Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 510

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 510 ทวนนี้ฝืนฟ้าตัดวิถี
ตอนที่ 510 ทวนนี้ฝืนฟ้าตัดวิถี
โดย
ProjectZyphon
เพียงแต่สิ่งที่เกินความคาดหมายคือ เมื่อคำพูดปฐมาจารย์สลักวิญญาณหลัวเฟิงเพิ่งจบลงไม่นาน ก็มีคนยิ้มเย็นชากล่าว

“ยุคสมัยแต่ละแผ่นดินมักปรากฏอัจฉริยบุคคล ผลงานต่างเล่าขานสืบมานับร้อยปี ข้ากลับอยากจะถามว่า อะไรที่เรียกว่าทำตัวเด่นเกินหน้าเกินตา”

ผู้ที่เอ่ยปากคือเหล่าโม่ ย้อนถามตรงไปตรงมา ทำให้ทุกคนตรงนั้นต่างรู้สึกคาดไม่ถึง ด้วยว่ามีคนโต้แย้งหลัวเฟิงกลับไป นี่พบเห็นได้ไม่มากนัก

สีหน้าหลัวเฟิงกลับนิ่งสงบ กล่าวเนิบช้า “เหล่าโม่ รอเจ้าหลอมชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งออกมาได้เมื่อไหร่ ค่อยมาถามคำถามนี้แล้วกัน”

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ คิดซักไซ้ไล่เลียงข้าหรือ เจ้ายังไม่มีสิทธิพอ!

“ข้าแค่กำลังบอกเจ้าว่า วันนี้เป็นงานแถลงของหลินสวิน หากเจ้าดูแล้วไม่เจริญตาก็จากไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องมานั่งเอาความอาวุโสเข้าข่มอยู่ตรงนั้น”

เหล่าโม่แค่นเสียง

ทุกคนต่างอดประหลาดใจอยู่บ้างไม่ได้ เดาได้เลยว่าระหว่างเหล่าโม่และหลัวเฟิงต้องมีเรื่องบาดหมางอะไรกันอยู่แน่ ถ้าไม่อย่างนั้นเหตุใดถึงได้โจมตีกันไปมาในสถานการณ์เช่นนี้

“เหล่าโม่!”

หลัวเฟิงสีหน้าขรึมขึ้นมาทันที น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นเยือก “ดูท่าแล้วเจ้าคงไม่พอใจข้ามากสินะ ทำไม หรือเจ้าคิดจะอาศัยโอกาสนี้สะสางบัญชีเก่า”

“ทำไมจะไม่ได้”

เหล่าโม่เองก็แสดงท่าทีแข็งกร้าว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นตึงเครียดชั่วขณะ ผู้คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างไม่คาดคิดว่าในงานแถลงนี้ ยังไม่ทันได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของ ‘อาสัญสลาย’ กลับเป็นว่ามีคนทะเลาะกันก่อนเสียแล้ว

“ทั้งสองท่านโปรดใจเย็นลงก่อน ทุกท่านต่างมาที่นี่เพื่อดูผลงานชิ้นเอกของปรมาจารย์หลินสวิน มีข้อสงสัยอยู่บ้างก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้”

บนยกพื้น ผู้ดำเนินงานหลีอันยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยปาก “อีกสักครู่หลังแสดงความมหัศจรรย์ของ ‘อาสัญสลาย’ ให้เห็นแล้ว เชื่อว่าทุกท่านต่างยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ยินความคิดเห็นจากปากของผู้อาวุโสหลัวเฟิงและผู้อาวุโสเหล่าโม่ เมื่อถึงเวลานั้นหวังว่าผู้อาวุโสแห่งแวดวงสลักวิญญาณอย่างท่านทั้งสองจะช่วยชี้แนะเพิ่มเติมด้วย”

คำพูดนี้พูดได้อย่างสวยงาม ล้อมกรอบทั้งสองคนไว้อย่างไร้ร่องรอย บอกเป็นนัยกับทั้งสองคนว่า ถ้าอยากถกเถียงกันรอหลังแสดงชุดศึกสลักวิญญาณจบแล้วก็ยังไม่สาย

“พี่หลัว เหล่าโม่ พวกท่านเห็นว่าอย่างไร”

เวลานี้ฮูหยินเป่าหวาก็เอ่ยปาก บุคลิกนุ่มนวลละมุนละไม

เหล่าโม่สีหน้าผ่อนคลายลงทันที พยักหน้าพลางตอบ “ได้ อีกครู่ข้าก็อยากลองดูว่าใครกันแน่ที่ทำตัวเด่นเกินหน้าเกินตา”

หลัวเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งที่ข้ามผ่านด่านเคราะห์อสนีได้ บางทีอาจทรงอานุภาพอย่างที่สุด แต่ข้าแคลงใจนักว่าจิตวิญญาณในตัวมันถูกด่านเคราะห์อสนีทำลายไปหมดแล้วหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ สิ่งที่เรียกว่าชุดศึกสลักวิญญาณก็คงเป็นแค่เปลือก แน่นอนว่าคนธรรมดาทั่วไปยากนักที่จะมองความแตกต่างเหล่านี้ออก”

จู่ๆ เขาก็พูดประโยคนี้ออกมา แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าเขามีทัศนะต่อชุดศึกสลักวิญญาณที่หลินสวินหลอมต่างออกไป!

นั่นทำให้ผู้คนจำนวนมากอดไม่ได้ที่จะใครครวญ หลัวเฟิงเป็นถึงหนึ่งในปฐมาจารย์สลักวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากนักสลักวิญญาณนับไม่ถ้วน เปรียบเสมือนผู้มีอำนาจแห่งแวดวงสลักวิญญาณ

ในเมื่อเขาแสดงความเห็นต่างออกไปเช่นนี้ ก็ทำให้ผู้อื่นไม่สนใจไม่ได้

“พี่หลัวพูดได้ไม่เลว แต่ว่าการพูดเช่นนี้ตอนนี้อาจเร็วเกินไป ประเดี๋ยวลองดูด้วยตาตนเอง บางทีอาจจะได้คำตอบที่ชัดแจ้ง”

ไม่รอให้เหล่าโม่ออกปาก ฮูหยินเป่าหวาก็ชิงพูดเสียก่อน เห็นชัดว่ากังวลว่าทั้งสองจะโต้เถียงกันต่อไปอีก

ถึงตรงนี้บทละครน้อยฉากนี้ก็ปิดฉากลง

แต่ก็เป็นเพราะบทละครน้อยนี่ ทำให้ทุกคน ณ ที่นั้นต่างเฝ้ารอยิ่งกว่าเดิม ชุดศึกสลักวิญญาณที่หลินสวินหลอมยังไม่ทันเริ่มออกแสดง ก็เกิดการถกเถียงกันของบุคคลสำคัญทรงอิทธิพลแห่งแวดวงสลักวิญญาณขึ้น นี่เป็นเรื่องที่ในอดีตไม่เคยมีมาก่อน

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบสงบอีกครั้ง สายตาต่างจับจ้องไปบนยกพื้น

หลีอันไม่พูดมากความอีก ยิ้มน้อยๆ “เวลามีค่า ต่อไปนี้ขอเชิญทุกท่านร่วมกันเป็นพยาน ให้กับผลงานชิ้นเอกหนึ่งเดียวในโลกของปรมาจารย์หลินสวิน ณ บัดนี้!”

พูดจบเขาก็หันหลังกลับเดินลงจากยกพื้นไป

ขณะเดียวกันนั้นร่างผอมบางร่างหนึ่งก็ปรากฏบนยกพื้น คนผู้นั้นรูปร่างสูงชะลูด ใบหน้าตอบคมคาย ท่าทางดูแก่ชราอยู่บ้าง ช่วงหางคิ้วแฝงไว้ด้วยประสบการณ์โชกโชน

แต่บนที่นั่งคนดูกลับเกิดความปั่นป่วนขึ้นฉับพลัน ผู้คนมากมายต่างนั่งไม่ติด ส่งเสียงตะลึงตกใจ

“นี่… ดูเหมือนเป็นทั่นฮวาม้าขาวเสิ่นจิงหลุนในปีนั้น?”

“สวรรค์ เป็นเสิ่นจิงหลุนจริงๆ กี่ปีแล้วที่ไม่มีข่าวคราวเขา ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาในตอนนี้จะแก่ชราลงเช่นนี้”

“เป็นเขาดังคาด ได้ยินว่าปีนั้นเขาติดตามรับใช้อยู่ข้างกายผู้นำตระกูลหลินอย่างถวายชีวิต จึงปิดบังชื่อแซ่ มาวันนี้ในเมื่อเขาปรากฏตัว ณ ที่นี่ จะต้องสาธิตความมหัศจรรย์ของ ‘อาสัญสลาย’ นั่นด้วยตนเองแทนหลินสวินอย่างแน่นอน”

ทั่นฮวาม้าขาวเสิ่นจิงหลุน!

หลายปีก่อนหน้านี้ คือบุคคลผู้มีอิทธิพลแห่งยุคคนหนึ่งที่ชื่อเสียงสะเทือนนครต้องห้าม เรียกได้ว่าเป็นผู้กล้ารุ่นแรก แม้แต่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันยังเคยชื่นชมยกย่องเขา

เขาในตอนนั้นสง่างามไร้มลทิน เพียงขี่ม้าขาวผ่านนครต้องห้ามก็ได้รับคำชื่นชมไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ถูกมองว่าเป็นบุคคลผู้เป็นดั่งดวงอาทิตย์อันโชติช่วง หนทางข้างหน้าไม่อาจประมาณได้

ใครเล่าจะคิดว่า หลายปีผ่านไปทั่นฮวาม้าขาวในปีนั้นจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

เพียงแต่หลังจากตื่นเต้นแล้วก็ทอดถอนใจกันครู่หนึ่ง กาลเวลาดั่งมีดเฉือนเร่งคนร่วงโรย เสิ่นจิงหลุนในปีนั้นองอาจสง่างามเพียงใด แต่ตอนนี้ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งลมฝน เหมือนดวงตะวันยามโพล้เพล้ จะไม่ให้ผู้คนทอดถอนใจได้อย่างไร

ผู้กล้าที่ผงาดขึ้นพร้อมกับเขาในปีนั้น ขอแค่ไม่ร่วงหล่นไปซะก่อน วันนี้ต่างกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจสะเทือนใต้หล้า กลับเห็นจะมีเพียงเขาที่ผันตัวไปเป็นบ่าวรับใช้เฒ่าปิดบังชื่อแซ่ เกือบจะถูกผู้คนลืมเลือน หลงเหลือเพียงเสียงถอนใจไม่กี่คำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์