เจ้าเด็กนี่…สมควรตายนัก!
และก็มีคนที่ชื่นชมจิตใจกล้าหาญของหลินสวิน อย่างเด็กสาวอ่อนต่อโลกคนหนึ่งก็รู้สึกว่าหลินสวินในตอนนี้ช่างโอหังนัก ทำให้พวกนางมีความรู้สึกเร้าใจแปลกใหม่
มีเพียงหลิ่วชิงเยียนที่ลอบยิ้มขื่น หลินสวินขณะนี้ผิดใจกับคนเหล่านั้นถึงที่สุดแล้ว
“หลินสวิน เชิญเลือก!”
หัวหน้าเผิงเตือนเสียงขรึม น้ำเสียงแฝงนัยไม่ยินยอมให้สงสัย นี่เป็นถึงการประลองที่จักรพรรดินีและบุคคลชั้นสูงจากดินแดนรกร้างโบราณหลายท่านจับตามอง ทั้งยังอยู่หน้าตำหนักกลาง หากแพร่งพรายออกไป จะให้คนใต้หล้ามองเกียรติภูมิของพระราชวงศ์อย่างไร
“ฉือฉางเฟิง เจ้าเพิ่งพูดว่าจะส่งข้าไปตายหรือ มาสิ ข้าก็อยากดูว่าวันนี้เจ้าจะมีความสามารถทำได้หรือไม่”
หลินสวินยิ้มบางๆ ดวงตาสีดำกลับจ้องฉือฉางเฟิงที่อยู่ไกลออกไปเขม็ง ชั่วพริบตาท่าทางของเขาก็พลันเปลี่ยนไป ราวห้วงน้ำใหญ่โตห้วงหนึ่งไหลเวียน มีพลังกลืนกินสวรรค์ ดูแข็งแกร่งเกินธรรมดา
“หึ!”
ฉือฉางเฟิงสีหน้าถมึงทึง เมื่อเสียงสวบดังขึ้น เงาร่างก็หายไปในห้วงอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนปรากฏตัวบนลานแสดงยุทธ์
“หลินสวิน หรือเจ้าลืมการเดิมพันกับข้าไปแล้ว!?”
เห็นเช่นนี้กลับเห็นหลิงเทียนโหวตะโกนออกมาสีหน้านิ่งขึง
เขานึกว่าหลินสวินหวาดกลัว ไม่กล้าประลองกับตน จึงเลือกฉือฉางเฟิงเป็นคู่ต่อสู้
“วางใจได้ รอสะสางกับฉือฉางเฟิงแล้ว ค่อยมาเก็บเจ้าก็ยังไม่สาย”
ทั้งร่างของหลินสวินอบอวลไปด้วยแสงสีฟ้าอ่อน ผมยาวดำขลับปลิวไสว ท่าทางยิ่งแข็งแกร่งรุ่งโรจน์ ทั้งยังลอบฉายแววโอหังอยู่ในที
ในที่นั้นพลันร้องอื้ออึงตะลึงพรึงเพริด
หลินสวินผู้นี้ช่างไม่รู้ดีชั่วเสียจริง ถึงกับยังจะประลองกับหลิงเทียนโหว ความหมายในถ้อยคำนี้ เห็นได้ชัดว่าคิดว่าฉือฉางเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
‘เจ้าหมอนี่ วันนี้ก่อเรื่องร้ายแรงเอาเรื่อง หรือคิดจะดึงดูดความสนใจจากบุคคลชั้นสูงในดินแดนลี้ลับเหล่านั้นด้วย’
ไป๋หลิงซีเลิกคิ้วคล้ายกับมีความคิด
“เขา…”
หลิ่วชิงเยียนตะลึงงัน ดวงตาสุกใสฉายแววประหลาด นางเพิ่งเคยเห็นโฉมหน้าจองหองแข็งกร้าวเช่นนี้ของหลินสวินเป็นครั้งแรก ท่าทีโอหัง ท่าทางยิ้มมองคนใต้หล้านั้น ดูต่างจากเขาในสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง
“เฮอะ! เช่นนั้นข้าจะรอแล้วกัน จำไว้ หากเจ้าแพ้ล่ะก็ การเดิมพันครั้งนี้ยังอยู่ดังเดิม อย่าคิดเบี้ยว!”
หลิงเทียนโหวหัวเราะหยัน
หลินสวินไม่สนใจเขาอีก สายตามองไปยังฉือฉางเฟิงที่อยู่ตรงข้าม
กลับเห็นว่าเด็กหนุ่มที่ครอบครองเส้นปราณ ‘ดอกบัวม่วงกลางทะเลทอง’ เวลานี้สีหน้าเย็นชาหาใดเปรียบ ในดวงตามีเพียงความโกรธเคือง
เห็นได้ชัดว่าเขาถูกคำพูดเมื่อครู่ของหลินสวินยั่วโมโห ยังจะไปประลองกับหลิงเทียนโหวหรือ นี่แสดงชัดเจนว่าไม่เห็นเขาในสายตา!
“หลินสวิน ขอเพียงมีโอกาสฆ่าเข้า ข้าไม่มีทางออมมือใดๆ ทั้งสิ้น”
เสียงฉือฉางเฟิงเย็นชาหยิ่งผยอง ดูโหดเหี้ยมไม่มีที่สิ้นสุด
“อ้อ คำพูดหมาๆ ที่พ่นออกมา หากทำไม่ได้ก็คงขายหน้านัก!”
หลินสวินหัวเราะเนิบๆ
“ตายเสียเถอะ!”
ฉือฉางเฟิงไม่ชักช้าอีก เสียงโครมดังขึ้น แสงแวววาวกลุ่มหนึ่งระเบิดออก นั่นคือกระบี่เล่มหนึ่ง มันส่งเสียงหวีดร้องออกมา ทลายห้วงอากาศฟันไปที่หลินสวิน
พลังนั้นดุดันหาใดเปรียบ น่าหวั่นกลัวจนทำให้ลานแสดงยุทธ์ที่ปูด้วนกระบวนรอยสลักวิญญาณไหวสะเทือนเล็กน้อย
ผู้คนมากมายตื่นตระหนก ในใจเกิดความหวาดผวา ความเย็นเยียบแล่นปราดทั่วร่าง
‘สมบัติวิญญาณหรือ’
หลินสวินหรี่ตาลง
นี่เป็นกระบี่วิญญาณเล่มหนึ่ง แวววาวราวสุริยันจันทรา ปลดปล่อยแรงกดดันคุกคามที่น่ากลัวออกมา เกลียวคลื่นมโหฬารราวมหาสมุทร เฉียบคมหาใดเทียบ
สวบ!
แสงกระบี่รวดเร็วดั่งรุ้งพาดผ่าน แต่หลินสวินไวกว่า เงาร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างว่องไว เบื้องหลังราวกับมีเงามังกรชือน้ำแข็งใหญ่ตัวหนึ่งปรากฏขึ้น ในชั่วพริบตา ตัวคนก็หายลับไปจากจุดเดิมแล้ว
ก้าวย่างชือน้ำแข็ง!
เสียงดังโครมใหญ่ ตำแหน่งที่หลินสวินเคยอยู่เกิดเสียงสั่นสะเทือนดัง แสงกระบี่สาดออกมา จินตนาการได้ว่าหากเมื่อกี้เขาหลบช้าไปนิดเดียวต้องถูกฟันตายแน่
“กระบี่วิญญาณวสันต์!”
เสียงร้องตื่นตะหนกดังขึ้นในลานแสดงยุทธ์ ในที่สุดก็เห็นสิ่งที่ฉือฉางเฟิงใช้ชัดเจนแล้ว
กระบี่นี้เป็นสีเขียวสว่างทั้งเล่ม ปกคลุมด้วยลายสลับซับซ้อนนานาชนิด แผ่แสงมหัศจรรย์ไม่มีที่สิ้นสุด แยงตาราวทินกรกลางนภากว้าง แข็งแกร่งน่าหวั่นกลัว
มันมีนามว่าวสันต์ เป็นสมบัติวิญญาณที่ตกทอดมาในตระกูลฉือ มีพลานุภาพของระดับปฐพีชั้นสูง เคยกำราบผู้แข็งแกร่งมากมาย อาบโลหิตนับไม่ถ้วน อานุภาพถึงกับเทียบชั้นได้กับอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์!
โครม!
เมื่อโจมตีไม่โดน เงาร่างฉือฉางเฟิงพลันไหววูบ ควบคุมกระบี่วิญญาณวสันต์โจมตีอีกครั้ง รอบกายเขามีแสงเรืองสีม่วงโอบล้อม ราวกับเทพกระบี่วัยเยาว์องค์หนึ่ง มีแต่ความหยิ่งทระนงซัดออกมารอบทิศ
ฟึ่บๆๆ
หลินสวินกระโจนขึ้น เงาเลือนรางของชือน้ำแข็งแปรเปลี่ยน ทะยานเมฆขี่หมอก ในชั่วขณะสั้นๆ ก็วาดรอยเงาเป็นเส้นๆ บนลานแสดงยุทธ์
ว่องไวเกินไปแล้ว!
ก้าวย่างที่คลุมเครือยากคาดเดาได้นั้นราวกับแอบซ่อนพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ เคลื่อนไหวเกินความคาดหมาย ไปมาไร้ร่องรอย ถึงกับหลบหนีคมกระบี่จากฉือฉางเฟิงได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“นี่มันก้าวย่างอะไรกัน”
หลายคนตกตะลึง ดูจากไกลๆ ราวกับว่าหลินสวินไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่ง แต่เป็นชือน้ำแข็งตนหนึ่งเคลื่อนไหวรวดเร็วในเมฆหมอก หลบเร้นในฝุ่นละอองเล็กจิ๋ว บางเวลาแปลงร่างเป็นควัน บางเวลาเคลื่อนไหวราวสายฟ้า
ปราณกระบี่ของฉือฉางเฟิงสาดออกมาอย่างดุร้ายปานใด กลับถูกหลินสวินหลบพ้น นี่ช่างเกินคาดนัก
ขนาดฮวาอู๋โยวที่เคยประลองกับหลินสวินยังอดตะลึงไม่ได้ นางจำได้อย่างชัดเจนว่า หลินสวินในตอนนั้นไม่เคยใช้ก้าวย่างอัศจรรย์ชั้นนี้มาก่อนเลย
“ข้าจะดูว่าเจ้าจะหลบไปถึงเมื่อไร!”
ทันใดนั้นฉือฉางเฟิงแผดเสียงแข็ง กระบี่วิญญาณวสันต์วาดเงากระบี่เต็มนภาดั่งน้ำเชี่ยว ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์