บริเวณนี้ราวกับภูเขาไฟระเบิด เกิดความปั่นป่วนรุนแรง อานุภาพสะเทือนฟ้า
ท่ามกลางความปั่นป่วน ชายชรารูปร่างผอมแห้งเบ้าตาลึกปรากฏตัวขึ้น กลิ่นอายสัจจะมหามรรคของระดับหยั่งสัจจะกำจายไปทั่วตัว
ในฝุ่นควันคละคลุ้งปรากฏเงาร่างของหลินสวิน แต่กลับเห็นเสื้อผ้าของเขาพัดไหว ผมดำปลิวสยาย ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบ ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด
เฮือก!
เสียงสูดหายใจด้วยความตะลึงดังออกมาระลอกหนึ่ง
แม้แต่การโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะก็ยังถูกเด็กหนุ่มคนนี้ต้านทานไว้ได้หรือ ทอดสายตามองไปทั้งนครต้องห้ามนี้ มีสักกี่คนที่ทำได้แบบนี้
“ข้าดูถูกเจ้าเกินไป”
ความแปลกใจแวบผ่านเข้ามาในดวงตาของชายชราร่างผอม เขาพลันยิ้มเยาะ พุ่งตัวไปข้างหน้าหมายจะสังหารหลินสวินต่อ
“เจ้ากล้า!”
หลินจงพุ่งออกมา
ก่อนหน้านี้เขามีท่าทางซื่อๆ เรียบๆ พอออกศึกขึ้นมากลับประหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อกผายไหล่ผึ่ง เชิดหน้ามีสง่า ราวกับกวาดมองใต้หล้าเก้าหมื่นลี้ อานุภาพทะยานชั้นฟ้า
ทั่นฮวาม้าขาวเสิ่นจิงหลุน!
พญาแร้งตาเป็นประกาย ในที่สุดเจ้านี่ก็ลงมือแล้ว
เหล่าลูกหลานตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่างตะลึง คิดไม่ถึงว่าข้ารับใช้เก่าแก่ที่ปกป้องภูเขาชำระจิตมาโดยตลอดคนนี้ จะเป็นยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะ!
“อย่างเจ้าเนี่ยนะ คิดจะฆ่านายน้อยของข้า”
หลินจงเคลื่อนไหวกลางอากาศ ร่างกายสาดประกายแสงสีขาว เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ท่าทางทระนง ให้ความรู้สึกเกรียงไกรอย่างไม่มีใครเทียบได้อยู่รางๆ
เมื่อนานมาแล้วเขาคือทั่วฮวาหลางในการทดสอบระดับอาณาจักรเชียวนะ เป็นคนที่จักรวรรดิพระองค์ปัจจุบันยังชื่นชม ยามนี้ผ่านมานานเพียงนี้แล้ว ราวกับมังกรเก็บตัวได้กลับมาสู่โลกอีกครั้ง
สีหน้าของชายชราร่างผอมเปลี่ยนไปฉับพลัน พูดอย่างตะลึง “เจ้า…ยังไม่ตายงั้นหรือ!?”
“แค้นใหญ่ยังไม่ชำระ ไม่กล้าตาย”
เสียงของหลินจงเยียบเย็น นัยน์ตาเผยความโศกเศร้าที่ยากจะสังเกตเห็น เขาคุมเชิงอยู่ไกลๆ กีดขวางชายชราร่างผอมไว้
“ลุงจงฝากท่านด้วย ถ้าเจ้าแก่นี่กล้าลงมือก็ฆ่าเขาซะ!”
ระหว่างที่พูดหลินสวินก็ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งทะยานกลางอากาศ เข้าไปสังหารหลินจือต่อ ดูแข็งแกร่งผิดธรรมดรา
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้ากล้าเหิมเกริมไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
ชายชราร่างผอมคนนั้นบันดาลโทสะ ตวัดฝ่ามือจนอากาศแตกเป็นเสี่ยง พลังฝ่ามือสายหนึ่งพลุ่งพล่าน อัดแน่นด้วยพลังแห่งสัจจะมหามรรค
“หึ!”
หลินจงเองก็เคลื่อนไหวแทบจะในขณะเดียวกัน แต่ไม่เห็นว่าเขาจะกระทำอันใด ไอกระบี่แหลมคมมากมายพลันพุ่งขึ้นฟ้า เปล่งประกายราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน
ทันใดนั้นทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด สังหารจนฟ้าดินมืดสลัว อาทิตย์จันทร์อับแสง
“เจ้ากล้า…!”
ในเวลาเดียวกันนั้นหลินจือกรีดร้อง สีหน้าซีดเซียว คิดไม่ถึงเลยว่าขนาดผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะลงมือ ยังไม่สามารถทำให้หลินสวินกลัวได้
อีกทั้งเขายังทำทีเหมือนว่าถ้าไม่ได้ฆ่าตนจะไม่ยอมรามือ ทำให้หลินจือกระวนกระวายใจ
“เหอะๆ กากเดนเล็กๆ คนหนึ่งของตระกูลหลิน ภัยมาเยือนแล้วยังไม่รู้ตัว ยังไม่มัดมือตัวเองรอความตายอีก จะชักช้าไปถึงเมื่อไร”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะหยันสนั่นฟ้าอีกเสียงก็ดังขึ้น สะเทือนราวกับฟ้าผ่า ทำให้ผู้ฝึกปราณจำนวนไม่น้อยในบริเวณนั้นเกิดเสียงวิ้งๆ ในหู สั่นสะท้านขวัญบิน หวาดกลัวอย่างควบคุมไม่อยู่
ระดับหยั่งสัจจะอีกคน!
นี่เป็นชายในชุดคลุมสีดำ ดวงตาเฉียบคมราวกับคมดาบ เมื่อปรากฏกาย พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งเข้าหาหลินสวิน
“ผู้อาวุโสฉินอัน!”
หลินจือรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที ท่านนี้เป็นถึงระดับหยั่งสัจจะของตระกูลฉิน มีชื่อเสียงมานานปี ตอนนี้เป็นผู้ติดตามฉินซิง คอยรักษาความปลอดภัยให้อีกฝ่าย
“หลินสวินเจ้าตายแน่!”
หลินจือร้องตะโกน ท่าทางกลับมาโหดเหี้ยมเหมือนเดิม
กลับเห็นว่าหลินสวินไม่เคยถอย ยังคงพุ่งเข้ามาสังหาร เพียงแต่ปากกลับออกคำสั่งว่า “จูเหล่าซาน ถึงคราวเจ้าลงมือแล้ว ไม่ต้องออมมือ ใครขวางฆ่าให้หมด!”
ตูม!
จูเหล่าซานไม่เอ่ยอะไรสักคำ ร่างสูงใหญ่กำยำดั่งขุนเขาพุ่งวาบเข้าไปทันที ราวกับเทพสังหารที่ยกทัพจับศึกพิชิตนรก
ปังๆๆ… ห้วงอากาศบริเวณนี้ระเบิดทลายพร้อมกับการปรากฏตัวของเขา ราวกับต้านทานไอสังหารและความกระหายเลือดในตัวเขาไม่ไหว
พลังอันน่าสะพรึงกลัวนั่นทำให้ทุกคนที่เฝ้ามองห่างออกไปรู้สึกหนังหัวชาวาบ จิตวิญญาณสั่นสะเทือน แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
“หืม?”
ฉินอันในชุดคลุมดำเองก็อดหรี่ตาไม่ได้ รู้สึกแปลกใจ ช่างเป็นไอสังหารที่รุนแรงมาก
โครม!
กลับเห็นว่าจูเหล่าซานไม่เสียเวลาพูดมาก รุ้งศักดิ์สิทธิ์สีเลือดพุ่งออกมา แปรเป็นเงาดาบเต็มท้องฟ้า ขวางกั้นกลางอากาศ โจมตีสังหารออกไป
เขาเคร่งขรึมจริงจัง ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก มีพลานุภาพแห่งการสังหารที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดแบบหนึ่ง
“นี่…”
หลินจือที่เดิมทีกำลังย่ามใจ คิดว่าในที่สุดก็รอดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงพริบตาสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ทำให้นางเองยังอึ้งงันไม่น้อย
และในตอนนี้เองหลินสวินก็พุ่งเข้ามา!
ตูม!
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลินจือคนนี้ก็ถือเป็นคนเก่งกาจ นางตกอยู่ในอันตรายทว่ากลับไม่หนี แต่กัดฟันชิงลงมือก่อน
ผนึกสีทองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นฉับพลัน แผ่กระจายแสงวิญญาณ สัตว์ปีศาจตัวหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง พุ่งเข้าไปสังหารหลินสวิน
ผนึกอสูรเถาอู้!
และถือเป็นสมบัติประหลาดชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นสมบัติโบราณที่มีชื่อเสียงในอดีตกาล เพียงการโจมตีเดียวภูผาธาราก็ทลาย อาทิตย์จันทร์แหลกละเอียด จักรวาลล่มสลาย อานุภาพล้นฟ้า
แต่ที่อยู่ในมือหลินจือแน่นอนว่าไม่ใช่ผนึกอสูรเถาอู้ของจริง เป็นเพียงของเลียนแบบ แข็งแกร่งกว่าอาวุธวิญญาณเล็กน้อย อานุภาพพอๆ กับสมบัติวิญญาณ
แน่นอนว่าย่อมทำอะไรหลินสวินไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์