สิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยทำให้หลินสวินรู้สึกสงบใจอย่างประหลาด
เพียงแต่ที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ เขาไม่พบเงาร่างสักเงาระหว่างทาง แม้แต่หลินจงยังไม่เห็นร่องรอย
“อ๊ะ นายน้อยท่านออกด่านแล้วหรือเจ้าคะ”
ไม่นานนักข้ารับใช้หญิงคนหนึ่งรีบร้อนเดินมา เมื่อเห็นหลินสวินก็อดตะลึงไม่ได้ พลันคารวะอย่างลุกลี้ลุกลน
“พวกลุงจงล่ะ”
หลินสวินถาม
“พวกเขาไปหอแสงอุดรแล้วเจ้าค่ะ”
นางกล่าวอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย “ได้ยินว่า…ได้ยินว่านายน้อยท่านหนึ่งของสายรองตระกูลหลินของพวกเราถูกคนอื่นเล่นงานเจ้าค่ะ…”
หลินสวินอึ้งไป “เกิดอะไรขึ้นกัน”
ข้ารับใช้หญิงพูดตะกุกตะกัก “บ่าวก็ไม่ทราบแน่ชัดเจ้าค่ะ เพียงได้ยินว่าเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเหล่าคนที่ขวางอยู่ด้านนอกภูเขาชำระจิตเจ้าค่ะ”
หลินสวินหรี่ตาลง “มีคนกล้าขวางด้านนอกภูเขาชำระจิตหรือ พวกเขาเป็นใคร ขวางอยู่ตรงนั้นจะทำอะไร”
ข้ารับใช้หญิงดูยิ่งร้อนรน ผ่านมานานยังพูดที่มาที่ไปไม่ออก
นี่ทำให้หลินสวินนิ่วหน้า หันกายรุดหน้าไปยังไหล่เขา
ห่างหายไปไม่ถึงสองเดือน แต่ดูท่าช่วงนี้ในภูเขาชำระจิตกลับเกิดเรื่องขึ้นมากมายเสียแล้ว
ณ หอแสงอุดร
เวลานี้คนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรที่ย้ายกลับมากลุ่มหนึ่งรวมตัวกัน แต่ละคนสีหน้าขัดเคือง กำลังโมโหโวยวาย
“รังแกกันมากไปแล้ว! รังแกกันมากไปแล้ว! ลูกหลานตระกูลจั่วกับตระกูลฉินพวกนั้น เหลือแต่วิ่งเข้ามาทำตัวเหิมเกริมบนภูเขาชำระจิตแล้ว!”
“ที่น่าโมโหที่สุดก็คือลูกหลานของสามตระกูลรองธารประจิม คานเมฆา และยอดวายุ พวกเขากลับติดปีกให้เสือ ร่วมสำแดงพลัง ทั้งยังลงมือทำร้ายน้องอวิ๋นเหวิน ช่าง…ช่างขายหน้าตระกูลหลินของเรานัก!”
เมื่อหลินสวินมาถึงก็เห็นว่าสถานการณ์ชุลมุน แต่ละคนต่างโมโหเดือดดาล แค้นจนกัดฟันกรอด
เกี่ยวข้องกับตระกูลจั่วและตระกูลฉินหรือนี่
ดวงตาสีดำของหลินสวินฉายแววเย็นเยียบ เขาไม่ร่ำไร เข้าไปในหอแสงอุดร เขารับรู้ได้ว่าพวกหลินจง พญาแร้งและเสี่ยวเคอล้วนอยู่ที่หอแสงอุดรในเวลานี้
“เอ๊ะ น้องหลินสวินออกด่านเลิกเก็บตัวแล้ว!”
มีคนเห็นหลินสวิน พลันดึงดูดเสียงฮือฮาไปทั่ว ลูกหลานตระกูลหลินแห่งแสงอุดรเหล่านั้นเหมือนหาที่พึ่งเจอ ร่ำร้องทุกข์ทน
“น้องหลินสวิน เจ้าปรากฏตัวจนได้ ภูเขาชำระจิตของพวกเราตอนนี้ถูกผู้อื่นรังแกอย่างน่าสังเวชแล้ว!”
“ใช่แล้ว เจ้าต้องทำอะไรสักอย่าง ออกตัวแทนทุกคน หลายวันนี้พวกเราอึดอัดจะแย่แล้ว”
“ฮือๆๆ ในที่สุดพี่หลินสวินก็กลับมาแล้ว ช่างดียิ่งนัก”
มีเด็กสาวอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งสะอึกสะอื้นขึ้นมา
เพียงดูสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้ว่า ในช่วงเวลานี้บนภูเขาชำระจิตต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ทำให้ทุกคนล้วนแค้นเคืองและลำบากใจอยู่เต็มอก
“ทุกท่าน รอหลังข้าเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างแล้วจะตัดสินใจเอง!”
หลินสวินสูดหายใจลึก เอ่ยปากเสียงขรึม
เขาพูดจบก็หันกายเดินเข้าไปในโถงหลักของหอแสงอุดร
กลางโถงใหญ่โต บรรยากาศในเวลานี้กลับหนักอึ้ง บนพื้นมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งนอนราบอยู่ ทั้งร่างโชกเลือด หมดสติยังไม่ฟื้น
ชื่อเซวี่ยอยู่ข้างกายช่วยเด็กหนุ่มรักษาบาดแผล
เขาเป็นผู้ฝึกปราณสายแพทย์ในสนามรบผู้หนึ่ง ทั้งยังเป็นหมอยาที่โดดเด่น เมื่อเห็นว่าขนาดชื่อเซวี่ยยังถูกเรียกมา แค่คิดก็รู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นต้องได้รับบาดเจ็บหนักอย่างยิ่งยวดแน่!
รอบด้าน พญาแร้ง เสี่ยวเคอ หลินจง รวมถึงบุคคลระดับสูงของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรบางคนล้วนสีหน้าอึมครึม กำลังพูดคุยอะไรกันอยู่
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เมื่อหลินสวินเดินเข้ามาก็เห็นภาพเช่นนี้แล้ว
“นายน้อย ท่านกลับมาแล้ว!”
หลินจงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
พญาแร้งกับเสี่ยวเคอก็พากันหันหน้ามา ใบหน้าเผยแววยินดี
ครั้งนี้หลินสวินปิดด่านเก็บตัวจะสองเดือนแล้ว ไม่ถือว่ายาวนาน แต่ในช่วงเวลานี้เกิดเรื่องขึ้นไม่น้อย ทำให้พวกเขายากจะตัดสินใจ ในใจย่อมรอคอยให้หลินสวินปรากฏตัวเร็วขึ้นหน่อย
“อืม ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้น”
หลินสวินขมวดคิ้วถาม เขาไม่มีกะจิตกะใจมาบอกเล่าเรื่องราวที่พบเจอ ทุกอย่างที่เห็นเมื่อกี้ทำให้เขารับรู้ได้ว่าช่วงนี้ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นแน่
หลินจงถอนหายใจยาว สีหน้าทั้งขุ่นเคืองทั้งจนใจ ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี
“ให้ข้าพูดเถอะ”
พญาแร้งนั่งอยู่บนรถเข็น ดวงตากระจ่าง เอ่ยเสียงเรียบ
ที่แท้หลังงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินี เนื่องจากหลินสวินบังคับให้หลิงเทียนโหวจ้าวจิ่งอิ้นคุกเข่าในการประลอง ก่อให้เกิดความครึกโครมไปทั้งนครต้องห้าม
หลายคนล้วนคิดว่า การกระทำนี้ของหลินสวินอันธพาลป่าเถื่อนเกินไป ล่วงเกินราชวงศ์อย่างร้ายแรงยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์