ฟ้ายังไม่สว่าง บนสถานที่กว้างใหญ่นั้นก็เบียดเสียดไปด้วยผู้คนมืดฟ้ามัวดิน
ผู้ที่สามารถผ่านสถานที่นั้นเข้าไปยังสาขาหลักของอัครการค้าได้ หากไม่ใช่ตระกูลทรงอิทธิพลหนึ่ง ก็เป็นคนใหญ่คนโตของขุมอำนาจหนึ่ง
เฟิงชิงโยวปรากฏตัว ณ ที่นั้นอย่างน่าประทับใจ นางสวมใส่อาภรณ์ขาว ผมสีดำทิ้งตัวลงมา ใบหน้าเนียนสะอาดพริ้งเพรา ผิวหนังนุ่มเนียนละเอียด
ขณะที่หลินสวินยังไม่ผงาดขึ้นมา สาวน้อยที่มาจากตระกูลเฟิงคนนี้มีสมญานามว่า ‘เด็กสาวอัจฉริยะ’ ส่องประกายโชติช่วงเจิดจรัสบนวิถีสลักวิญญาณ
แม้จนถึงทุกวันนี้ นางก็เป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลในหมู่นักสลักวิญญาณรุ่นเยาว์ ถูกจับตามองอย่างมาก
ข้างกายนางยังมีสตรีงามที่แต่งงานแล้วตามมาด้วย นางสวมอาภรณ์เรียบง่าย กิริยาท่าทางสุภาพอ่อนโยน ใบหน้าดุจน้ำนิ่ง ราบเรียบราวเมฆาเคลื่อน
เฟิงชิงโยวเงี่ยหูฟังพักหนึ่งก่อนย่นจมูก กล่าวกระซิบ “เทียบผ่านประตูขึ้นมาถึงสามพันเหรียญทอง ดูท่าเจ้าหลินสวินนี่คงได้รับความนิยมมากสินะ”
ฮูหยินงามยิ้มหวานพลางกล่าว “อย่างไรก็เป็นงานแถลงของปรมาจารย์สลักวิญญาณรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ทุกคนต่างอยากรู้อยากเห็น”
เฟิงชิงโยวพูดอย่างสงสัย “อาจารย์ ท่านว่า ‘อาสัญสลาย’ นั่นร้ายกาจเหมือนดังข่าวลือหรือไม่”
ฮูหยินงามกล่าวอย่างง่ายๆ “ต้องดูด้วยตาตนเองถึงจะรู้”
เวลานี้ในที่ไกลออกไปพลันเกิดความไม่สงบ เห็นอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและบรรดาปรมาจารย์สลักวิญญาณคนอื่นๆ ปรากฏตัว ณ ที่นั้น
พวกเขาต่างมาจากภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณและสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ ล้วนเป็นบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลบนวิถีสลักวิญญาณ ทันทีที่ปรากฏตัวก็ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาในทันใด
เพียงแต่เมื่อพวกอวี๋เป่ยโต้วเห็นฮูหยินงามที่อยู่ข้างเฟิงชิงโยวก็ต่างหยุดกึก อึ้งตะลึง เผยสีหน้าประหลาดใจทันที ทยอยกันก้าวไปเบื้องหน้า
“คารวะฮูหยินเป่าหวา!”
“คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสก็มาด้วย”
พวกอวี๋เป่ยโต้วต่างก็เคารพนอบน้อม จนผู้คนใกล้เคียงมากมายล้วนส่งเสียงตื่นเต้น เท่านี้ก็รู้แล้วว่าฮูหยินงามท่านนั้นต้องเป็นคนใหญ่คนโตมากๆ คนหนึ่งแน่
“เป่าหวา ไม่เจอกันนานนะ”
ข้างๆ พวกอวี๋เป่ยโต้ว ยังมีผู้อาวุโสผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างผอมบางอยู่ด้วยคนหนึ่ง หากหลินสวินอยู่ที่นี่จะต้องจำได้แน่ ผู้อาวุโสคนนี้คือเหล่าโม่นี่เอง!
ปรมาจารย์สลักวิญญาณผู้เคยสร้างเรือรบวีรชนม่วงรูปแบบใหม่ล่าสุดที่ค่ายกระหายเลือด
สีหน้าเหล่าโม่ตอนนี้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นัยน์ตาสว่างวาบ เหมือนกำลังพยายามควบคุมตัวเองอยู่ ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าจะได้พบฮูหยินงามคนนั้นที่นี่
“ศิษย์พี่โม่ ท่านก็มาด้วย ไม่ได้ยินข่าวคราวท่านมาหลายปีเลยทีเดียว”
ฮูหยินงามยิ้มเล็กน้อย
“เฮ้อ ปีนั้นข้า…”
เหล่าโม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่กำลังจะพูดอะไร กลับพลันได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากที่ไกลๆ “ที่แท้ทุกท่านก็มาถึงแล้วนี่เอง”
สีหน้าเหล่าโม่อึมครึมโดยพลัน เห็นบุรุษท่าทางน่าเกรงขาม เผ้าผมหนวดเคราตัดแต่งสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยคนหนึ่งสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา
เมื่อเห็นบุรุษน่าเกรงขามนี้ พวกอวี๋เป่ยโต้วพลันเก็บรอยยิ้ม ประกบมือคารวะ “คารวะอาจารย์หลัว”
“พี่หลัว” ฮูหยินงามก้มหน้าให้เล็กน้อย
เหล่าโม่กลับแค่นเสียงเย็นชา สีหน้าอึมครึมยิ่งกว่าเดิม แววตาที่มองไปยังบุรุษน่าเกรงขามนั่นแฝงไปด้วยความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด
“ฮ่าๆๆ วันนี้ช่างบังเอิญจริงๆ เพราะงานแถลงของเด็กรุ่นหลังงานหนึ่ง ถึงทำให้พวกเราได้พานพบกันอีก หาได้ยากจริงๆ ไป พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”
บุรุษน่าเกรงขามหัวเราะร่า นำทุกคนไปยังสาขาหลักของอัครการค้า
…
“นั่นก็คือฮูหยินเป่าหวา บุคคลผู้เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งสาขาสลักวิญญาณของพวกเรา ขณะเดียวกันก็เป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณท่านหนึ่ง ฐานะพิเศษโดดเด่นหาใครเปรียบ เพียงแต่ยี่สิบกว่าปีมานี้นางเก็บตัวศึกษาค้นคว้าวิถีสลักวิญญาณมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าวันนี้นางก็มาด้วย”
สาขาใหญ่อัครการค้าเป็นอาคารเก้าชั้นหลังหนึ่ง โอ่อ่าหรูหรา กว้างขวางใหญ่โต เวลานี้ด้านหลังหน้าต่างบานหนึ่งบนชั้นที่เก้า เสิ่นทั่วกำลังกล่าวเสียงทุ้มต่ำ
เมื่อกล่าวถึงฮูหยินเป่าหวา สีหน้าเสิ่นทั่วก็ดูเคารพนอบน้อมอย่างยากปกปิด นี่คือบุคคลในตำนานที่ยังมีลมหายใจคนหนึ่ง ชุดศึกสลักวิญญาณที่นางหลอมเองกับมือมีมากถึงห้าชิ้น แต่ละชิ้นต่างเรียกได้ว่าเป็นมหาสมบัติแห่งยุค ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว
เหมือนดังชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งในมือจักพรรดิองค์ปัจจุบันนาม ‘มังกรผยองไร้โศก’ ก็เกิดจากฝีมือของฮูหยินเป่าหวา!
“นางกับเหล่าโม่มีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่”
ด้านข้างนั้นหลินสวินมองเห็นเหล่าโม่ ในใจพลันเกิดคลื่นถาโถม เพียงแต่เขาเองก็สังเกตเห็นว่ายามเหล่าโม่เห็นฮูหยินเป่าหวา ก็ปรากฏอาการควบคุมตัวเองไม่อยู่และตื่นเต้นอย่างยากจะพบเห็น จึงอดแปลกใจไม่ได้
เขาจำได้ว่าอุปนิสัยของเหล่าโม่คือแปลกประหลาดโอหังอวดดี
“ทั้งสองเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน” เสิ่นทั่วกล่าว “เพียงแต่ได้ยินมาว่าปีนั้นที่เหล่าโม่หายไปจากนครต้องห้าม ก็มีความเกี่ยวข้องกับฮูหยินเป่าหวาไม่น้อย”
“เป็นฮูหยินเป่าหวาที่บีบเหล่าโม่ออกไปหรือ” หลินสวินคิ้วขมวด
เสิ่นทั่วส่ายศีรษะ ขณะจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นนัยน์ตาพลันหรี่ลง พลางกล่าว “เจ้าดู อาจารย์หลัวก็มาด้วย”
“เขาเป็นใครกัน” สายตาหลินสวินมองไป เห็นบุรุษเผ้าผมหนวดเคราสะอาดสะอ้าน ท่าทางน่าเกรงขามผู้นั้น
“หลัวเฟิง หนึ่งในปฐมาจารย์สลักวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว ได้รับความเคารพเลื่อมใสจากนักสลักวิญญาณมากมาย ในนครต้องห้ามต่างเล่าลือว่า ระดับความรู้อันลึกซึ้งบนวิถีสลักวิญญาณของเขาเป็นเลิศถึงขั้นสมบูรณ์แบบที่สุด ยากจะมีผู้ใดเทียบเคียงเขาได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์