“ไม่ใช่ข้าหาเรื่องพวกเขา พวกเขาต่างหากที่หาเรื่องข้าก่อน”
“เฮ้อ เจ้ายังเลือดร้อนนัก ล่วงเกินพวกเขาหนนี้ ผลที่ตามมาน่าเป็นห่วงนะ”
ระหว่างทางกลับสาขาสลักวิญญาณ เสิ่นทั่วถอนหายใจ ท่าทางดูเป็นกังวล เขาเองก็ตกตะลึงกับการกระทำเมื่อครู่ของหลินสวินเช่นกัน ไม่พูดถึงเรื่องกล้าสั่งสอนองค์หญิงหลิงหวง ยังลงมือสยบฉีอวี้ลงกับพื้น ความอาจหาญนี้ก็ช่างมากเกินไปแล้ว
หลินสวินกลับมีท่าทางผ่อนคลายอย่างไม่ยี่หระ กล่าวเนิบนาบ “ผู้อาวุโส ข้าเป็นฝ่ายถูกกระทำนะ ข้าไม่ได้ไล่บี้เอาผิดพวกเขาต่อก็เรียกได้ว่าใจกว้างแล้ว”
เสิ่นทั่วพลันยิ้มอย่างขมขื่น “โดยหลักการก็เป็นเช่นนี้ แต่ว่า…เจ้าไม่กังวลว่าจะถูกพวกเขาแก้แค้นหรือ”
หลินสวินกล่าวพลางเลิกคิ้ว “พวกเขายังกล้าทำตัวอันธพาลในสำนักศึกษามฤคมรกตเชียวหรือ”
“แน่นอนว่าไม่กล้า แค่พูดขำๆ น่ะ ที่นี่เป็นถึงสำนักศึกษามฤคมรกต อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้เป็นคนใหญ่คนโตของราชวงศ์มา ก็ไม่กล้ากระทำการอุกอาจหรอก”
“แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
หลินสวินยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโสท่านไม่ต้องกังวลใจไปหรอก นับตั้งแต่ข้าหลินสวินเข้านครต้องห้ามมาจนป่านนี้ ล่วงเกินคนไปไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว อย่างมากก็แค่ล่วงเกินเพิ่มมาอีกไม่กี่คนเท่านั้น”
เห็นหลินสวินมีท่าทางปล่อยไปตามยถากรรมแล้ว เสิ่นทั่วก็หัวเราะอย่างขมขื่นอีกระลอก เขาเริ่มไม่เข้าใจหลินสวินแล้ว ช่างใจกล้าเหลือเกินจริงๆ คล้ายกับไม่รู้ว่าความหวาดกลัวคืออะไร
กระทั่งย้อนกลับสาขาสลักวิญญาณแล้ว ทั้งสองจึงเริ่มเจรจาธุระกัน เสิ่นทั่วบอกหลินสวินว่าเขาได้ระดมพลังเพื่อแลกเปลี่ยนวัตถุดิบวิญญาณที่หลินสวินต้องการมาทั้งหมดแล้ว ไม่พ้นสามวันก็จะสามารถรวบรวมวัตถุดิบวิญญาณทั้งหมดได้ครบครัน
หลังจากรับทราบเรื่องเหล่านี้แล้ว หลินสวินก็ตัดสินใจโดยพลัน รุดหน้าไปยังชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณ เริ่มเตรียมการล่วงหน้าสำหรับการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณ!
……
และในวันนั้นเอง เรื่องที่หลินสวินกำราบฉีอวี้ ดุว่าองค์หญิงหลิงหวงก็แพร่สะพัดไปทั่วสำนักศึกษามฤคมรกต ทำให้เกิดคลื่นโกลาหลระลอกใหญ่ขึ้น
ใครก็ไม่คาดคิดว่าหลินสวินจะไม่ยอมอยู่อย่างสงบเงียบได้ถึงเพียงนี้ เพิ่งหวนกลับสำนักศึกษาวันแรก เขาก็สร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่ลานแสดงยุทธ์สาขายุทธ์วิถี โจมตีผู้กล้าอย่างพวกหลันอวี่ จินจู๋หลิว เซวียอวิ้นให้แตกพ่าย
และในวันเดียวกันนั้น เขาก็ไต่ขึ้นอันดับหนึ่งกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ บดบังรัศมีของศิษย์สาขายุทธ์วิถีทั้งหมดไปสิ้น
ส่วนวันที่สองเขาดุว่าองค์หญิงหลิงหวง กดฉีอวี้ให้คุกเข่ากับพื้นท่ามกลางสายตาที่จดจ้องของฝูงชน ช่างเอาแต่ก่อเรื่องเอะอะได้จริงๆ เชียว
“เจ้าหลินสวินคนนี้ไม่กลัวตายจริงๆ หรือ”
นี่คือคำถามข้องใจของทุกคน ไม่อาจเข้าใจได้เลยสักนิดว่าเหตุใดเขาจึงกล้าอาละวาดได้ถึงเพียงนี้ คล้ายกับไม่รู้จักหวาดกลัวมาแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ปาน
“ไม่ว่าอย่างไร ท้ายที่สุดหลินสวินก็เป็นผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่น่าทึ่งคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่มีฝีมือโดดเด่นในวิถีสลักวิญญาณ แม้แต่ด้านการฝึกยุทธ์ก็ยังมีความสามารถมากพอจะสยบผู้กล้าได้ทั้งกลุ่ม นี่มันปีศาจตนหนึ่งชัดๆ!”
และก็มีคนจำนวนมากที่รู้สึกปลงตกเช่นนี้ ก่อให้เกิดเสียงคล้อยตาม
“แน่นอน เดิมนึกว่าการที่เขาไต่ขึ้นอันดับหนึ่งบนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณได้ก็น่าตะลึงมากพอแล้ว ทว่าถัดไปอีกเพียงวันเดียวเท่านั้น เขาก็ทะลวง ‘การทดสอบบันไดสวรรค์’ ที่ไม่เคยมีใครทะลวงผ่านเป็นเวลาหลายร้อยปีได้ นี่มันน่าตกใจเกินไปแล้ว”
“ไม่เพียงเท่านี้นะ ไม่เห็นหรือว่าฉีอวี้ยังถูกเขากำราบด้วย ใช้พลังของผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณสู้ข้ามระดับใหญ่ ไม่เพียงแต่ไม่ปราชัย กลับยังสยบอีกฝ่ายไว้ได้ด้วย กวาดสายตามองไปทั่วทั้งสำนักศึกษามฤคมรกต จะมีสักกี่คนที่ทำได้”
“เฮ้อ เจ้าหมอนี่ช่างทำให้คนจนคำพูดได้จริงๆ นิสัยดุดันบ้าดีเดือดถึงเพียงนี้ แต่ความสามารถและพลังกลับน่าทึ่งเหนือธรรมดา ไม่อาจเข้าใจได้เลย”
หลินสวินโด่งดังอย่างสมบูรณ์แล้ว อย่างน้อยๆ ในสำนักศึกษามฤคมรกตแห่งนี้ ทุกทั่วหัวระแหงต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงวีรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเขา กระทั่งทำให้คนใหญ่คนโตไม่น้อยตื่นตะลึงไปด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์