ผู้คนจำนวนมากในหอกิจวิญญาณล้วนสงสัยใคร่รู้
พลันเห็นหลินสวินตรงดิ่งมายังบริเวณที่แลกเปลี่ยนวัตถุดิบวิญญาณ ก่อนล้วงป้ายประจำตัวออกมาแล้วยื่นให้แก่ชายชราผู้หนึ่งที่เฝ้ายามสถานที่แห่งนี้ พลางกล่าวว่า “แลกเปลี่ยนเขาวัวขุย รบกวนผู้อาวุโสแล้ว”
ทันใดนั้นดวงตาชายชราพลันเบิกกว้าง หยัดตัวขึ้นพลางร้องอุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ “เจ้าทะลวงผ่านบันไดสวรรค์แล้วหรือ”
“บันไดสวรรค์อะไร”
ศิษย์บางกลุ่มฉงน
“ภูผาบันไดสวรรค์ ยอดเขาที่ประทับร่องรอยมหามรรคลูกหนึ่ง ลือกันว่าผู้ที่สามารถปีนขึ้นไปบนนั้นได้ ไม่มีใครไม่ใช่ผู้กล้าที่ร้ายกาจที่สุดในโลก ณ ตอนนั้น เพราะการทอดสอบบันไดสวรรค์นั้นยากเกินไป หลายร้อยปีมานี้ต่างไม่เคยมีใครสามารถเหยียบย่างขึ้นไปบนนั้นได้เลย”
ไม่นานก็มีคนเอ่ยอธิบาย พลันดึงดูดเสียงร้องอุทานตกใจทั่วบริเวณ
“ไม่ใช่กระมัง! หลินสวินคนนี้จะเหี้ยมหาญเกินไปแล้วกระมัง”
“ไม่ใช่เรื่องเท็จอย่างแน่นอน ไม่ได้ยินหรือ เขาต้องการแลกเปลี่ยนเขาวัวขุย จากที่ข้ารู้มา มีเพียงผ่านการทดสอบบันไดสวรรค์เท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติแลกเปลี่ยนสมบัติชิ้นนี้ได้”
“เมื่อวานเขาเพิ่งจะไต่ขึ้นอันดับหนึ่งของกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณไป วันนี้ยังทะลวงผ่านการทดสอบบันไดสวรรค์ที่หลายร้อยปีมานี้ไม่เคยมีใครทะลวงผ่านไปได้อีก นี่ยังจะให้ศิษย์สาขายุทธ์วิถีอย่างพวกเรามีชีวิตต่อไปอย่างไรกัน”
ภายในห้องโถงใหญ่เกิดเสียงอึกทึก สายตาทุกคู่ที่มองไปทางหลินสวินล้วนเจือแววกังขา มีท่าทีเหมือนมองดูสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น
แน่นอน นี่ดูเหลวไหลอย่างเห็นได้ชัด หลินสวินปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อยแห่งสาขาสลักวิญญาณคนหนึ่ง กลับมีความสามารถพลิกฟ้าถึงเพียงนี้ในด้านการฝึกยุทธ์ นี่เหมือนปีศาจตนหนึ่งชัดๆ ทำให้ผู้คนต่างไม่รู้ว่าควรใช้มาตรฐานอะไรไปเทียบวัดเขาแล้ว
หาตัวจับยากเกินไปแล้ว!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือปีนี้เขาเพิ่งอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น ก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างโดดเด่นทั้งในวิถีสลักวิญญาณและวิถียุทธ์แล้ว นี่มันพลิกฟ้าชัดๆ!
“ทะลวงผ่านแล้วจริงๆ…”
ชายชราตรวจสอบป้ายประจำตัวของหลินสวินสักพัก เมื่อแน่ใจว่าสิ่งที่หลินสวินกล่าวมานั้นเป็นความจริงก็พลันสติหลุด สั่นสะเทือนถึงขีดสุดอีกครั้ง
ท้ายที่สุดเขายื่นกล่องหยกดำขลับที่ปิดผนึกกล่องหนึ่งให้หลินสวิน ภายในนั้นบรรจุเขาวัวขุยเอาไว้หนึ่งอัน
“ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว”
หลินสวินผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์ มีเขาวัวขุยแล้ว ก็เท่ากับครอบครองวัตถุดิบวิญญาณหลักในการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณแล้ว ขอแค่รอเสิ่นทั่วเตรียมวัตถุดิบวิญญาณอื่นๆ ให้ครบ ก็จะสามารถดำเนินการหลอมอาวุธของเขาที่หอคอยหลอมวิญญาณชั้นเก้าแห่งนั้นได้เสียที
“ช้าก่อน”
ขณะที่หลินสวินกำลังเดินออกจากหอกิจวิญญาณก็ถูกคนขวางไว้เสียก่อน
อาภรณ์สีขาวยิ่งกว่าหิมะ แขนเสื้อพลิ้วไสว ผมดำนุ่มสลวยเปล่งประกายแวววาว ท่วงท่าเป็นสง่าเหนือปวงชน อิริยาบถแปลกแยกดั่งเซียนปลีกวิเวก เป็นกู้อวิ๋นถิงนั่นเอง!
เมื่อเห็นกู้อวิ๋นถิง บริเวณนี้ก็เริ่มปะทุขึ้น ศิษย์จำนวนมากต่างชะงักฝีเท้า สายตามองไปที่กู้อวิ๋นถิงอย่างคลั่งไคล้
หลินสวินอาจจะเจิดจ้าหาใดเปรียบ ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ศิษย์ของสาขายุทธ์วิถี แต่กู้อวิ๋นถิงนั้นต่างออกไป ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน เขาก็เลื่องชื่อระบือทั่วสำนักศึกษา กลายเป็นดวงอาทิตย์ส่องแสงที่เป็นเป้าสายตาของฝูงชน
และในปัจจุบันเขาปิดด่านห้าปี ครั้นออกด่านก็สะเทือนโลกหล้า ก้าวเดียวไต่ขึ้นกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณที่ประหนึ่งตำนาน บุคคลที่โดดเด่นเป็นสง่าถึงเพียงนี้ ย่อมกลายเป็นที่คลั่งไคล้ศรัทธาของผู้คนเป็นธรรมดา
“มีอะไรหรือ”
หลินสวินรู้สึกประหลาดใจโดยพลัน คิดไม่ถึงว่ากู้อวิ๋นถิงที่ปรากฏตัวด้วยท่าที ‘สูงเด่นเหนือปวงชน’ ผู้นี้จะถึงขั้นเป็นฝ่ายปรากฏกายอยู่ต่อหน้าตนก่อนได้
เพียงแต่หลินสวินไม่ได้มีความตื่นเต้นใดๆ ถึงขนาดเดาออกว่าสาเหตุที่เจ้าหมอนี่เป็นฝ่ายมาหาตนก่อน จะต้องมีข้อเรียกร้องอะไรเป็นแน่!
“ข้าต้องการเขาวัวขุย จะเอามันให้ข้าได้หรือไม่ วางใจเถิด ข้าจะชดเชยให้เจ้าในมูลค่าที่เท่ากัน”
กู้อวิ๋นถิงเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขายืนอยู่ตรงนั้น เห็นชัดว่าโดดเด่นเหนือฝูงชน อาภรณ์ขาวยิ่งกว่าหิมะ ท่วงท่าสง่าผ่าเผย
หลินสวิบลอบเอ่ยว่าตนเองทายถูกจริงๆ ด้วย
เขาส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิด “ขออภัย ข้าเองก็ต้องการเขาวัวขุยเช่นเดียวกัน”
หัวคิ้วกู้อวิ๋นถิงมุ่นเข้าหากันน้อยๆ “เจ้าน่าจะรู้ดี เดิมทีข้ามีโอกาสแลกเปลี่ยนเขาวัวขุยก่อนเจ้าเสียอีก”
หลินสวินพยักหน้า “นั่นน่ะสิ เจ้ากับข้าปีนขึ้นภูผาบันไดสวรรค์พร้อมกัน แต่น่าเสียดาย เจ้าช้าไปหนึ่งก้าว”
ได้ยินดังนั้นเหล่าศิษย์ในละแวกนั้นล้วนตื่นตระหนก ตระหนักว่าที่แท้เมื่อเร็วๆ นี้ ไม่เพียงแต่หลินสวินเท่านั้นที่ปีนขึ้นภูผาบันไดสวรรค์ แม้แต่กู้อวิ๋นถิงก็ทำได้ขั้นนี้แล้วเช่นเดียวกัน!
เรื่องราวที่ไม่เคยเกิดขึ้นในหลายร้อยปี มาวันนี้ถึงกับปรากฏขึ้นสองกรณีเลยเชียว!
ทันใดนั้นสายตาที่ศิษย์เหล่านั้นมองไปทางกู้อวิ๋นถิงก็แตกต่างไปจากเดิม ยิ่งคลั่งไคล้และเลื่อมใสมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เสียแรงที่สามารถอยู่ในกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ ไม่ให้โอกาสหลินสวินได้โดดเด่นเพียงลำพังเลยสักนิด
กลับเห็นกู้อวิ๋นถิงสะบัดแขนเสื้อ ในห้วงอากาศปรากฏกลุ่มแสงเจิดจรัสระยิบระยับขึ้นแถบหนึ่ง
ผู้คนทั่วลานตื่นตะลึงในทันที ต่างเบิกตากว้าง
นั่นเป็นถึงวัตถุดิบวิญญาณและยาวิญญาณหายากยิ่งในโลกมากกว่าสิบชนิด! มูลค่าของแต่ละชนิดล้วนไม่ด้อยไปกว่าเขาวัวขุยนั่นเลย!
อย่างหลินจือโลหิตที่สามพันปีกว่าจะงอกออกมาหนึ่งดอก สีแดงสดอวบอิ่ม เปล่งประกายแวววาม ย้อมห้วงอากาศให้เป็นสีแดง ส่งกลิ่นหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ผู้คนที่ได้ดอมดมล้วนรู้สึกประหนึ่งจิตวิญญาณมัวเมา
หรืออย่างเหล็กทองแดงแปดเหลี่ยม แค่ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือยังมีมูลค่ามหาศาล ถูกขนานนามว่าเป็นสิ่งล้ำค่าอัศจรรย์ของโลก แต่ชิ้นที่อยู่เบื้องหน้านี้มีขนาดใหญ่เท่ากับหนึ่งกำปั้น แค่คิดก็รู้ว่ามีมูลค่าน่าตกตะลึงเพียงใด
นอกจากนี้ของหายากมากมาย อาทิ หญ้าวิญญาณสุวรรณมรกต โป่งรากสนหยกชอุ่ม ดอกเก้าดาราพราวระยับเป็นต้น ทำเอาผู้คนมองจนตาลาย จับจ้องไม่หวาดไม่ไหว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์