทจริงๆ!
หลินสวินแอบชื่นชม เขากลับลืมไปว่า ถ้านับตามอายุ เขาก็รุ่นราวคราวเดียวกับหยางจิ้งเหยา…
แต่ในด้านของจิตใจ เขาเหมือนเริ่มอยู่ในฐานะของอาจารย์ที่มองศิษย์เป็นเด็ก โดยไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น หลินสวินไม่เพียงแค่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก แต่ตอนนี้ยังเป็นถึงเจ้าแห่งภูเขาชำระจิต ควบคุมลูกน้องมากมาย ทั้งฐานะและจิตใจถูกเคี่ยวกรำให้ฉลาดหลักแหลมหนักแน่น แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่คนวัยเดียวกันทั่วไปจะเทียบได้
หลังจากหยางจิ้งเหยาลงไป ศิษย์ทุกคนต่างตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่า อาจารย์หลินสวินที่อยู่ตรงหน้าเป็นบุคคลที่มีความสามารถอย่างแท้จริง!
คนประเภทนี้ไม่สามารถวัดกันด้วยอายุได้ วิธีที่เขาแสดงออกมาตามใจดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่กลับได้ผลอย่างเหลือเชื่อ ทำให้เหล่าศิษย์ได้เปิดโลกทัศน์
ความรู้สึกของพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นศิษย์แต่ละคนผลัดกันขึ้นไปหน้าชั้นเรียน ปฏิกิริยาหลังจากถูกหลินสวินชี้แนะก็ไม่ต่างจากฟ่านจือชิวและหยางจิ้งเหยามากนัก
แรกๆ คือละอายใจ หลังจากได้รับคำชี้แนะจากหลินสวินก็ดูตื่นเต้นดีใจ แต่ไม่มีใครไม่พอใจเลยแม้แต่คนเดียว
ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของเหล่าอาจารย์ที่รอดูอยู่ ตอนนี้พวกเขาไม่สงสัยในวิธีการสอนของหลินสวินอีกต่อไป ภาพแต่ละภาพที่เห็นก็เพียงพอยืนยันความสามารถในการสอนของหลินสวินแล้ว
ทำให้พวกเขาอดถอนหายใจไม่ได้ สมแล้วที่เป็นเด็กหนุ่มปรมาจารย์สลักวิญญาณที่ทำให้เกิด ‘เสียงร้องเก้ามังกร’ แสดงฝีมือเพียงเล็กน้อย ก็สร้างความตกตะลึงกับความสามารถอันโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ และยากที่จะไม่นับถือ
แต่พวกเขาแปลกใจว่า จาก ‘รอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปร’ เพียงลายเดียว เหตุใดหลินสวินจึงทำได้ขนาดนี้
หรือในรอยสลักวิญญาณนี้ยังมีความเร้นลับที่พวกเขาไม่เคยค้นพบมาก่อน?
อาจารย์เหล่านั้นล้วนเป็นนักสลักวิญญาณที่มีประสบการณ์ของสาขาสลักวิญญาณ ทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณเหมือนกับเสิ่นทั่ว หลงใหลในศาสตร์การสลักวิญญาณ พอได้เห็นวิธีแปลกใหม่จากหลินสวิน พวกเขาย่อมอยากรู้อยากลอง ต้องการศึกษาให้กระจ่างแจ้งเพื่อคลี่คลายความเร้นลับนี้
มีเพียงฟางจงเจียนที่ใบหน้าปั้นยากหม่นแสงเหมือนคนเสียบุพการี ท่าทางดูไม่จำยอมอย่างที่สุด
“เท่าที่ข้ารู้ ในห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า ศิษย์หลายคนไม่มีความสามารถมากพอที่จะวาดรอยสลักวิญญาณห้าธาตุผันแปรได้ด้วยซ้ำ ในสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินจะใช้อะไรมาทดสอบความสามารถในการสลักวิญญาณของศิษย์”
ฟางจงเจียนพูดขึ้นเป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้าย
“ถ้าอย่างนั้นก็รอดูต่อไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์