Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 508

สรุปบท ตอนที่ 508: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 508 จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 508 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 508 มาตามนัดหมาย
ตอนที่ 508 มาตามนัดหมาย
โดย
ProjectZyphon
ในคืนวันนั้นเอง จูเหล่าซานและหลินจงมาถึงสำนักศึกษามฤคมรกตด้วยกัน

เมื่อได้ยินว่าหลินสวินได้รับอนุญาตจากราชวงศ์ให้ตนเองสามารถเข้าไปฝึกปราณในหอคอยกระบวนแปรจุติได้ จูเหล่าซานบุรุษผู้อาจหาญแข็งแกร่งเงียบขรึมคนนี้ก็อดไหวหวั่นไม่ได้ เผยให้เห็นความตื่นเต้น มึนงง ฮึกเหิมอย่างยากจะได้เห็น

“ขอบคุณมาก”

เมื่อสงบสติอารมณ์กลับมา จูเหล่าซานเอ่ยปากออกมาสามคำ

บางทีนี่อาจจะเป็นการแสดงความขอบคุณต่อผู้อื่นครั้งแรกของเขา คำพูดเหมือนกับแข็งกระด้างอยู่บ้าง แต่กลับทำให้หลินสวินชื่นใจยิ่งนัก

เขาประทับใจจูเหล่าซานมาโดยตลอด เพื่อตอบแทนบุญคุณสามารถละทิ้งได้ทุกอย่าง เพื่อทำตามสัญญายิ่งไม่สนความเป็นความตาย!

บุคคลเช่นนี้ควรค่าแก่การเคารพนับถือและคบหาที่สุด

ไม่นานนัก จ้าวไท่ไหลก็ส่งคนมารับตัวจูเหล่าซานไป หายไปจากสำนักศึกษามฤคมรกต

นี่คือสิ่งที่หลินสวินนัดหมายกับจ้าวไท่ไหลไว้ก่อนแล้ว หลินสวินเชื่อว่าขอเพียงจูเหล่าซานคว้าโอกาสนี้ไว้ให้แน่น ก็น่าจะมีหวังพอที่ให้ทะลวงขั้นได้!

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จูเหล่าซานไม่เพียงสามารถจัดการปัญหาเรื่องอายุขัยที่ใกล้จะหมดลง ทั้งการฝึกปราณยังรุดหน้าก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ กลายเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติอย่างแท้จริงคนหนึ่ง!

ถึงตอนนั้นภูเขาชำระจิตมีจูเหล่าซานคอยบัญชาการด้วยตนเอง อย่างน้อยยามยึดคืนขุมอำนาจสายรองอย่างธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุ ก็สามารถสร้างความสั่นสะเทือนได้อย่างมาก

“นายน้อย ไม่นึกเลยว่าท่านจะสามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้จริงๆ ตอนนี้พวกเราบนภูเขาชำระจิตแต่ละคนต่างตื่นเต้นอยากแสดงความยินดีกับท่าน”

หลินจงทอดถอนใจ สีหน้าเขาเองก็ตื่นเต้นพอควรทีเดียว

“ยินดีด้วยก็พอแล้ว ตอนนี้ข้าแค่อยากรู้ว่า หลังจากสามสายรองตระกูลหลินของพวกเราได้ยินเรื่องนี้แล้วจะคิดการทำสิ่งใดอีก”

หลินสวินกล่าวเนิบช้า

“พวกเขา? ฮึ ต้องตื่นตระหนกตกใจกลัวอย่างที่สุดเป็นแน่!”

หลินจงแค่นเสียง หน้าตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา

ในช่วงสองเดือนที่หลินสวินปิดด่านนั้น สามตระกูลรองนี้ไปพึ่งตระกูลจั่ว ฉินสองตระกูล คิดเอาเองว่าเจอคนหนุนหลัง จนเกิดความหยิ่งทะนงกำเริบเสิบสานขึ้นมาอีก มายั่วยุและหยามหน้าถึงภูเขาชำระจิตอยู่บ่อยครั้ง

มาวันนี้ หลินสวินกลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณรุ่นเยาว์ผู้สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้ ชื่อเสียงสั่นสะเทือนใต้หล้า เป็นหนึ่งไม่มีสอง และยังได้รับการยอมรับจากเจ้าสำนักสำนักศึกษามฤคมรกตอีกด้วย!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงสามสายรองตระกูลหลินนั่นไม่โง่ ก็น่าจะรู้ว่าหากคิดจัดการกับหลินสวินอีกก็เหลือความหวังไม่มากแล้ว

ที่สำคัญที่สุดคือ อำนาจที่หลินสวินมีตอนนี้เพียงพอจะคุกคามสามสายรองนี้ได้ ทำให้พวกเขารู้สึกร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างมาก!

“ข้าให้เวลาพวกเขาพิจารณาสามปี ตอนนี้ผ่านไปเกือบหนึ่งปีแล้ว หากพวกเขาดื้อดึงไม่ยอมรับ วันที่ครบกำหนดข้าจะไม่ออมมืออันใดอีก”

หลินสวินสูดหายใจลึก กล่าวเสียงนิ่งสงบ

พูดจบเขาก็เข้าไปยังห้องลับที่เสิ่นทั่วจัดไว้ให้โดยเฉพาะพร้อมกับหลินจง

ห้องลับปกคลุมไปด้วยกระบวนรอยสลักวิญญาณอันน่าพรั่นพรึงหนาแน่น สามารถตัดขาดการรับรู้และการตรวจสอบทั้งหมดได้ แม้แต่เสิ่นทั่วก็ได้แต่รอคอยอยู่ด้านนอก และไม่อาจรู้ว่าด้านในกำลังเกิดอะไรขึ้น

แต่เสิ่นทั่วเดาออกอยู่ก่อนแล้ว หลินสวินและหลินจงกำลังทดสอบชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นนั่นอยู่อย่างแน่นอน!

“ก็ไม่รู้ว่าทวนเล่มนั้นแท้จริงแล้วมีความมหัศจรรย์อย่างไรกันแน่…”

เสิ่นทั่วพลันนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หลินสวินหลอมอาวุธวันนั้น ฉับพลันในใจก็ร้อนระอุอย่างอดไม่อยู่ ชุดศึกสลักวิญญาณที่ข้ามผ่านด่านเคราะห์อสนีเชียวนะ นี่เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน เรียกได้ว่าเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลานับตั้งแต่ก่อตั้งจักรวรรดิมา!

เพียงแต่แม้จะได้เห็นประวัติการณ์เช่นนี้ด้วยตาตนเอง แต่ทวนยาวเล่มนั้นแท้จริงแล้วอยู่ในระดับใด มีความมหัศจรรย์อย่างไร ทั้งมีความสามารถน่าเกรงขามมากขนาดไหน กลับไม่มีใครทราบได้

ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณมากประสบการณ์คนหนึ่ง เสิ่นทั่วย่อมรอคอยด้วยความร้อนใจเป็นธรรมดา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้สัมผัสมหาสมบัติเช่นนี้ในระยะประชิดสักหน่อย

น่าเสียดาย เขาเองก็รู้ว่าภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ หลินสวินไม่มีทางให้คนอื่นรับรู้เรื่องพวกนี้แน่

‘บางทีคงได้แต่รองานแถลงที่อัครการค้าเริ่มขึ้น จึงจะได้รู้ความสามารถและความสิ่งเร้นบางส่วนได้…’

เสิ่นทั่วพึมพำในใจ

จากนั้นเขาก็ยิ้มขื่นขึ้นอย่างอดไม่ได้

พูดถึงงานแถลงที่จะจัดขึ้นนั้น ทำเอานครต้องห้ามตอนนี้แทบคลั่ง เพื่อให้ได้ตั๋วเข้าร่วมงานแถลงหนึ่งใบ ขุมอำนาจใหญ่ทุกฝ่ายต่างล้วนนั่งกันไม่ติด พากันลงมือลงแรง ต้องการเข้าร่วมงานนี้ให้ได้โดยไม่เสียดายค่าตอบแทน

จากที่เสิ่นทั่วรู้มา ตั๋วงานแถลงหนึ่งใบขายออกไปในราคาสูงลิ่วถึงหนึ่งหมื่นเหรียญทอง! ที่น่ากลัวที่สุดคือถึงมีเงินก็ซื้อไม่ได้!

แค่นี้ก็รู้แล้วว่าชุดศึกสลักวิญญาณที่หลินสวินหลอมออกมานั้น ก่อให้เกิดความฮือฮาและผลกระทบยิ่งใหญ่ขนาดไหน

‘ยังดี ครั้งนี้ได้พึ่งใบบุญของเจ้าหนูนั่น ได้รับตั๋วร่วมงานหนึ่งใบจากอัครการค้ามาล่วงหน้า มิฉะนั้นเกรงว่างานแถลงนั่นคงไม่มีที่สำหรับข้าแน่’

เสิ่นทั่วยิ้มเยาะตนเอง เขาเป็นถึงปรมาจารย์สลักวิญญาณมากรปะสบการณ์คนหนึ่งของสำนักศึกษามฤคมรกต มาวันนี้กลับต้องอาศัยความสัมพันธ์กับหลินสวินเพื่อให้ได้ตั๋วใบหนึ่งมา จะไม่ให้เขาทอดถอนใจได้อย่างไร

หืม?

ทันใดนั้นเองเสิ่นทั่วเก็บความคิดฟุ้งซ่าน เพราะเขาเห็นว่าประตูใหญ่ของห้องลับที่ปิดไว้อย่างแน่นหนาถูกเปิดออกแล้ว

หลินจงนำออกมาก่อน เพียงแต่สีหน้าของเขากลับเลื่อนลอย ในแววตาทิ้งร่องรอยประหลาดใจ ตื่นตระหนก ยากจะเชื่อ ทั้งตัวเหมือนกับเพิ่งผ่านพายุพัดโหมถล่มเป็นประวัติการณ์

“เป็นอย่างไรบ้าง”

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ลมพายุโหมกระหน่ำนครต้องห้าม หลายปีหลังจากนี้เมื่อผู้ฝึกปราณมากมายในนครต้องห้ามหวนนึกถึงช่วงเวลานี้เมื่อใด อารมณ์คงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

อัครการค้าคือร้านค้าซึ่งมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ และสาขาหลักของอัครการค้าก็เป็นหนึ่งในร้านที่อยู่ระดับแนวหน้าที่สุดในนครต้องห้าม

บางทีอาจมีเพียงกิจการบางส่วนที่อยู่ภายใต้การดูแลของราชวงศ์จึงจะสามารถอยู่เหนือสาขาหลักของอัครการค้าได้เล็กน้อย แต่ช่วงเวลานี้กลับเป็นสาขาหลักของอัครการค้าที่โดดเด่นเป็นสง่า

ที่นั่นเปรียบเหมือนแม่เหล็กซึ่งดึงดูดทั้งนครต้องห้ามไว้อย่างแน่นหนา รวมถึงสายตาของทั้งจักรวรรดิ!

นี่ต้องกล่าวถึงหลายวันก่อนหน้านี้

วันนั้นหลินสวินอาศัยฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณรุ่นเยาว์ หลอมชุดศึกสลักวิญญาณออกมาด้วยตัวคนเดียวชิ้นหนึ่ง ทั้งยังชักนำให้เกิดด่านเคราะห์อสนี ชั่วครู่ก็เกิดความฮือฮาทั่วทุกสารทิศ

ชุดศึกสลักวิญญาณ!

แม้แต่ในตระกูลทรงอิทธิพลต่างเรียกได้ว่าเป็นมหาสมบัติที่หาได้ยาก มูลค่าไม่อาจใช้เงินทองมาประมาณได้

นี่ไม่ใช่การพูดโอ้อวดเกินจริง นอกจากตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง ในตระกูลทรงอิทธิพลที่อำนาจน้อยลงมาหน่อยต่างก็ไม่มีชุดศึกสลักวิญญาณ!

แค่ความล้ำค่าหายากของมันก็เห็นได้แล้วว่า การมีชุดศึกสลักวิญญาณสักชิ้นหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงอิทธิพลได้ นี่ไม่ใช่คำพูดที่โอ้อวดเกินจริงอย่างแน่นอน

ในอดีตที่ผ่านมา ต่อให้เป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณลงมือเอง อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนจึงจะสามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งออกมาได้ ทั้งอัตราความสำเร็จก็ไม่ได้สูง

ทั่วทั้งนครต้องห้ามจำนวนปฐมาจารย์สลักวิญญาณนับรวมกันทั้งหมดแล้ว อย่างมากก็ไม่เกินสิบคน!

แม้แต่การหลอมยังยากลำบากเช่นนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนอื่นๆ ที่คิดอยากได้ชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งไว้ในครองครองจะยากเพียงไหน

ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ ขุมอำนาจใหญ่ๆ ในปัจจุบัน แม้ว่ามีชุดศึกสลักวิญญาณในครอบครอง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นสมบัติตกทอดของตระกูล

ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินว่าหลินสวินเพียงคนเดียวใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนก็สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งออกมาได้ ทั้งใต้หล้าต่างบังเกิดความปั่นป่วนโกลาหล

ไม่เพียงแต่ขุมอำนาจใหญ่ตระกูลทรงอิทธิพลเท่านั้น แม้แต่นักสลักวิญญาณมากมายต่างก็ถูกดึงดูด เร่งรีบอยากรู้ความลับให้มากขึ้น อาทิเช่น หลินสวินทำได้อย่างไร ชุดศึกสลักวิญญาณนี้มีความสามารถน่าเกรงขามสะเทือนใต้หล้าเพียงไหน… เป็นต้น

และสาขาหลักของอัครการค้าก็กลายเป็นศูนย์รวมความสนใจทั่วทิศเป็นธรรมดา

เพราะงานแถลงชุดศึกสลักวิญญาณของหลินสวินจะเปิดม่านที่สาขาหลักของอัครการค้า!

หลินสวิน สาขาหลักอัครการค้า งานประมูลชุดศึกสลักวิญญาณ… คำสำคัญเหล่านี้ราวกับมือใหญ่มือหนึ่งกำลังก่อลมพายุในนครต้องห้าม ดึงดูดความสนใจจากทั้งใต้หล้า กลายเป็นประเด็นสนทนาที่แพร่หลายที่สุดในปัจจุบัน แม้แต่ในอาณาเขตอื่นของจักรวรรดิก็กระจายข่าวคราวเหล่านี้ไปทั่ว

ภายใต้คลื่นลมที่ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงเช่นนี้ เวลาแห่งการเปิดม่านงานแถลงก็มาถึง…

………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์