เมื่อได้ยินว่าหลินสวินได้รับอนุญาตจากราชวงศ์ให้ตนเองสามารถเข้าไปฝึกปราณในหอคอยกระบวนแปรจุติได้ จูเหล่าซานบุรุษผู้อาจหาญแข็งแกร่งเงียบขรึมคนนี้ก็อดไหวหวั่นไม่ได้ เผยให้เห็นความตื่นเต้น มึนงง ฮึกเหิมอย่างยากจะได้เห็น
“ขอบคุณมาก”
เมื่อสงบสติอารมณ์กลับมา จูเหล่าซานเอ่ยปากออกมาสามคำ
บางทีนี่อาจจะเป็นการแสดงความขอบคุณต่อผู้อื่นครั้งแรกของเขา คำพูดเหมือนกับแข็งกระด้างอยู่บ้าง แต่กลับทำให้หลินสวินชื่นใจยิ่งนัก
เขาประทับใจจูเหล่าซานมาโดยตลอด เพื่อตอบแทนบุญคุณสามารถละทิ้งได้ทุกอย่าง เพื่อทำตามสัญญายิ่งไม่สนความเป็นความตาย!
บุคคลเช่นนี้ควรค่าแก่การเคารพนับถือและคบหาที่สุด
ไม่นานนัก จ้าวไท่ไหลก็ส่งคนมารับตัวจูเหล่าซานไป หายไปจากสำนักศึกษามฤคมรกต
นี่คือสิ่งที่หลินสวินนัดหมายกับจ้าวไท่ไหลไว้ก่อนแล้ว หลินสวินเชื่อว่าขอเพียงจูเหล่าซานคว้าโอกาสนี้ไว้ให้แน่น ก็น่าจะมีหวังพอที่ให้ทะลวงขั้นได้!
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จูเหล่าซานไม่เพียงสามารถจัดการปัญหาเรื่องอายุขัยที่ใกล้จะหมดลง ทั้งการฝึกปราณยังรุดหน้าก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ กลายเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติอย่างแท้จริงคนหนึ่ง!
ถึงตอนนั้นภูเขาชำระจิตมีจูเหล่าซานคอยบัญชาการด้วยตนเอง อย่างน้อยยามยึดคืนขุมอำนาจสายรองอย่างธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุ ก็สามารถสร้างความสั่นสะเทือนได้อย่างมาก
“นายน้อย ไม่นึกเลยว่าท่านจะสามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้จริงๆ ตอนนี้พวกเราบนภูเขาชำระจิตแต่ละคนต่างตื่นเต้นอยากแสดงความยินดีกับท่าน”
หลินจงทอดถอนใจ สีหน้าเขาเองก็ตื่นเต้นพอควรทีเดียว
“ยินดีด้วยก็พอแล้ว ตอนนี้ข้าแค่อยากรู้ว่า หลังจากสามสายรองตระกูลหลินของพวกเราได้ยินเรื่องนี้แล้วจะคิดการทำสิ่งใดอีก”
หลินสวินกล่าวเนิบช้า
“พวกเขา? ฮึ ต้องตื่นตระหนกตกใจกลัวอย่างที่สุดเป็นแน่!”
หลินจงแค่นเสียง หน้าตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ในช่วงสองเดือนที่หลินสวินปิดด่านนั้น สามตระกูลรองนี้ไปพึ่งตระกูลจั่ว ฉินสองตระกูล คิดเอาเองว่าเจอคนหนุนหลัง จนเกิดความหยิ่งทะนงกำเริบเสิบสานขึ้นมาอีก มายั่วยุและหยามหน้าถึงภูเขาชำระจิตอยู่บ่อยครั้ง
มาวันนี้ หลินสวินกลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณรุ่นเยาว์ผู้สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้ ชื่อเสียงสั่นสะเทือนใต้หล้า เป็นหนึ่งไม่มีสอง และยังได้รับการยอมรับจากเจ้าสำนักสำนักศึกษามฤคมรกตอีกด้วย!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงสามสายรองตระกูลหลินนั่นไม่โง่ ก็น่าจะรู้ว่าหากคิดจัดการกับหลินสวินอีกก็เหลือความหวังไม่มากแล้ว
ที่สำคัญที่สุดคือ อำนาจที่หลินสวินมีตอนนี้เพียงพอจะคุกคามสามสายรองนี้ได้ ทำให้พวกเขารู้สึกร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างมาก!
“ข้าให้เวลาพวกเขาพิจารณาสามปี ตอนนี้ผ่านไปเกือบหนึ่งปีแล้ว หากพวกเขาดื้อดึงไม่ยอมรับ วันที่ครบกำหนดข้าจะไม่ออมมืออันใดอีก”
หลินสวินสูดหายใจลึก กล่าวเสียงนิ่งสงบ
พูดจบเขาก็เข้าไปยังห้องลับที่เสิ่นทั่วจัดไว้ให้โดยเฉพาะพร้อมกับหลินจง
…
ห้องลับปกคลุมไปด้วยกระบวนรอยสลักวิญญาณอันน่าพรั่นพรึงหนาแน่น สามารถตัดขาดการรับรู้และการตรวจสอบทั้งหมดได้ แม้แต่เสิ่นทั่วก็ได้แต่รอคอยอยู่ด้านนอก และไม่อาจรู้ว่าด้านในกำลังเกิดอะไรขึ้น
แต่เสิ่นทั่วเดาออกอยู่ก่อนแล้ว หลินสวินและหลินจงกำลังทดสอบชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นนั่นอยู่อย่างแน่นอน!
“ก็ไม่รู้ว่าทวนเล่มนั้นแท้จริงแล้วมีความมหัศจรรย์อย่างไรกันแน่…”
เสิ่นทั่วพลันนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หลินสวินหลอมอาวุธวันนั้น ฉับพลันในใจก็ร้อนระอุอย่างอดไม่อยู่ ชุดศึกสลักวิญญาณที่ข้ามผ่านด่านเคราะห์อสนีเชียวนะ นี่เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน เรียกได้ว่าเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลานับตั้งแต่ก่อตั้งจักรวรรดิมา!
เพียงแต่แม้จะได้เห็นประวัติการณ์เช่นนี้ด้วยตาตนเอง แต่ทวนยาวเล่มนั้นแท้จริงแล้วอยู่ในระดับใด มีความมหัศจรรย์อย่างไร ทั้งมีความสามารถน่าเกรงขามมากขนาดไหน กลับไม่มีใครทราบได้
ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณมากประสบการณ์คนหนึ่ง เสิ่นทั่วย่อมรอคอยด้วยความร้อนใจเป็นธรรมดา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้สัมผัสมหาสมบัติเช่นนี้ในระยะประชิดสักหน่อย
น่าเสียดาย เขาเองก็รู้ว่าภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ หลินสวินไม่มีทางให้คนอื่นรับรู้เรื่องพวกนี้แน่
‘บางทีคงได้แต่รองานแถลงที่อัครการค้าเริ่มขึ้น จึงจะได้รู้ความสามารถและความสิ่งเร้นบางส่วนได้…’
เสิ่นทั่วพึมพำในใจ
จากนั้นเขาก็ยิ้มขื่นขึ้นอย่างอดไม่ได้
พูดถึงงานแถลงที่จะจัดขึ้นนั้น ทำเอานครต้องห้ามตอนนี้แทบคลั่ง เพื่อให้ได้ตั๋วเข้าร่วมงานแถลงหนึ่งใบ ขุมอำนาจใหญ่ทุกฝ่ายต่างล้วนนั่งกันไม่ติด พากันลงมือลงแรง ต้องการเข้าร่วมงานนี้ให้ได้โดยไม่เสียดายค่าตอบแทน
จากที่เสิ่นทั่วรู้มา ตั๋วงานแถลงหนึ่งใบขายออกไปในราคาสูงลิ่วถึงหนึ่งหมื่นเหรียญทอง! ที่น่ากลัวที่สุดคือถึงมีเงินก็ซื้อไม่ได้!
แค่นี้ก็รู้แล้วว่าชุดศึกสลักวิญญาณที่หลินสวินหลอมออกมานั้น ก่อให้เกิดความฮือฮาและผลกระทบยิ่งใหญ่ขนาดไหน
‘ยังดี ครั้งนี้ได้พึ่งใบบุญของเจ้าหนูนั่น ได้รับตั๋วร่วมงานหนึ่งใบจากอัครการค้ามาล่วงหน้า มิฉะนั้นเกรงว่างานแถลงนั่นคงไม่มีที่สำหรับข้าแน่’
เสิ่นทั่วยิ้มเยาะตนเอง เขาเป็นถึงปรมาจารย์สลักวิญญาณมากรปะสบการณ์คนหนึ่งของสำนักศึกษามฤคมรกต มาวันนี้กลับต้องอาศัยความสัมพันธ์กับหลินสวินเพื่อให้ได้ตั๋วใบหนึ่งมา จะไม่ให้เขาทอดถอนใจได้อย่างไร
หืม?
ทันใดนั้นเองเสิ่นทั่วเก็บความคิดฟุ้งซ่าน เพราะเขาเห็นว่าประตูใหญ่ของห้องลับที่ปิดไว้อย่างแน่นหนาถูกเปิดออกแล้ว
หลินจงนำออกมาก่อน เพียงแต่สีหน้าของเขากลับเลื่อนลอย ในแววตาทิ้งร่องรอยประหลาดใจ ตื่นตระหนก ยากจะเชื่อ ทั้งตัวเหมือนกับเพิ่งผ่านพายุพัดโหมถล่มเป็นประวัติการณ์
“เป็นอย่างไรบ้าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์