ก่อนหน้านี้ยามกู้อวิ๋นถิงไต่ขึ้นกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณก็ทำให้พวกเขาตื่นตกใจแล้ว แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่าเพียงไม่นาน ป้ายหินเก่าแก่โบราณจะเกิดปรากฏการณ์ประหลาดอีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นปรากฏการณ์ประหลาดครานี้ยังพิเศษเป็นอย่างมาก ตลอดหลายพันปีมานี้ล้วนไม่มีระบุไว้ ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกตกใจพิศวง
ทางเดินบุปผชาติร่วงหล่น แสงประกายทองทะลุผ่านฟ้าดิน สิ่งเหล่านี้สื่อถึงสิ่งใดกัน
ตึง!
ทันใดนั้นบนป้ายหินเก่าแก่โบราณพลันเกิดเสียงธรรมโบราณดั่งเสียงจากสวรรค์ก้องขึ้นอีกครั้ง เติมเต็มกลิ่นอายแห่งกาลเวลา ลึกลับซับซ้อนเกินคาดเดา
เห็นแสงประกายถาโถม แสงศักดิ์สิทธิ์แผ่คลุมไปทั่ว ราวกับธารน้ำตกแห่งมหามรรคไหลรินพาดผ่านป้ายหิน ฟองคลื่นแต่ละระลอกล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายพลังแห่งสัจจะอันลึกลับมหัศจรรย์เหลือประมาณ
“เสียงดังขึ้นครั้งที่สามแล้ว ปรากฏการณ์ประหลาดจากฟากฟ้านี้ยิ่งงดงามขึ้นทุกที!”
“เหตุใดแต่ก่อนไม่เคยได้ยินว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น”
“แปลกประหลาด บนป้ายหินยังคงเป็นกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ ไม่มีร่องรอยกระดานรวมให้เห็นเพียงนิด…”
เจตจำนงอันน่าหวาดกลัวเหล่านั้นล้วนตกใจ ยากคาดเดามากยิ่งขึ้น
ถึงขนาดพวกสืออวี่ หนิงเหมิงและบรรดาลูกศิษย์สาขายุทธ์วิถีต่างตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น พวกเขาถูกเสียงธรรมอันน่าสะพรึงทำให้จิตใจเสียการป้องกัน หัวสมองพลันว่างเปล่า
ณ เวลานี้ ห้วงฟ้าเหนือสาขายุทธ์วิถีล้วนกังวานด้วยเสียงธรรมจากสวรรค์ที่เปี่ยมกลิ่นอายโบราณเก่าแก่แห่งกาลเวลา ก่อให้เกิดเสียงอื้ออึงและน่าประหลาดใจนานัปการ
เหล่าอาจารย์และบรรดาศิษย์ต่างหยุดทุกการกระทำ รู้สึกถึงความไหวหวั่นจากก้นบึ้งของหัวใจ มิอาจสงบจิตใจ ต่างพากันเงยหน้ามองไปยังจุดเดียวกัน… ยอดเขามหาสมุทรวิญญาณ!
ที่นั่นแสงทองย้อมโลก กลิ่นอายมหามรรคเปลี่ยนเป็นน้ำตกแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลหลั่งสู่โลกมนุษย์ ดุจดั่งแดนสุขาวดีแห่งเทพเซียน พาให้คนสั่นสะท้าน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ผู้คนมากมายต่างพิศวง
ตึง!
ไม่นานนักเสียงเสียงธรรมดังขึ้นเป็นครั้งที่สี่ ก้องสะท้อนกับป้ายหินเก่าแก่โบราณ ในระหว่างนั้นถึงขั้นเห็นปรากฏการณ์ประหลาดบุปผาสวรรค์โปรยปราย เทวรัศมีร่ายรำ ปทุมทองพรั่งพรู อริยะเทศน์ธรรม
ช่างโชติช่วงและสง่างามเหลือเกิน ทำให้เจตจำนงอันน่าหวาดกลัวเหล่านั้นต่างค่อยๆ จมสู่ความเงียบงัน ไม่อาจทำความเข้าใจได้
เวลานั้นไม่เพียงแต่สาขายุทธ์วิถีเท่านั้น สาขามังกรเร้น สาขายอดยุทธศาสตร์ สาขาสลักวิญญาณ สาขากลยุทธ์เทพ และอาณาเขตลึกลับยิ่งกว่านั้นต่างมีเสียงธรรมสะท้อนกังวานไปด้วย ดั่งมังกรครวญ ดุจหงส์ขับขาน ไอมงคลอบอวลฟ้าดิน!
บนทางศิลาครามเล็กๆ กู้อวิ๋นถิงในชุดขาวราวเทพเซียนปลีกวิเวกโดดเดี่ยวพลันหยุดชะงัก หันไปยังทิศที่ห่างไกล ดวงตาระยับดั่งประกายดาราคู่นั้นสาดประกายแสงเจิดจ้า ราวกับต้องการฉายส่องทุกความรางเลือน
จากนั้นเขาพลันตระหนก เป็นตำแหน่งของกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ!
หรือว่ายังมีผู้ไต่ขึ้นกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณตามตนมาอีก
กู้อวิ๋นถิงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันเงาร่างก็หายไปจากตำแหน่งเดิม
“เสียงธรรมก้องกังวาน สัจจะมหามรรคปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องสะท้านโลกขึ้นกระมัง”
ทั่วทั้งสำนักศึกษามฤคมรกตต่างตื่นตระหนก เสียงอื้ออึงดังทั่วทุกสารทิศ
ที่เชิงเขามหาสมุทรวิญญาณ ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าร่างผอมคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูๆ แล้วเหมือนคนธรรมดาสามัญทั่วไป สองมือไพล่หลังก้าวเท้าขึ้นมาทีละขั้น
“อา ไม่ยอมประทับชื่องั้นรึ”
ผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาซูบตอบ ดวงตาขุ่นมัว หางตาเต็มไปด้วยริ้วรอย ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน
แต่เมื่อเขาเงยมองไปยังป้ายหินเก่าแก่โบราณนั่น ดวงตาขุ่นมัวคู่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นลึกล้ำดั่งหลุมดำ ภายในเต็มไปด้วยรอยสลักลึกลับแห่งมหามรรคไหลเคลื่อน แหวกผ่านความว่างเปล่า เสมือนสามารถสอดส่องเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน!
“อย่าให้อึกทึกต่อไปอีกเลย”
ครู่หนึ่งผู้เฒ่าร่างผอมขมวดคิ้วมุ่น ชายเสื้อโบกสะบัด
การเคลื่อนไหวเพียงแผ่วเบา กลับเห็นท้องฟ้ากระเพื่อมเกิดลมกรรโชกในบัดดล พัดเอาชั้นเมฆกระจัดกระจายทั่วทิศ!
ประกายทองที่ถาโถมแผ่ลอย แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลร่วงปกคลุมล้วนราวกับถูกฝ่ามือใหญ่ที่มองไม่เห็นลบออกไป พริบตาพลันเลือนหายเหลือเพียงความว่างเปล่า ประหนึ่งว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ครืน
ขณะเดียวกันพลังไร้รูปร่างปกคลุมลงมาครอบคลุมทั่วบริเวณ ทันใดนั้นเสียงก้องสะท้อนทั้งหมดล้วนจางหายไป
ท้องฟ้าสีครามเงียบสงัด ป้ายหินเก่าแก่ยังคงอบอวลไปด้วยแสงประกายทอง แต่กลับไม่ยิ่งใหญ่ดังก่อนหน้า
“หืม?”
“ผู้ใดลงมือกัน”
“นี่… ทำไม… ท่าน… ท่านก็ถูกทำให้ตกตะลึงเช่นกันหรือ”
เจตจำนงน่าหวาดกลัวเหล่านั้นต่างจับจ้องมาทางนี้ กระทั่งสังเกตเห็นทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ทำให้พวกเขารู้สึกงงงวย
โดยเฉพาะเมื่อสังเกตเห็นผู้อาวุโสร่างผอมนั้น เจตจำนงน่าหวาดหวั่นเหล่านั้นคล้ายรู้สึกไม่อยากเชื่อ ตกอยู่ในความสั่นสะท้าน
“พวกเจ้าไปเสียเถอะ เรื่องในวันนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไป”
ผู้อาวุโสร่างผอมตอบอย่างแผ่วเบา
เพียงประโยคเดียวราวกับเมฆขาวลอยล่องบางเบา หากแต่เหมือนความประสงค์ที่มิอาจขัดขืน ทำให้เจตจำนงน่าหวาดกลัวเหล่านั้นพากันถอยกลับไปโดยไม่มีลังเล
ในเวลาเดียวกันนี้ผู้อาวุโสร่างผอมก็มาถึงยอดเขาแล้ว มองเห็นพวกสืออวี่ที่ตกอยู่ในภวังค์ และเห็นบรรดาศิษย์สาขายุทธ์วิถีเหล่านั้น
ท้ายที่สุดสายตาเขาหยุดลงที่ร่างของหลินสวินซึ่งยืนอยู่หน้าป้ายหิน
“ที่แท้เป็นเจ้าเด็กคนนี้นี่เอง…”
…
สภาพการณ์ของหลินสวินตอนนี้น่าแปลกมาก ราวกับจิตวิญญาณปรากฏช่องว่าง สายธารแห่งกาลเวลาไหลหลั่ง
ฟองคลื่นแต่ละระลอกประหนึ่งประวัติศาสตร์ตั้งแต่อดีตกาลจวบจนปัจจุบันกำลังล่องลอย โคจรตามวิถียากหยั่งถึง เลื่อนไหลไปยังสถานที่ห่างไกลซึ่งไม่มีใครรู้จัก
หลินสวินยืนตระหง่านบนระลอกคลื่นหนึ่ง ทวนกระแสน้ำขึ้นไป แววตาราวหวนนึกถึงอดีตแห่งกาลเวลา หมายจะไล่ตามประวัติศาสตร์แต่หนหลัง
เขาเห็นภาพเงาร่างมากมาย ล้วนสุกสกาวดั่งอาทิตย์ร้อนแรง ล่องลอยบนเกลียวคลื่นแต่ละระลอก ล้วนโดดเด่นจับตา ส่องแสงสว่างฟ้าดิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์