พวกเขาไม่มีวิธี อยากจะโจมตีแต่ก็กลัวอีกฝ่ายทำร้ายคนของตน จั่วหยางและฉินซิงสำคัญเกินไป เป็นทายาทสายตรงของตระกูล ฐานะไม่ธรรมดา
และยามนี้ทั้งสองถูกคุมตัวกลับภูเขาชำระจิต ทำให้พวกเขาจำต้องกลับตระกูลไปก่อนเพื่อรายงานข่าวนี้ แล้วค่อยฟังการตัดสินใจของเหล่าผู้อาวุโส
บนภูเขาชำระจิต เหล่าคนหนุ่มสาวต่างกำลังร้องดีใจและตื่นเต้น
ช่วงก่อนหน้านี้ศัตรูดักอยู่หน้าประตูใหญ่ภูเขาชำระจิต ต่างท้าทายและเย้ยหยัน ทำให้พวกเขาทั้งอัดอั้นทั้งขึ้งโกรธ แต่ทำได้เพียงกัดฟันทน
ทว่าวันนี้หลินสวินออกจากการปิดด่านฝึก ฆ่าหลินจือและคนอื่นๆ อีกนับสิบคนอย่างแข็งกร้าวราวกับเทพสังหาร หลังจากนั้นยังจับตัวจั่วหยางและฉินซิงได้ในครั้งเดียว วิธีเผด็จการที่เด็ดเดี่ยวแบบนี้ ทำให้บรรดาคนหนุ่มสาวต่างร้องโห่อย่างสะใจ นี่เท่ากับระบายความแค้นให้พวกเขาได้ยกใหญ่
มีเพียงเหล่าผู้อาวุโสที่สีหน้าแฝงความกังวล รู้ว่าตอนนี้อาจจะสะใจ แต่สถานการณ์ของภูเขาชำระจิตกลับอันตรายขึ้นกว่าเดิม
ในตำหนักภูเขาชำระจิต
เสี่ยวเคอ พญาแร้ง หลินจง จูเหล่าซานและบุคคลเบื้องบนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ยามนี้ต่างมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้
“เฮ้อ ค่อนข้างยุ่งยากแล้ว พวกเราคุมตัวจั่วหยางและฉินซิงไว้ ตระกูลจั่วและฉินไม่หยุดแค่นี้แน่”
คนวัยกลางคนคนหนึ่งจากตระกูลหลินแห่งแสงอุดรถอนหายใจ
“หลินจือตายอย่างอนาถ กลุ่มผู้ฝึกปราณที่ติดตามมาก็ถูกฆ่า หากขุมอำนาจสายรองอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุรู้เข้า ผลลัพธ์นั้นไม่อยากจะคิด”
“ทำอย่างไรดี”
“หลินสวินใช้อารมณ์เกินไปแล้ว แบบนี้แหละที่เรียกว่าเรื่องเล็กไม่ยอมอดทนจะเสียงานใหญ่ เขาทำเช่นนี้เท่ากับแตกหักกันเชียวนะ”
เหล่าผู้อาวุโสจากตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่างเปิดปาก สีหน้าแฝงความกังวลและหนักใจ หายใจไม่ทั่วห้อง
ส่วนเสี่ยวเคอ พญาแร้ง หลินจงและจูเหล่าซานต่างนิ่งเงียบไม่พูดจา
ทว่าพวกเขาต่างฟังออกว่า คนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรพวกนี้ไม่พอใจการกระทำของหลินสวินอย่างเห็นได้ชัด บ่นจู้จี้จุกจิก
“สิ่งที่รุนแรงที่สุดคือ ทีแรกในงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินี หลินสวินได้ล่วงเกินอำนาจของราชวงศ์และคนใหญ่คนโตในจักรวรรดิ วันนี้ก็มาหักหน้าตระกูลจั่วและฉินอย่างสิ้นเชิง สถานการณ์นี้รุนแรงเกินไปแล้ว หากไม่ระวังอาจเจอกับจุดจบที่ต้องพังพินาศ”
ชายผมยาวดำสนิท ท่าทางเคร่งขรึมพูดขึ้น
เขาชื่อหลินไหวเหริน เป็นน้องชายของหลินไหวหย่วนหัวหน้าตระกูลหลินแห่งแสงอุดร มากด้วยบารมี ยามนี้มาอยู่บนภูเขาชำระจิต ก็ถูกจัดให้เป็นตัวแทนดูแลเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับตระกูลหลินแห่งแสงอุดร
“จะทำอย่างไรดี”
พวกคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรถอดหายใจอีกระลอก
“ทุกท่าน เชื่อว่าที่นายน้อยทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะใช้อารมณ์แน่ บางทีอาจมีจุดประสงค์อื่นที่เราไม่รู้”
หลินจงอดพูดไม่ได้
“มีจุดประสงค์อื่นงั้นหรือ”
หลินไหวเหรินอึ้ง สายตามองไปที่พญาแร้ง
พญาแร้งเองก็ไม่เงียบอีก เอ่ยปากอย่างราบเรียบ “รอหลินสวินมาค่อยถามรายละเอียดก็จะรู้เอง”
“หึ เขาเพิ่งออกจากการปิดด่านฝึกตน ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ด้วยซ้ำก็สร้างเรื่องวุ่นวายขนาดนี้แล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะวางแผนอะไรไว้ ข้าว่านะ หลินสวินก็แค่ก่อเรื่องไปตามประสาเด็ก!”
มีคนแค่นเสียงอย่างเย้ยหยัน เป็นคนชราผมขาว ชื่อว่าหลินจื่อฝาง
เขาอายุมากแล้ว ถือว่าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร แม้พลังปราณจะอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น แต่คุณวุฒิกลับสูงมาก
เห็นเขาต่อว่าหลินสวิน แม้พวกหลินจง พญาแร้งต่างขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
“ข้าว่านะ เดี๋ยวหลินสวินมาจะต้องเคาะกะโหลกเขาสักที หยกไม่เจียระไนก็ไร้ค่า หากเขาก่อเรื่องแบบนี้ต่อไป สักวันภูเขาชำระจิตจะต้องล่มจม!”
หลินจื่อฝางสีหน้าเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับการกระทำของหลินสวินอย่างที่สุด
“นี่…”
หลินจงพูดขึ้น “เหมือนจะไม่เหมาะกระมัง”
หลินจื่อฝางใบหน้าขรึม “หลินจง เจ้าก็ถือเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหลิน ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้อีกหรือ หลินสวินก่อเรื่องเช่นนี้เจ้ายังจะปกป้องเขา นี่ต่างอะไรกับการทำร้ายเขาหรือ”
ไม่รอให้คนอื่นๆ พูด หลินจื่อฝางก็พูดขึ้นอย่างโมโห “ถ้ารู้แต่แรกว่าเด็กคนนี้ใช้การไม่ได้แบบนี้ ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของข้าจะไม่สนับสนุนเขาเด็ดขาด ดูตอนนี้สิ เพราะเขาทำผิด ทำให้ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรของพวกข้าต้องเดือดร้อนไปด้วย!”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น บรรยากาศภายในห้องโถงก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นทันที
หลินไหวเหรินและพวกคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรสายตาวูบไหว สีหน้าดูแปลกประหลาด
ส่วนพวกเสี่ยวเคอ พญาแร้ง หลินจงต่างขมวดคิ้วโดยพร้อมเพรียงกัน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ หลินจื่อฝางจะพูดจาเช่นนี้!
“ตอนภูเขาชำระจิตผงาดขึ้นมา พวกเจ้าย้ายกลับมาอย่างดีใจ ยามนี้เพียงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเล็กน้อย พวกเจ้าก็บ่นเพียงนี้แล้ว ไม่รู้สึกว่าเกินไปหน่อยหรือ”
เสี่ยวเคอหมดความอดทน พูดเสียงเย็นออกมา
“บังอาจ! นี่มันเรื่องภายในตระกูลหลินของข้า ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างเจ้าจะมาจุ้นจ้านหรือ”
หลินจื่อฝางด่าว่าเสียงเฉียบขาด
“เสี่ยวเคอ อย่าได้พูดมาก”
พญาแร้งห้าม
ถ้าเป็นปกติเสี่ยวเคอจะต้องฟังพญาแร้ง แต่วันนี้นางทนดูต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ หลินจื่อฝางคนนี้ใช้ความเป็นผู้อาวุโสเข้าข่ม เจอปัญหาก็ไม่รู้จักคิดหาวิธีแก้ไข แต่กลับมาตำหนิและกล่าวโทษหลินสวิน น่าชิงชังชะมัด
“เจ้าก็รู้นี่ว่านี่เป็นเรื่องของตระกูลหลินของพวกเจ้า แต่ข้าดูไม่ออกเลยว่าเจ้าเห็นหลินสวินเป็นผู้นำตระกูลหลินจริงๆ!”
เสี่ยวเคอโต้กลับอย่างเย็นชา
หลินจื่อฝางโกรธจนหน้าเขียวทันที “สาวน้อย เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับผู้อาวุโสเช่นข้า เชื่อไหมว่าข้าจะไล่เจ้าออกจากภูเขาชำระจิตเดี๋ยวนี้เลย”
“ไล่ข้างั้นหรือ”
มุมปากเสี่ยวเคอเผยรัศมีโค้งอันเยียบเย็น
เพียงแต่นางเพิ่งจะอ้าปากพูดก็ถูกพญาแร้งห้ามปรามเอาไว้ “หยุดเถียงกันได้แล้ว…”
ทว่าไม่รอให้พญาแร้งพูดจบ หลินจื่อฝางก็กล่าวตัดบทอย่างแข็งกร้าวเป็นที่สุด “ภูเขาชำระจิตเป็นมรดกที่บรรพบุรุษตระกูลหลินของข้าสืบต่อกันมา ไม่ใช่พื้นที่ของคนนอกอย่างพวกเจ้า! วันนี้หากเจ้าไม่ขอขมาข้า ก็ไสหัวออกจากภูเขาชำระจิตได้เลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์