ใจหลินสวินอดผิดหวังอยู่บ้างไม่ได้
หลิ่วชิงเยียนรูปงามทั้งยังเฉลียวฉลาด ปราดเดียวก็มองออกว่าความรู้สึกของหลินสวินแปลกไป ถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “คุณชายหลิน ในงานเลี้ยงครั้งนี้ก็มีคนใหญ่คนโตที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณ ด้วยชื่อเสียงและความสามารถของเจ้าในตอนนี้ เพียงแสดงออกดีๆ เสียหน่อย อาจสามารถคว้าโอกาสครั้งนี้ ได้รู้สิ่งที่ตัวเองอยากรู้”
หลินสวินยิ้มให้แล้วพูดว่า “ดูสถานการณ์ก็แล้วกัน”
…….
เมื่อเวลาผ่านไป แขกเหรื่อในจัตุรัสก็ยิ่งมีจำนวนมากและครึกครื้นยิ่งขึ้น โดยมากเป็นผู้ที่มีอำนาจสูง หากสุ่มมาสักคนหนึ่งก็ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงอำนาจขจรไกล ไม่ก็ผู้เก่งกล้าแนวหน้าในรุ่นเยาว์
ตัวตนของหลินสวินก็ได้รับการจับตามองไม่น้อย จะน้อยจะมากก็มีหัวข้อสนทนาที่เกี่ยวข้องกับตัวเขา
ในหมู่คนใหญ่คนโตหลายคนก็มีการเอ่ยถึงภูเขาชำระจิต เอ่ยถึงหลินเต้าเฉินบรรพบุรุษของหลินสวิน ทอดถอนใจว่าตระกูลหลินที่ตกต่ำลงในขณะนี้ ในที่สุดก็มีผู้โดดเด่นในรุ่นหลังที่ควรค่าแก่การจับตามองเสียที
ผู้ฝึกปราณที่คลั่งไคล้การฝึกยุทธ์กลับสนทนาเรื่องการประลองครั้งนั้นของฮวาอู๋โยวกับหลินสวิน วิเคราะห์วิชาและความสำเร็จในศาสตร์การยุทธ์ของเขา
ส่วนคนใหญ่คนโตหลายคนที่เชี่ยวชาญศาสตร์สลักรอยวิญญาณ กลับทึ่งที่หลินสวินสามารถซ่อมแซมกระบี่เบิกฟ้าได้ พูดคุยแลกเปลี่ยนไม่หยุดหย่อน
รวมถึงมีคนบางส่วนที่มองอย่างไม่เป็นมิตรและต่อต้านหลินสวิน สิ่งที่พูดคุยกันก็คือเรื่องที่ไม่เป็นผลดีกับเขา
ยกตัวอย่างเช่น ตั้งแต่เขาเข้ามาในนครต้องห้ามก็มีเรื่องผิดใจกับผู้มีอำนาจมากมายเหลือเกิน ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกเอาคืนและโจมตี
โดยสรุป ไม่ว่าจะเป็นการชื่นชมในแง่ดีหรือคำติเตียนในแง่ลบ อย่างน้อยทุกอย่างนี้ก็พิสูจน์ได้ว่า ชื่อเสียงของหลินสวินไม่เพียงขจรขจายในหมู่คนทั่วไป ขนาดพวกคนใหญ่คนโตบางคนที่อยู่เบื้องบนของนครต้องห้าม ก็รับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของเขา
แน่นอนว่าตัวตนของหลินสวินเป็นเพียงหนึ่งในหัวข้อสนทนาในจัตุรัสนี้ ไม่ได้เป็นคนที่ถูกจับจ้องที่สุด
นี่เป็นเรื่องปกติ ผู้ที่มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ที่มีตำแหน่งสูงส่ง หรือพวกผู้กล้าที่มีอิทธิพลเหล่านั้น ล้วนมีคุณสมบัติเพียงพอให้ทระนงตน
ความก้าวหน้าในตอนนี้ของหลินสวินแม้จะรวดเร็วฉับไวนัก แต่อย่างไรก็ยังขาดความมั่นคงทางภูมิหลัง จึงไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้มากมายเท่าไรนัก
อย่างน้อยผู้กล้าอย่างซ่งอี้ ฉือฉางเฟิง อวิ๋นฝูเฉิน เว่ยฉือเจ๋อ ก็ได้รับความสนใจมากกว่าหลินสวินมาก
ขนาดความสนใจที่หลิ่วชิงเยียนได้รับ ยังเห็นได้ชัดว่าก้าวล้ำหลินสวินไป
นี่ก็เป็นปัญหาเรื่องภูมิหลังเช่นกัน
เขาอาจมีพรสวรรค์เกินใคร มีฝีมือที่ควรค่าแก่การตื่นตะลึงหลายอย่าง แต่ตัวเขาเองกลับมาจากตระกูลหลินที่ตกอับไปนานแล้ว เมื่อพูดถึงตำแหน่งหรือฐานะ ก็เห็นได้ชัดว่าเทียบกับลูกหลานที่เกิดในตระกูลชั้นสูงเหล่านั้นไม่ได้
หากเปลี่ยนเป็นห้าร้อยปีที่แล้ว ยามตระกูลหลินยังเป็นตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงตระกูลหนึ่ง แน่นอนว่าความสนใจที่หลินสวินจะได้รับย่อมแตกต่างโดยสิ้นเชิง
ต่อเรื่องพวกนี้ หลินสวินไม่ยินดียินร้าย ทางเดินของเขากับคนอื่นในที่นี้ไม่เหมือนกัน ย่อมไม่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงจอมปลอมที่ว่า
……
ไม่นานนักเสียงระฆังเก่าแก่อันไพเราะเสนาะหูก็ดังขึ้น ทุกคนในจัตุรัสนั้นล้วนหยุดทุกสิ่งที่ทำอยู่ เสียงสนทนาเซ็งแซ่ก็หายไปตาม
บรรยากาศในจัตุรัสพลันเปลี่ยนเป็นน่าเกรงขาม เงียบเชียบไร้เสียง
สายตาทุกคู่พากันมองไปทางตำหนักกลางที่อยู่ไกลออกไป
“ถึงฤกษ์ดีแล้ว ขอเชิญแขกทุกท่านเข้าตำหนัก!”
ในชั่วขณะนี้มีเสียงที่ราวระฆังยามเช้าและกลองยามค่ำดังขึ้นเสียงหนึ่ง สั่นสะเทือนไปเก้าชั้นฟ้า มีพลังที่สะท้านไปถึงก้นบึ้งของจิตใจคนได้
ทันใดนั้นก็เห็นว่าประตูใหญ่ของตำหนักกลางที่ปิดสนิทนั้นเปิดออกอย่างช้าๆ นางกำนัลผู้งดงามสองแถวหลั่งไหลออกมา ยืนโค้งคำนับไปทางบันไดทั้งสองด้านของตำหนักกลาง
งานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาสามร้อยปีของจักรพรรดินีได้เริ่มขึ้นแล้ว!
บัดนี้ แขกเหรื่อที่อยู่ในจัตุรัสต่างเดินไปยังตำหนักกลางด้วยการนำทางของนางกำนัล
“ข้าไปเตรียมตัวก่อนแล้วนะ อีกประเดี๋ยวในงานเลี้ยง เจ้าต้องฟังลำนำใหม่ที่ข้าแต่งให้ดีๆ ล่ะ ลำนำนี้สามารถแต่งเสร็จได้อย่างราบรื่นก็เพราะเจ้านั่นล่ะ”
หลิ่วชิงเยียนกะพริบตา ยิ้มพลางกล่าวลาหลินสวิน วันนี้นางจะขับร้องเพลงแด่จักรพรรดินี จึงต้องไปเตรียมตัว
“เพราะข้าหรือ”
หลินสวินตะลึงงัน ตามองเงาร่างงดงามที่จากไป ในใจอดบังเกิดความสงสัยไม่ได้ เพลงใหม่บทนี้จะไปเกี่ยวกับเขาได้อย่างไรกัน
ระหว่างขบคิดเขาก็ถูกนางกำนัลผู้หนึ่งนำทางไปตามบันไดเก้าสิบเก้าขั้น เดินเข้าไปยังตำหนักที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในจักรวรรดินี้…พระตำหนักกลาง
โอ่โถง!
งามวิจิตร!
เกรียงไกร!
นี่เป็นความรู้สึกยามหลินสวินได้เข้าไปในตำหนักกลาง เห็นเพียงว่าในตำหนักนั้นราวกับโลกใบน้อยอีกใบ บนยอดหลังคาเป็นภาพท้องนภา ใต้เท้าเป็นรูปภูผานที เมื่ออยู่ในนั้นแล้วมองไปรอบทิศ ช่างรู้สึกเล็กจิ๋วผิดธรรมดา
ภายในตำหนักมีเสาหินที่สร้างขึ้นจากหินจื่อเย่าหนึ่งร้อยแปดเสาตั้งตระหง่าน สลักลายมังกรวาดลายปักษาเพลิง ประทับลวดลายมงคลอย่างผืนเมฆ แสงทอง ดอกจื่อเย่าเป็นต้น เปล่งแสงทอสีงดงาม ศักดิ์สิทธิ์เกินธรรมดา
เมื่อมองออกไปไกลๆ เสาทุกต้นนั้นเหมือนสูงเทียมฟ้า ยืดยาวไปถึงจุดสูงสุดของสวรรค์!
ใจหลินสวินสั่นสะท้านขึ้นอย่างไม่ตั้งตัว โถงใหญ่นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามยากบรรยาย สะเทือนจิตสะท้านขวัญ ไม่ว่าใครมาถึงที่นี่ น่ากลัวจะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
แน่นอน ไม่เพียงแต่หลินสวิน แขกเหรื่อท่านอื่นที่มาถึงที่นี่ ไม่ว่าจะมีฐานะใหญ่โตคับฟ้าเพียงใด เวลานี้ล้วนแสดงสีหน้ายำเกรง ไม่กล้าส่งเสียงดัง
นี่ก็คือตำหนักกลาง!
ไม่นานนัก ด้วยการจัดแจงของนางกำนัล หลินสวินก็ได้นั่งที่ตั่งฝั่งหนึ่งของตำหนัก
บนตั่งมีสุรากาหนึ่ง ถ้วยชาหนึ่งใบ ผลไม้วิญญาณหนึ่งจานวางอยู่ เรียบง่ายนัก ดูไปไม่เห็นจะหรูหราตรงไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์