เสียงอันราบเรียบแจ่มชัดของหลินสวินดังก้องอยู่ในห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า
ในห้องเรียนบรรดาศิษย์นั่งตัวตรง ท่าทางตั้งใจ เผยสีหน้าขบคิด แปลกใจ ปิติยินดีและสงสัยออกมาเป็นระยะ
นอกห้องเรียน ทั้งหน้าต่าง หน้าประตูล้วนถูกศิษย์จากห้องอื่นยึดครอง ทุกคนต่างเงียบฟัง ไม่มีใครพูดคุยกัน
บรรยากาศเงียบสงบและเคร่งขรึม
ทีแรกศิษย์เหล่านี้ชื่นชมชื่อเสียงของหลินสวิน ส่วนใหญ่มาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็น แต่ตอนนี้เมื่อหลินสวินเริ่มสอน พวกเขาก็ค่อยๆ ถูกดึงดูดความสนใจ ราวกับกำลังฟังหลักความจริง ไร้ซึ่งความคิดฟุ้งซ่านอีก
เหล่าอาจารย์ที่เดินผ่านทางมาเป็นครั้งคราวเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็อดตะลึงและเดินเข้ามาได้ พลอยตั้งใจฟังอย่างละเอียดไปด้วย
ฉับพลันก็เผยสีหน้าครุ่นคิดโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่หลินสวินสอนไม่อาจเรียกได้ว่าซับซ้อน ล้วนเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนของนักสลักวิญญาณชั้นต้น แต่วิธีที่เขาสอนกลับพิเศษมาก
ไม่มีเนื้อหาทฤษฎียาวๆ ที่น่าเบื่อหน่าย ไม่ได้บอกว่าต้องสลักอย่างไร หรือในนั้นมีความเร้นลับที่ควรค่าแก่การศึกษาซ่อนอยู่มากน้อยแค่ไหน
แต่นำตัวอย่างต่างๆ มาพิสูจน์ ใช้มุมมองที่แตกต่างของการหลอมบ้าง การจัดวางบ้าง มาอธิบายผลกระทบที่จะเกิดกับรอยสลักวิญญาณอย่างชัดเจน
สิ่งที่น่าแปลกที่สุดคือ ตัวอย่างรอยสลักวิญญาณทั้งหมดแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ไม่เหมือนกับระบบความรู้อันเป็นที่ยอมรับจากอาจารย์ท่านอื่นๆ!
ทำให้อาจารย์เหล่านั้นฟังด้วยความเพลิดเพลิน รู้สึกอัศจรรย์ใจและเปิดหูเปิดตา
ยากจะจินตนาการว่า เหตุใดหลินสวินถึงได้มีความรู้ลึกซึ้งและไม่เหมือนใครตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้ ถือเป็นการเปิดระบบความรู้ใหม่เกี่ยวกับการสลักวิญญาณเลยเชียว
โดยเฉพาะตัวอย่างบางส่วนที่หลินสวินยกมา แม้แต่อาจารย์เหล่านั้นยังไม่เคยได้ยินมาก่อน ดูแปลกใหม่มากจริงๆ
เช่นว่าหมึกวิญญาณของ ‘รอยสลักวิญญาณสุริยันมรกต’ ที่เดิมทีต้องใช้วัตถุดิบวิญญาณร้อยกว่าชนิดในการสกัด
แต่หลินสวินกลับเสนอว่า เพียงใช้น้ำจาก ‘หญ้าปลาเมามาย’ เป็นตัวนำ และใช้วัตถุดิบวิญญาณอีกเพียงสิบกว่าชนิดก็สามารถสกัดหมึกวิญญาณชนิดนี้ขึ้นมาได้แล้ว อีกทั้งคุณภาพยังดีกว่าหนึ่งระดับด้วย
หญ้าปลาเมามายไม่ใช่วัตถุดิบวิญญาณที่หายาก แต่อาจารย์ทุกท่านล้วนไม่เคยคิดว่า วัตถุดิบวิญญาณชนิดนี้จะสามารถนำมาใช้แบบนี้ได้ด้วย!
เหมือนเป็นการเปิดประตูสู่ทางสว่างบานใหม่ให้กับพวกเขา ทำให้พวกเขาอยากรีบไปลองแทบไม่ไหวแล้ว
หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น
หนึ่งชั้นเรียนก็จบลง
แต่ทั้งในและนอกห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรืออาจารย์ต่างรู้สึกอยากเรียนต่อ ในใจพวกเขาก็ยิ่งเคารพหลินสวินมากขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้ชื่ออันทรงเกียรติย่อมมากไปด้วยความสามารถ คำคนโบราณกล่าวไว้ไม่มีผิด!
……
ตั้งแต่วันนั้น ทุกครั้งที่หลินสวินไปสอนที่ห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้า นอกหน้าต่างและประตูจะมีคนมากมายไปรอกันอยู่แล้ว
ไม่เพียงแค่ศิษย์ แต่อาจารย์จำนวนมากก็ถูกดึงดูดมาด้วย
อีกทั้งคนที่เข้ามาฟังการสอนก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นี่ทำให้ศิษย์ในห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้ายิ่งภาคภูมิใจเข้าไปใหญ่ ต่างรู้สึกเป็นเกียรติ เพราะอาจารย์เสี่ยวหลินเป็นของพวกเขา!
สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ แรกๆ หลินสวินก็ยังแปลกใจอยู่บ้าง แต่หลังๆ ก็ปล่อยไปตามน้ำ
นอกจากไปสอนทุกวัน เวลาที่เหลือหลินสวินใช้เวลาไปกับการฝึกตน บ้างนั่งสมาธิฝึกปราณ บ้างเคี่ยวกรำวิชายุทธ์
ชีวิตที่สงบสุขและมั่นคงเช่นนี้ ทำให้พลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นกลางของเขาถูกกลั่นหลอมให้ยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทว่าเมื่อเทียบกับความเร็วด้านการทะลวงปราณในอดีต คราวนี้หลินสวินดูเหมือนจะติดอยู่ในคอขวดของการฝึกปราณ แม้ว่าเขาจะกลืนโอสถวิญญาณชนิดต่างๆ พลังปราณก็ยังคงติดอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นกลาง ไม่สามารถบรรลุสู่ขั้นปลายได้
นี่ก็คืออุปสรรคในการฝึกปราณ
อาศัยเพียงการปิดด่านกักตนยากจะบรรลุปราณได้ ต้องพึ่งวาสนาและการฝึกฝนที่แน่นอนด้วย บางทีอาจถูกกระตุ้นในจังหวะที่เหมาะสม จนสามารถทลายกำแพงนี้ บรรลุขั้นไปได้
แม้พลังปราณไม่อาจไม่บรรลุ แต่ในด้านการฝึกยุทธ์กลับมีพัฒนาการเป็นที่น่าพอใจ
สำหรับการฝึกฝน ‘เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์’ หลินสวินสามารถผสานกระบวนท่าสองท่าที่แตกต่างกันเป็นหนึ่งเดียวได้แล้ว!
อย่างเช่น ‘กระบวนท่าทลายภูผา’ กับ ‘กระบวนท่าทลายสมุทร’ สามารถผสานกันกลายเป็น ‘กระบวนท่าทลายภูผามหาสมุทร’
หรือ ‘กระบวนท่าทลายอากาศ’ กับ ‘กระบวนท่าทลายวิญญาณ’ ผสานกันกลายเป็น ‘กระบวนท่าทลายอากาศวิญญาณ’ เป็นต้น
การผสานกันเช่นนี้ ทำให้พลังของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ผนวกกับพลังปราณอันยิ่งใหญ่และทรงพลังของหลินสวิน อานุภาพจึงยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น!
นอกจากนี้หลินสวินก็ควบคุม ‘ก้าวย่างชือน้ำแข็ง’ ได้ในเบื้องต้นแล้ว ยามแสดงฝีมือ ร่างกายราวกับชือน้ำแข็งท่องนภา ร้องคำรามอยู่ในหมู่เมฆ ห้อเหยียดไปทั่วทุกสารทิศ ไม่เพียงแค่เร็วจนน่าทึ่ง ความสามารถในการเปลี่ยนท่วงท่าไร้ขีดจำกัดก็เรียกได้ว่าแปรเปลี่ยนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ล่องลอยดั่งสายรุ้ง!
……
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
รู้ตัวอีกทีหลินสวินก็ทำงานที่สาขาสลักวิญญาณได้หนึ่งเดือนแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์