แต่บทเพลงที่หลิ่วชิงเยียนแต่งขึ้นนี้พิเศษนัก ในศาสตร์ดนตรีมีวิชา ‘สุรเสียงผกาจุติ’ จังหวะในเพลงยิ่งใหญ่รุ่มรวย หายากยิ่งนัก
ควรรู้ว่าในตำนาน เมื่อครั้งบรรพกาลมีผู้มีความสามารถสูงใช้ดนตรีเพื่อเข้าถึงหนทางแห่งการฝึกปราณ ร้องออกมาเพียงเสียงเดียวก็สามารถบดขยี้ภูผานที สลายดวงดารา!
จากจุดนี้ก็รู้ได้ว่า ความลี้ลับของศาสตร์แห่งดนตรีก็มิได้ธรรมดาเด็ดขาด
นอกจากนี้ กลุ่มนักดนตรีที่มากับหลิ่วชิงเยียนล้วนเป็นปรมาจารย์ที่คร่ำหวอดในศาสตร์การดนตรีมานานปี เครื่องดนตรีที่ใช้ก็ล้วนไม่ธรรมดา
เมื่อพวกเขาแสดงด้วยกัน ท่วงทำนอนนี้ถึงได้สะเทือนจิตใจคนเช่นนี้ พาให้ทุกคนในที่นั้นล้วนซาบซึ้งเพราะสิ่งนี้ ดำดิ่งลงไปอย่างไม่สามารถถอนตัวได้
ภายในโถง เสียงดนตรีบรรเลงสู่จุดสูงสุด ใบหน้าของหลิ่วชิงเยียนแฝงความรู้สึกฮึกเหิมเปล่งปลั่งรางๆ ริมฝีปากนางแย้มออก เสียงร้องราวเสียงสวรรค์ ใช้การออกเสียงกังวานอันเป็นเอกลักษณ์เหมาะเจาะกับรูปปากวิจิตร เปล่งเสียงสวรรค์ออกมาอย่างงดงาม
ธาราธารโคจรคล่อง ไหลเวียนว่องมโหฬาร
มังกรซ่อนทะยานห้อ กรงเล็บล้อระบำหาญ
พยัคฆ์น้อยร้องคำราม ล้วนครั่นคร้ามร้อยชีวิน
อินทรีแรกโผผิน ธุลีดินละล่องลอย
บุปผางามผลิเคลื่อนคล้อย งามหยดย้อยละลานตา!
เหนือศีรษะจรดฟ้า ใต้บาทาจรดดิน
มากเรื่องราวให้ผ่านผิน ทะลวงถิ่นอันกว้างไกล
อนาคตราวห้วงสมุทร ไพศาลดุจไร้เขตเอย
ทุกถ้อยทุกคำราวลมฟ้าสะท้านสะเทือน ภูผานทีพากันสั่นไหว พาให้ผู้คนในโถงตำหนักประหนึ่งได้เห็นว่าบนสนามรบนองเลือดนั้น ขุนศึกจักรวรรดิเรือนพันหมื่นกายอาบด้วยแสงอุษา เท้าเหยียบย่ำลงบนศพของศัตรู
ราวกับมองเห็นบ้านเมืองของจักรวรรดิที่เรืองรอง มีชีวิตชีวากระปรี้กระเปร่า ราวดรุณที่ได้เกิดใหม่ท่ามกลางกองเพลิงกำลังผุดขึ้นอย่างแข็งกล้า ย่างเท้ามุ่งหน้า พาให้ไพรีรอบทิศขวัญฝ่อ!
ความรู้สึกที่แผดเผาลุกโชนนั้น บทเพลงที่สั่นสะเทือนจิตวิญญาณนั้น นำพาให้ทุกคนบ้างหวั่นไหว บ้างตื่นเต้น บ้างตั้งหน้าตั้งตาคอย บ้างทอดถอนใจ…
หลินสวินเองก็ถูกชักนำไปด้วยอย่างที่สุด เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไหวสะท้านไปกับศาสตร์การดนตรี อารมณ์ราวแผดเผาฮึกเหิม เกิดเป็นเสียงระงมแข็งกล้า
ท่วงทำนองนี้ยิ่งใหญ่ไพศาล เกรียงไกรหาใดเทียม
คำร้องนี้งดงามไร้ตำหนิ สะท้อนแสงเรืองรองให้แก่กัน!
ทันใดนั้นท่วงทำนองหยุดชะงักชั่วขณะ ในชั่วพริบตาทั้งโถงตำหนักแว่วเสียงอ้อยอิ่ง มีเพียงความเงียบสงัด ฝูงชนที่นั่งอยู่เพียงรู้สึกว่าในใจพลันถูกกดทับ คล้ายมีความรู้สึกที่ใกล้ปะทุ แต่กลับยากระบายออกมาได้
และในเวลานี้เอง ดวงตาสุกสกาวของหลิ่วชิงเยียนเปล่งประกายขึ้น ทั้งกายอบอวลไปด้วยพลังที่ยากบรรยายสายหนึ่ง ขับร้องสองท่อนสุดท้ายออกมาจากริมฝีปาก
งามงดนัก จักรวรรดิวัยเยาว์แห่งข้า เยาว์วัยไม่แก่เฒ่าดุจท้องนภา!
ห้าวหาญนัก จักรวรรดิวัยเยาว์แห่งข้า หาญกล้ายิ่งยงดุจผืนปฐพี!
สองท่อนนี้เหมือนฟ้าผ่ากระแทกกระทั้นลงกลางประตูใจในฉาดเดียว ดึงความรู้สึกที่ถูกกดทับของทุกคนในที่นั้นให้ปะทุออกมาจนสิ้น
ดั่งน้ำที่ท่วมปริ่มเขื่อน ซัดสาดไหลเชี่ยวเกรียงไกร!
ดั่งภูเขาไฟที่ปะทุคลั่ง เอ่อล้นบรรพตนที!
ทุกคนล้วนรู้สึกว่าจิตวิญญาณสั่นเทิ้ม จิตใจกระวนกระวายไม่เป็นตัวเอง สองท่อนสุดท้ายนี้ราวกับแต้มจุดเพิ่มลงบนภาพที่งดงาม ทำให้ทั้งบทเพลงยิ่งเลิศล้ำขึ้นไปอีก ถึงระดับที่ ‘เสียงประสานฟ้าดิน หมื่นวิญญาณร่วมขับขาน’
บทเพลงนี้จบลง แต่เสียงยังลอยอ้อยอิ่ง สะท้อนก้องในโสตประสาท
สีหน้าของทุกคนล้วนตกอยู่ในภวังค์ จิตใจไหวกระเพื่อม พวกคนหนุ่มสาวยิ่งหายใจหอบยกใหญ่ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
นี่ก็คือบทเพลงใหม่ของหลิ่วชิงเยียน ใช้วิธีการด้านดนตรีชนิดหนึ่ง แสดงการขับร้องที่เรียกได้ว่าน่าตื่นตาตื่นใจสะท้อนก้องตำหนักกลาง
“ลำนำนี้ควรมีเพียงบนสวรรค์เท่านั้น ในโลกนี้จะได้ยินสักกี่ครั้งนะ!”
ผ่านไปครู่ใหญ่มีผู้ชราคนหนึ่งเอ่ยทอดถอนใจ พริบตาก็ดึงดูดเสียงเห็นชอบ ปรบมือชื่นชมเซ็งแซ่ไม่หยุดหย่อน
จริงแท้แน่นอน บทเพลงใหม่เพลงนี้ ไม่ว่าจะเป็นท่วงทำนองหรือเนื้อเพลงที่เขียนขึ้น ล้วนเรียกได้ว่าน่าตื่นตาตื่นใจเกินธรรมดา กอปรกับเสียงร้องปานเสียงสวรรค์ของหลิ่วชิงเยียนที่จมลึกถึงก้นบึ้งจิตวิญญาณ ความสามารถในการสั่นสะท้านจิตใจคนที่แสดงออกมานั้น ย่อมไปถึงขั้นที่ไม่เคยมีมาก่อน
มิเช่นนั้นกลุ่มคนใหญ่คนโตกับพวกผู้กล้ารุ่นเยาว์ในที่นี้ ย่อมไม่มีทางหวั่นไหวเช่นนั้น
ชั่วขณะหนึ่งสายตาที่ฝูงชนมองไปยังหลิ่วชิงเยียนก็พากันเปลี่ยนไป ยิ่งชื่นชมและเทิดทูน ถึงกับร้อนรุ่มและคลั่งไคล้
สตรีงดงามที่มีพร้อมทั้งรูปโฉมและความสามารถ ใครจะไม่ชื่นชมได้เล่า
ขนาดหลินสวินในใจยังทอดถอนใจอย่างยิ่ง
“ทักษะเข้าขั้น เนื้อเพลงและทำนองไพเราะ หายากยิ่งนัก เด็กๆ จัดหาที่นั่งให้พวกเขา”
บนบัลลังก์ จักรพรรดินีเอ่ยชม
เมื่อหลิ่วชิงเยียนนั่งลง จักรพรรดินีก็ถามขึ้นอีก “เพลงนี้มีนามว่าอะไร”
หลิ่วชิงเยียนพูดขึ้นด้วยความเคารพ “ขอองค์จักรพรรดินีพระราชทานนามเพคะ”
จักรพรรดินีใคร่ครวญครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “ที่จักรวรรดิจื่อเย่าของเรายืนหยัดถึงทุกวันนี้ ให้กำเนิดผู้เก่งกล้าสามารถไม่รู้เท่าไร พวกเขาโรมรันในสนามรบ หลั่งเลือดต่อสู้เพื่อปกปักษ์ผืนดินของจักรวรรดิเรา สร้างคุณูปการที่ไม่อาจสูญสลายได้แก่จักรวรรดิ”
“และตอนนี้ที่จักรวรรดิของเรารุ่งเรืองแข็งกล้า เปิ่นจั้ว[1]เห็นว่าเหล่าผู้เยาว์แห่งจักรวรรดิล้วนมีใจทุ่มเทเพื่อบ้านเมือง เช่นนี้สามารถขนานนามได้ว่าเป็นผู้กล้าแห่งจักรวรรดิ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้เพลงนี้ชื่อว่า ‘ลำนำผู้กล้า’ ดีหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์