นั่นคือสิ่งที่จะปรากฏหลังจากเลือดลมผ่านการหลอมจนอยู่ในระดับที่น่ากลัวแล้ว
ผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งตามอยู่ข้างหลังชายหนุ่ม มีทั้งหญิงทั้งชาย ราวกับหมู่ดาวที่ชื่นชมพระจันทร์ ยิ่งทำให้เขาดูไม่ธรรมดา
จั่วหยาง!
ในบริเวณนั้นคนมามายต่างรู้ฐานะของชายหนุ่มชุดคลุมม่วง เป็นอัจฉริยะโดดเด่นในรุ่นหนุ่มสาวของตระกูลจั่ว พรสวรรค์ล้ำเลิศ ราวกับมังกรในหมู่มวลมนุษย์
ผู้คุ้มกันที่ตามอยู่ข้างหลังจั่วหยางก็เป็นคนตระกูลจั่วอย่างไม่ต้องสงสัย!
ตระกูลจั่ว เป็นหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งเจ็ด อำนนาจล้นฟ้า รากฐานแข็งแกร่ง ปัจจุบันในตระกูลยังมีราชันระดับสังสารวัฏเป็นแกนหลัก!
พอเห็นกลุ่มพวกเขาปรากฏตัวขึ้น พวกเสี่ยวเคอและพญาแร้งต่างเผยสีหน้าหนักใจ ตัวบงการที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังมาแล้ว
“อาหก หยุดก่อน!”
ทันทีที่จั่วหยางมาถึงก็เงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อมออกคำสั่ง
ตูม!
ชายชราร่างผอมที่กำลังสู้กับหลินจงอย่างดุเดือดพลันคำราม ปลีกตัวออกจากการต่อสู้ กลับไปอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มชุดม่วง
เห็นชัดว่าชายชราร่างผอมเป็นอาหกของจั่วหยาง
“ฉินอัน เจ้าก็กลับมา”
ในอีกฝั่งหนึ่ง มีเสียงทุ้มต่ำหนักแน่นราวกับเหล็กดังขึ้น พร้อมกันนั้นชายหนุ่มที่บุคลิกสง่างามคนหนึ่งก็ก้าวเท้าเข้ามา
รอบตัวเขากำจายกลิ่นอายราวกับโลหะ ดวงตาสาดประกายดั่งดวงดาว ย่างก้าวหนักแน่นมั่นคง มีความสงบเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์
ข้างหลังชายหนุ่มก็มีผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งคอยติดตามเช่นเดียวกับจั่วหยาง
ฉินซิง!
ทายาทรุ่นหลังของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงตระกูลฉิน เป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งนครต้องห้ามมาเนิ่นนานแล้ว มีคุณลักษณะพรสวรรค์ ‘กายพรตกระดูกทอง’ พลังแฝงยากคาดเดา
สีหน้าของพวกพญาแร้ง เสี่ยวเคอยิ่งหนักใจขึ้นไม่น้อย กำลังของตระกูลฉินก็ปรากฏตัวแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้จะเกิดคลื่นลมใหญ่เสียแล้ว
“ลุงจง จูเหล่าซาน พวกเจ้าก็กลับมาเถอะ”
หลินสวินพูดขึ้น สีหน้าสงบราบเรียบ เขาไม่รู้จักจั่วหยางและฉินซิง แต่ก็สามารถคาดการได้ว่าอีกฝ่ายมาจากตระกูลจั่วและตระกูลฉิน!
ศึกกลางอากาศจบลง จูเหล่าซานและหลินจงยืนอยู่ด้านหลังหลินสวิน
สีหน้าของหลินจงแฝงความกังวล
จูเหล่าซานยังคงเงียบดังเดิม
แต่ฝั่งตรงข้าม คนกลุ่มหนึ่งของตระกูลจั่วและคนอีกกลุ่มของตระกูลฉินได้เข้ามาอยู่ในบริเวณนี้แล้ว พลันกลายเป็นภาพที่ยืนประชันหน้ากันสามฝ่าย
ทว่าทุกคนต่างรู้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจั่วและตระกูลฉินว่าเป็นพันธมิตรกัน จะเล่นงานหลินสวินฝ่ายเดียว!
เสี่ยวเคอ พญาแร้งรวมทั้งตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่างตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา รู้ว่าภัยคุกคามที่แท้จริงมาเยือนแล้ว
หลินจือและตระกูลสายรองของตระกูลหลินก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ฆ่าไปแล้วก็เป็นความขัดแย้งภายในของตระกูลหลิน
แต่การปรากฏตัวของขุมอำนาจอย่างตระกูลจั่วและฉิน หมายถึงศึกในครั้งนี้ได้ยกระดับไปถึงสถานการณ์ที่เริ่มขัดแย้งกับศัตรูภายนอกแล้ว
ตระกูลจั่วและตระกูลฉิน!
ทั้งสองตระกูลล้วนอยู่ในอันดับของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง หยั่งรากมายาวนานล้นฟ้า มียอดฝีมือนับไม่ถ้วน อิทธิพลครอบคลุมไปทั่วนครต้องห้าม เป็นขุมอำนาจหนึ่งที่ทั้งจักรวรรดิยำเกรงดุจดั่งสัตว์มหึมา
ภูเขาชำระจิตใจตอนนี้ แม้แต่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นล่างยังเป็นไม่ได้ เทียบเพียงแค่นี้ก็ชวนให้รู้สึกสิ้นหวังและหมดกำลังใจแล้ว
“เจ้าก็คือหลินสวินหรือ เดิมคิดว่าเจ้าจะเป็นเต่าหดหัวอยู่ในภูเขาชำระจิตไม่กล้าออกมา ไม่คิดเลยว่าทันทีที่ปรากฏตัวก็ฆ่าคนในตระกูลหลินของพวกเจ้าเองซะแล้ว วิธีนี้ถือว่าเปิดโลกทัศน์ของข้าจริงๆ”
จั่วหยางพูดขึ้น มือทั้งคู่ไขว้หลัง สีหน้าราบเรียบเผยความมั่นใจ น้ำเสียงหยอกล้อเหมือนกำลังเสียดสี
“นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลหลิน เกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้ายุ่งเรื่องของตระกูลหลิน ไม่กลัวโดนฆ่าหรือไง”
หลินสวินย้อนถาม สีหน้าของเขาเรียบเฉย คำพูดยิ่งไม่มีความเกรงใจ
ทำให้พวกเสี่ยวเคอ พญาแร้งต่างหัวใจสะท้าน ตระหนักได้ว่าวันนี้หลินสวินหมดความอดทนแล้วจริงๆ ไม่ว่าอะไรก็ไม่สนทั้งสิ้น ต้องการระบายความโกรธเท่านั้น
“แบบนี้…จะดีหรือ”
เสี่ยวเคออดถามไม่ได้
“ก่อนหน้านี้ก็อยู่ในสถานการณ์จนมุมแล้ว ยามนี้หลินสวินจะใช้พลังพลิกสถานการณ์ ถือเป็นวิธีอย่างหนึ่ง เพียงแต่ความเสี่ยงค่อนข้างสูง”
พญาแร้งสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตากระจ่างฉายประกายแห่งปัญญา
“บังอาจ! กล้าเสียมารยาทกับนายน้อยตระกูลข้า ยังไม่รีบขอโทษอีก อยากตายหรือไง”
ตอนที่ได้ยินคำพูดของหลินสวิน ผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านหลังจั่วหยางล้วนเดือดดาล พลันตะเบ็งเสียงด่าทอ
นี่คือหน้าภูเขาชำระจิต เป็นอาณาเขตของตระกูลหลิน ทว่าแม้แต่ผู้คุ้มกันเหล่านี้ยังกล้าส่งเสียงด่าว่าหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าตระกูลจั่วจองหองเพียงใด
“เป็นแค่หมารับใช้ฝูงหนึ่ง ถ้ายังกล้าเห่าอีก วันนี้พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากที่นี่”
หลินสวินพูดเรียบๆ ทำให้เหล่าผู้คุ้มกันโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี เด็กนี่บ้าคลั่งเกินไปแล้ว หรือเขาไม่มีตา ดูสถานการณ์ไม่ออก
“เด็กเมื่อวานซืน เจ้ารนหาที่ตาย!”
อาหกของจั่วหยางเองก็โมโห แผ่อานุภาพชวนกดดัน
“หมาแก่ คนที่รนหาที่ตายคือเจ้า”
ดวงตาสีดำขลับของหลินสวินเย็นเยียบ “ยุ่งเรื่องภายในตระกูลหลินไม่เท่าไร ยังกล้ามาอวดดีกับข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตัดลิ้นเจ้า”
เฮือก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์