แม้จะบอกว่าสมบัติชิ้นนี้ควรจะเป็นของหลินสวินแต่แรก แต่ตอนนั้นการที่เหลียนเตี๋ยอีคืนของสิ่งนี้ให้เขาอย่างใจกว้าง ก็ถือเป็นมิตรภาพอย่างหนึ่ง
“ไอ้จิ้งจอกตาขาวเนรคุณ ถือว่าข้ามองคนผิด ต่อไปอย่าให้ข้าเห็นเจ้าอีก…”
ด้านข้างเหลียนเตี๋ยอียังคงด่าอย่างขึ้งโกรธ
“ขืนเจ้ายังด่าต่อ ข้าจะไม่ช่วยเจ้าแล้วนะ”
หลินสวินจ้องนางเขม็งแวบหนึ่ง
หญิงที่งดงามเย้ายวนปานนี้ อีกทั้งยังเป็นถึงผู้สืบทอดแห่งแดนวิญญาณหมื่นมายา ฐานะไม่ธรรมดา ยามนี้กลับมาพึมพำก่นด่าตนเหมือนเด็กๆ ทำให้รู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้จริงๆ
“เอ๋ เจ้าว่าอะไรนะ”
เหลียนเตี๋ยอีตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “อ๊า ข้าเข้าใจเจ้าผิดไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าหนุ่มน้อยสุดหล่อจะรู้บุญคุณคนขนาดนี้”
จู่ๆ ตนกลายเป็นคนที่รู้บุญคุณคนซะแล้ว…
หลินสวินพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดว่า “รีบไปกันเถอะ”
“ใช่ๆๆ ออกจากที่นี่ก่อน เจ้าสารเลวพวกนั้นใกล้จะตามมาฆ่าแล้ว”
สีหน้าของเหลียนเตี๋ยอีเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลันเดินเข้าส่วนลึกของหมอกสีเลือดหนาทึบไปพร้อมกับหลินสวิน
ฟึ่บๆๆๆ~~
พวกเขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน เสียงระลอกหนึ่งก็ดังทะลุอากาศมา เงาร่างมากมายปรากฏขึ้น
ลำแสงสายฟ้าสีครามคำราม แปรเปลี่ยนเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ผิวพรรณกระจ่าง นัยน์ตามีชีวิตชีวา รอบตัวมีกลิ่นอายสายฟ้าไหลหลั่งราวกับน้ำตก
หลิงจื่อนั่วแห่งเขาเมฆาสวรรค์ นางมีพรสวรรค์ ‘กายหยกวิญญาณสายฟ้า’ อันโดดเด่น ความสามารถยากจะคาดเดา มีชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วหล้ามาหลายปีแล้ว
“นางหนีไปได้อีกแล้ว”
หลิงจื่อนั่วขมวดคิ้ว ประกายสายฟ้าไหลวนภายในนัยน์ตา
“ยังหนีไปได้ไม่ไกล”
อีกด้าน นักพรตน้อยคนหนึ่งปรากฏตัว แบกกระบี่โบราณลายสนไว้กลางหลัง ในขณะกวาดสายตา ปรากฏลายลึกลับสีทองอร่าม ไอสมบัติรอบตัวเขาแผ่กระจาย ดูโดดเด่นอย่างบอกไม่ถูก
เป็นอวิ๋นเคอผู้สืบทอดสำนักกระบี่แรกวิญญาณ บุคคลผู้โดดเด่นที่ได้รับการสืบทอดวิชาลับของลัทธิเต๋า
“แต่ถูกต้อง นางเคยสัมผัสกับมนุษย์ที่นี่ มีกลิ่นอายผิดปกติอยู่ในอากาศ”
เงาร่างลิงมายาตัวหนึ่งปรากฏ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคนหนุ่มในชุดคลุมดำผิวคล้ำเข้ม นัยน์ตาสีแดง เขาสูดจมูกเบาๆ พลันขมวดคิ้วพูด “กลิ่นอายนี้ไม่ใช่ของเถี่ยเชียนหานผู้สืบทอดสำนักสงัดดารา และไม่ใช่ของไป๋อวี่เทพสังหารน้อยแห่งตระกูลปราบมาร”
“เช่นนั้นเป็นใครกัน คงไม่ใช่ผู้ช่วยของเหลียนเตี๋ยอีหรอกนะ”
ดวงตาของอวิ๋นเคอราบเรียบ
“ไม่ใช่ผู้สืบทอดในสำนักโบราณ เพราะข้าจำกลิ่นอายของพวกเขาได้ แต่นี่เป็นกลิ่นอายที่พิเศษมาก พลังชีวิตพลุ่งพล่าน น่าทึ่งมาก”
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในตัวหยวนจั้นพลุ่งพล่าน ราวกับอสูรมารพญาลิงผู้ยิ่งใหญ่ เลือดลมเดือดพล่าน เพียงกลิ่นอายเดียวก็ปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าบุคคลลึกลับที่สัมผัสกับเหลียนเตี๋ยอีต้องพิเศษมาก!
“หืม แม่นางหลิงเจ้าจะไปไหน”
อวิ๋นเคอสังเกตเห็นว่า เงาร่างของหลิงจื่อนั่วหายไปในส่วนลึกของหมอกหนา
“ไปฆ่าอสูรมารสาวคนนั้น ชิงสมบัติลับราหูกลับมา!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เงาร่างของหลิงจื่อนั่วก็แวบหายไปแล้ว
“หึ ข้าว่าแล้วเชียว หลิงจื่อนั่วนิสัยสันโดษเย่อหยิ่ง ไปไหนมาไหนตามลำพัง จะเคลื่อนไหวพร้อมกับนางเห็นชัดว่าเป็นไปไม่ได้”
หยวนจั้นส่ายหน้า น้ำเสียงเผยความไม่พอใจกับนิสัยเอาแต่ใจของหลิงจื่อนั่วเต็มประดา
“ใครใช้ให้พลังต่อสู้ของนางไม่มีใครเทียบ ทั้งยังมีพรสวรรค์กายหยกวิญญาณสายฟ้า ในแดนโบราณโลหิตร้างแห่งนี้ ก็มีเพียงนางเท่านั้นแหละที่ไม่เกรงกลัวคำสาปชั่วร้าย”
อวิ๋นเคอถอนหายใจเบาๆ เป็นอัจฉริยะผู้โดดเด่นในแดนวิญญาณโบราณเหมือนกัน แต่หลิงจื่อนั่วกลับทำให้เขาไม่อาจไม่ระวังตัว ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์น่าสะพรึงกลัว นิสัยยังเย็นชา ฉลาดหลักแหลม โดดเด่นเหนือคนธรรมดา กวาดทุกตำแหน่ง แข็งแกร่งอย่างที่สุด
“เจ้าจมูกโคน้อย หยุดพูดมากได้แล้ว คราวนี้นอกจากพวกเราที่ตามฆ่าอสูรมารสาวนั่นแล้ว ยังมีผู้สืบทอดจากสำนักโบราณอีกมากมาย ล้วนปรารถนาสมบัติลับราหู จะต้องเกิดศึกนองเลือดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขืนยังพูดมาก อย่าว่าแต่กินเนื้อเลย น้ำสักคำก็คงไม่ได้ดื่ม!”
หยวนจั้นพูดอย่างเหลืออด
“อ้อ งั้นไปกันเถอะ”
อวิ๋นเคอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วทะยานออกไป
“ให้ตาย รอให้ได้สมบัติลับราหูมาก่อน ต้องหาโอกาสกำจัดเจ้าจมูกโคน้อยนั่นด้วย จะได้ไม่ถูกนินทาว่าข้าผู้สืบทอดสำนักเทพโลหิตมาพัวพันกับพวกนักพรต…”
หยวนจั้นพึมพำก่อนจะตามไป
โครม! โครม! โครม!
พวกเขาจากไปได้ไม่นาน แผ่นดินพลันสั่นสะเทือนดุจฟ้าผ่า เงาร่างหนึ่งย่างสามขุมออกจากหมอกสีเลือด สูงใหญ่แข็งแกร่งราวกับภูเขา เปลือยท่อนบน กล้ามเนื้อประหนึ่งสร้างด้วยสัมฤทธิ์ สาดประกายแสงวิญญาณ
เขาแบกกระบองเหล็กสีดำไว้บนบ่า ทุกย่างก้าวราวกับภูเขากำลังเคลื่อนที่ อานุภาพชวนตะลึง
เถี่ยเชียนหานผู้สืบทอดแห่งสำนักสงัดดารา!
หลังจากมาถึงที่นี่ สายตาของเขาก็กวาดมองรอบๆ อย่างเงียบเชียบ แล้วพลันพุ่งไปข้างหน้าต่อราวกับรับรู้ได้ถึงบางอย่าง
เส้นทางมุ่งไปเหมือนกับพวกหลิงจื่อนั่ว อวิ๋นเคอ หยวนจั้นไม่มีผิด
“หึ อสูรมารสาวสมควรตาย กล้าขโมยสมบัติลับราหูที่ควรเป็นของข้า!”
ไม่นานเงาร่างอีกเงาก็โฉบเข้ามา เป็นชายในชุดเกราะสีทอง ในมือถือหอก สีหน้าอาฆาตเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์