“นี่มัน…โหดร้ายเกินไปหรือเปล่า?”
“โหดร้ายอะไรกัน อาจารย์เสี่ยวหลินโดนกลั่นแกล้งชัดๆ!”
“วิธีของรองหัวหน้าสาขาฉู่ช่างเหี้ยมจริงๆ เห็นได้ชัดว่าต้องการจะแก้แค้นให้ฉู่ไห่ตง”
“ชู่ว เบาๆ หน่อย!”
ในสาขาสลักวิญญาณ ไม่ว่าในห้องเรียน หอพักอาจารย์หรือมุมอื่นๆ ล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อยู่ทุกแห่งหน
ทุกคนต่างโกรธแทนหลินสวิน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ฉู่ซานเหอทำทุกอย่างอย่างเปิดเผย วางแผนร้ายโจ่งแจ้งขนาดนี้ แม้รู้ว่าเขาจงใจกลั่นแกล้งหลินสวิน แต่ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าฉู่ซานเหอทำผิด
จวบจนกระทั่งภายหลัง ข่าวถูกแพร่กระจายออกจากสาขาสลักวิญญาณ ไม่นานแม้แต่สาขามังกรเร้น สาขายุทธ์วิถี สาขายอดยุทธศาสตร์ สาขารกลยุทธ์เทพพวกนี้ ก็เริ่มแพร่กระจายข่าวการซ่อมกระบี่เบิกฟ้าในครั้งนี้
ที่ได้รับความสนใจมากเช่นนี้ เหตุผลแรกเพราะหลินสวินเป็นผู้มีชื่อเสียงในนครต้องห้ามอยู่แล้ว และตอนนี้ก็เป็นที่รู้จักของศิษย์และอาจารย์มากมายในสำนักศึกษามฤคมรกต
เหตุผลที่สอง เพราะ ‘กระบี่เบิกฟ้า’ นี้มีที่มาน่าตกตะลึง ทั้งยังเป็นสมบัติล้ำค่าของจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน ถือว่ามีแรงดึงดูดมากอยู่แล้ว
ส่วนเหตุผลที่สาม เกี่ยวข้องกับบุญคุณความแค้นระหว่างหลินสวินและตระกูลฉู่ ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าฉู่ไห่ตงเคยถูกหลินสวินสยบ กลายเป็นเรื่องตลกฉากใหญ่จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลฉู่
ในสถานการณ์แบบนี้ จู่ๆ ฉู่ซานเหอรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณก็เอาแผนซ่อม ‘กระบี่เบิกฟ้า’ มาสร้างความลำบากใจและเล่นงานหลินสวิน ไม่อยากให้เป็นที่สนใจยังยาก
“กระบี่เบิกฟ้าเชียวนะ นั่นเป็นชุดศึกสลักวิญญาณที่เต็มไปด้วยตำนาน หลินสวินเขา…ถูกกลั่นแกล้งจนน่าอนาถเลย”
“พูดจริงๆ นะ คราวนี้หลินสวินคงเอาตัวไม่รอด เพราะเท่าที่ข้ารู้มา แม้แต่ปรมาจารย์สลักวิญญาณระดับอาวุโสในภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิและสาขาสลักวิญญาณของเรา ยังจนปัญญากับการซ่อมกระบี่เบิกฟ้านี้ ต่อให้หลินสวินจะเก่งแค่ไหน ก็เพิ่งได้เป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณ เขาจะมีความสามารถขนาดนั้นได้อย่างไร”
“ใช่ ถ้าหลินสวินซ่อมไม่สำเร็จ ก็จะเป็นการทำลายกระบี่เบิกฟ้า ถึงตอนนั้นเขาไม่เพียงเสื่อมเสียชื่อเสียง กลัวว่าจะเจอโทษหนักจากราชวงศ์ด้วย!”
“แปลกจริง ทุกคนต่างดูออกว่าเป็นหลุมพราง เหตุใดหลินสวินยังจะกระโดดลงไป หรือเขาไม่กลัวตายจริงๆ”
“รอดูต่อไป อีกเจ็ดวันก็รู้ผลแล้ว”
……
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองนี้กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในสำนักศึกษามฤคมรกตในวันนี้ไปแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนไม่เห็นด้วยกับหลินสวิน
พูดถึงแผนการของฉู่ซานเหอ ทุกคนต่างถอนหายใจ ขิงแก่ย่อมเผ็ด ยามไม่ลงมือก็ช่างเถอะ แต่พอลงมือขึ้นมาก็ไม่เหลือโอกาสให้หลินสวินกลับตัวเลย วิธีนี้น่ากลัวมากจริงๆ
……
พรวด!
ตอนที่สืออวี่รู้เรื่องนี้ เหล้าที่เพิ่งเข้าปากไปพลันถูกพ่นออกมา สำลักจนเขาหน้าแดง ทุลักทุเลอย่างมาก
“เจ้าหมอนี่คิดอะไรอยู่กันแน่” ครู่หนึ่ง สืออวี่จึงพึมพำ
……
“หนอยแน่ เหตุใดข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าหลินสวินนั่นยโสโอหังเยี่ยงนี้ แต่นิสัยของเขาก็ทำให้ข้าชอบมากขึ้นทุกวัน”
หนิงเหมิงทอดถอนใจ
……
“กระบี่เบิกฟ้า… เขาเพิ่งเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณก็กล้าไปซ่อมชุดศึกสลักวิญญาณแล้วหรือ นี่มัน…” ตระกูลฉือ ฉือฉางเหมยอดปวดหัวไม่ได้ หลินสวินมักจะทำเรื่องเหนือความคาดหมายตลอด เขาไม่เคยกลัวอะไรเลยหรือไง
……
“พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร”
บนภูเขาชำระจิต หลินเสวี่ยเฟิงดูกังวล
“รอฟังข่าวก็พอ”
เสี่ยวเคอสีหน้าเรียบเฉย ไม่ใส่ใจ
“อืม ทำงานต่อไปเถอะ”
ปฏิกิริยาของพญาแร้งยิ่งนิ่งกว่า ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเลย และสั่งให้หลินเสวี่ยเฟิงสะสางงานของภูเขาชำระจิตต่อ
หลินเสวี่ยเฟิงอดยิ้มขื่นไม่ได้ พวกเขาไม่เป็นห่วงความเป็นความตายของหลินสวินเลยหรือ
หลินจงยิ้มปลอบใจหลินเสวี่ยเฟิง “ไม่ต้องห่วง ทุกคนรู้ว่านายน้อยไม่ทำอะไรโง่ๆ แน่”
……
ในนครต้องห้าม ภายในจอภาพวิญญาณกำลังรายงานข่าวที่หลินสวินจะซ่อมกระบี่เบิกฟ้า
และรอบๆ จอภาพวิญญาณ ผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วนต่างอึ้งงัน ท่าทางเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
หลินสวินเพิ่งเข้าไปอยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกตแค่เดือนเดียวเท่านั้นก็เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว สร้างเรื่องเก่งเกินไปแล้ว
แต่ครั้งนี้ เกรงว่าเขาคงจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี!
……
ตระกูลหลินแห่งธารประจิม
ได้ยินข่าวนี้ หลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้ก็อดตะลึงไม่ได้ เดิมทีพวกเขาคิดว่า หลังจากหลินสวินเข้าไปอยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกต ต้องถูกตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่วและฉินเล่นงานแน่
ใครจะคิดว่าตระกูลจั่วและฉินยังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ ตระกูลฉู่กลับกระโดดออกมาก่อน!
“ฮ่า แบบนี้เรียกว่าหนีกรรมที่ตัวเองก่อไม่พ้น! ดูสิ ตั้งแต่ไอ้ระยำนั่นเข้ามาอยู่ในนครต้องห้ามก็ล่วงเกินคนไปมากน้อยเท่าไรแล้ว ทั้งตระกูลฉือ ตระกูลซ่ง ตระกูลฮวา ตระกูลฉู่… ตระกูลไหนบ้างที่ไม่ใช่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นยอดที่อำนาจล้นฟ้า?”
หลินเทียนหลงพลันยิ้มเยาะ
“แบบนี้เรียกว่า เมื่อถึงเวลากรรมนั้นย่อมสนอง คราวนี้หลินสวินอวดดีได้อีกไม่นานแน่ กระบี่เบิกฟ้านั่นใช่สิ่งที่เขาจะซ่อมได้หรือ”
หลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้เองก็เสริมขึ้น สีหน้าเผยความสะใจ
ช่วงที่ผ่านมาทั้งสามตระกูลรองถูกกดดันอย่างหนัก จนสุดท้ายจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลจั่วและฉิน จะเห็นได้ว่าพวกเขาถูกหลินสวินกดดันจนจนตรอกแค่ไหน
ตอนนี้ในที่สุดก็มีข่าวดี ทำให้พวกหลินเทียนหลงอดกระชุ่มกระชวยไม่ได้ รู้สึกเหมือนโล่งอกยกใหญ่
……
สรุปแล้วนับตั้งแต่หลินสวินเข้าสู่นครต้องห้าม เขาซัดลูกหลานตระกูลซ่งและฮวาจนร่วง หลังจากนั้นก็ชนะการประลองกับฮวาอู๋โยว ได้รับการรับรองเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณและทำให้เกิด ‘เสียงร้องเก้ามังกร’…
ข่าวเกี่ยวกับเขาจะมีความเคลื่อนไหวอย่างยิ่งใหญ่ออกมาอยู่เรื่อยๆ ทั้งยังเหนือความคาดหมายของทุกคนทุกครั้งไป ความฮือฮาระดับนี้ทำให้เขากลายเป็นคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในนครต้องห้าม
ตอนนี้พอรู้ข่าวว่าหลินสวินจะซ่อมกระบี่เบิกฟ้า ทำเอาผู้คนมากมายอดตะลึงไม่ได้ บนโลกนี้มีเรื่องอะไรที่หลินสวินไม่กล้าทำหรือไม่?
……
ในขณะที่โลกภายนอกกำลังวิพากษ์วิจารณ์กัน แต่ภายในชั้นห้าบนหอหลอมวิญญาณราวกับได้ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด
“ส่งหมึกวิญญาณเจ็ดทองคำหลากสีให้ข้า”
“อาจารย์เสี่ยวหลินหมึกวิญญาณนี้มีความสำคัญอย่างไรกับการซ่อมครั้งนี้?”
“ใช้ร่วมกับกระบวนรอยสลักวิญญาณเจ็ดทองคำ กระตุ้นพร้อมกับกระบวนรอยสลักวิญญาณอีกเจ็ดสิบสองกระบวน มีเพียงวิธีนี้จึงจะรับรองได้ว่าตอนที่ซ่อมรอยแตกที่สามจะประสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ระวังอีกด้านด้วย อย่าให้โดนดอกตูมของดอกเนตรมาร”
“อาจารย์เสี่ยวหลิน ดอกเนตรมารนี้ต้องหลอมกลั่นหรือไม่”
“ไม่ต้อง แม้ประโยชน์ของดอกเนตรมารจะธรรมดา แต่ประเด็นสำคัญคือดอกตูมของมันเต็มไปด้วยพลังหยินอันมืดดำ สามารถดูดซับเข้าไปในตัวกระบี่และทำให้แข็งตัวได้ในระยะสั้นๆ เช่นนี้ก็สามารถแก้ปัญหารอยแตกที่เจ็ดไม่ให้ลามต่อไปอีก”
“เช่นนี้นี่เอง จริงสิ อาจารย์เสี่ยวหลิน ตอนนี้ท่านใช้วิธีลงด้ามสลักแบบใดอยู่หรือ เหมือนกำลังสลักลายลับบางอย่างใช่หรือไม่”
“หืม พวกท่านไม่รู้หรือ วิธีสลักนี้มีนามว่า ‘เมฆนภาเชื่อมประสาน’ เหมาะสำหรับการสลักกระบวนรอยสลักวิญญาณที่มีคุณสมบัติเป็นน้ำ เมฆ หมอกเทือกนี้ ‘กระบวนรอยสลักวิญญาณหยาดมรกต’ ที่ข้าสลักอยู่ตอนนี้ ก็เพื่อแก้ปัญหารอยแตกที่สิบเก้า”
เสียงพูดคุยของหลินสวินและปรมาจารย์สลักวิญญาณอีกสี่ท่านดังก้องอยู่ภายในโถง
เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้ ดูแปลกอยู่บ้าง
ด้วยเห็นหลินสวินนั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้น โดยมีกระบี่เบิกฟ้าวางอยู่บนโต๊ะด้านหน้าเขา รวมทั้งหมึกวิญญาณมากกว่าสิบชนิดที่อยู่ในถ้วยและจานรองที่หลอมขึ้นพิเศษ
มือขวาของหลินสวินกุมด้ามสลักสีทองเรียวเล็ก เอนตัวลงเหนือกระบี่กำลังวาดเค้าโครงลาย
ส่วนข้างๆ หลินสวิน ปรมาจารย์สลักวิญญาณระดับอาวุโสทั้งสี่ล้วนนั่งตัวตรง จ้องการกระทำของหลินสวินอย่างจดจ่อ ทุกครั้งที่มีข้อสงสัยก็จะเอ่ยปากถาม
ตอนที่ได้ยินคำตอบจากหลินสวิน พวกเขาจะเผยสีหน้าใคร่ครวญ ดีใจ แปลกใจ เข้าใจโดยพลันเป็นต้น
ความรู้สึกนี้ประหนึ่งศิษย์ที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนกลุ่มหนึ่งกำลังฟังอาจารย์คลี่คลายข้อสงสัยอย่างไรอย่างนั้น ดูแปลกอย่างบอกไม่ถูก
ที่บอกว่าแปลก เพราะทั้งสี่ล้วนเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณระดับอาวุโส! นั่งอยู่บนชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณนี้ไม่รู้กี่ปีแล้ว เรียกได้ว่ามากด้วยคุณธรรมและบารมี ฐานะสูงส่ง
แต่ตอนนี้พออยู่ต่อหน้าหลินสวิน พวกเขากลับเหมือนศิษย์กลุ่มหนึ่ง ความแตกต่างนี้ช่างมากเหลือเกิน ถ้าอาจารย์และศิษย์คนอื่นๆ ในสาขาสลักวิญญาณมาเห็นเข้า คงตะลึงจนอ้าปากค้าง
ใครจะกล้าจินตนาการ ว่าเด็กอายุสิบกว่าปีและเพิ่งได้รับการรับรองการเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณจะทำได้ขนาดนี้
ความจริงหลินสวินก็ไม่ได้จงใจทำแบบนี้
ตอนที่เขาเตรียมจะซ่อมกระบี่เบิกฟ้า ก็ถูกปรมาจารย์สลักวิญญาณอาวุโสเหล่านี้ต่อต้านและแสดงความเคลือบแคลงใจ ถึงขั้นสงสารและเห็นใจด้วยซ้ำ
แต่หลังจากหลินสวินลงมือจริงๆ สถานการณ์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
ดั่งคำที่ว่า ผู้เชี่ยวชาญถึงจะรู้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ผู้ชราเหล่านี้ล้วนเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณมากความรู้สมชื่อ ดูออกทันทีว่าความสามารถด้านการสลักวิญญาณที่หลินสวินแสดงออกมานั้น เรียกได้ว่าลึกลับเกินคาดเดา เหลือเชื่อมากจริงๆ!
ทำให้พวกเขาต่างตะลึง ถึงขั้นที่มีวิธีและกลเม็ดบางอย่างที่แม้แต่พวกเขาเองยังดูไม่ค่อยเข้าใจ
และตอนที่ได้รับคำตอบจากหลินสวินจนเข้าใจแล้ว พวกเขาก็ยิ่งตะลึง ในใจเลื่อมใสอย่างไม่รู้ตัว
จวบจนถึงตอนนี้ จึงได้กลายเป็นภาพอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ถ้าฉู่ซานเหอมาเห็นภาพนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร
……
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานเวลาเจ็ดวันก็ผ่านพ้นไป
วันนี้ฉู่ซานเหอตื่นแต่เช้า ตั้งใจแต่งตัวให้เรียบร้อย หวีผมเรียบสนิท ก่อนจะออกจากที่พักอย่างสบายอารมณ์
ไม่ต้องให้เขาได้เรียกด้วยซ้ำ ตอนที่เขาไปถึงหอหลอมวิญญาณก็มีคนมากมายไปรวมตัวกันอยู่แล้ว
ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์และศิษย์จากสาขาสลักวิญญาณ และยังมีอาจารย์และศิษย์จากสาขาอื่นๆ ในสำนักศึกษามฤคมรกตมาดูด้วย บรรยากาศคึกคักอย่างมาก
เพราะทุกคนล้วนรู้ว่า วันนี้เป็นวันที่หลินสวินรับปากว่าจะซ่อมกระบี่เบิกฟ้าให้เสร็จ!
ตอนที่เห็นฉู่ซานเหอไปถึง ผู้คนพลันฮือฮาขึ้นมา ด้วยรู้ว่าตัวเอกของเรื่องมาแล้ว
เรื่องนี้ฉู่ซานเหอไม่ได้สนใจนัก เขาเรียกผู้คุ้มกันคนหนึ่งมานำทาง แล้วเชิดหน้าก้าวเท้าขึ้นไปที่ชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณ
ในเจ็ดวันนี้หลินสวินทำอะไรบ้างหนอ แล้วซ่อมกระบี่เบิกฟ้าสำเร็จหรือไม่
ทุกคนต่างรอคอย
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์