“มาเถอะ ลองดูสักหน่อย แค่ศึกษาแลกเปลี่ยนวิถียุทธ์กันเท่านั้น”
จ้าวเสวียนยิ้มน้อยๆ อาภรณ์ม่วงพลิ้วไหว นิ้วทั้งห้าเหยียดกางเป็นกรงเล็บ โคจรพลังน่ามหัศจรรย์ออกมา บอบบางนุ่มนวลประหนึ่งเด็ดบุปผา
ฮูม~
อากาศภายในโถงครวญคร่ำทรุดตัวลงโดยมีจ้าวเสวียนเป็นศูนย์กลาง ก่อให้เกิดพลังพังทำลายอันน่าหวาดกลัว หมายกำราบหลินสวินลงในนั้น
ทันทีที่ผู้เชี่ยวชาญออกมือก็รู้ว่ามีหรือไม่มีความสามารถ แค่กางนิ้วออกแผ่วเบาเท่านั้น กลับปรากฏพลังทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึงอย่างฟ้าถล่มดินทลาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในวิถียุทธ์จ้าวเสวียนมาอยู่ในระดับยอดเยี่ยมร้ายกาจแล้ว
หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งโดยไม่ต้องคิด ไม่ถอยร่นแต่กลับบุกเข้าไป กำหมัดจู่โจมออกไปราวสายฟ้าฟาด เรียบง่าย หมดจด ตรงไปตรงมา พุ่งเข้าใส่จุดบอบบางของพลังกรงเล็บของจ้าวเสวียน
เสียงปึงดังสนั่น อากาศภายในโถงไหลหลั่งพวยพุ่ง ม้วนกลืนไปรอบทิศ
“ไม่เลวดังคาด”
จ้าวเสวียนนัยน์ตาเป็นประกายเอ่ยเสียงชม ร่างดุจสายลมเย็นสายหนึ่ง ก้าวย่างอย่างมั่นคง พริบตานั้นนิ้วมือก็ตัดขวางมุ่งมายังลำคอหลินสวิน
หลินสวินผงะในใจวูบหนึ่ง เบี่ยงร่างหลีกหลบฉับพลัน เท้ายังไม่แตะพื้นก็เหินทะยานเข้าโจมตีประหนึ่งการหมุนวนของลูกข่าง
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินคาดไม่ถึงคือ ไม่รอให้เข้าประชิด ร่างจ้าวเสวียนพลันพุ่งเข้าหา ราวมังกรฟ้าออกจากหุบเหวลึก นิ้วมือประสานกระแทกใส่กำปั้นหลินสวิน
ปึง!
ทั้งสองปะทะกัน หลินสวินรู้สึกเพียงกระดูกราวกับถูกค้อนฟาด ถึงขั้นรู้สึกชา นัยน์ตาหดรัดทันใด ร่างกายเขาในตอนนี้ถูกเคี่ยวกรำจนแข็งแกร่งหาใดเปรียบ ใกล้จะสมบูรณ์แบบเต็มที เพียงพอที่จะเทียบเคียงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ดาบกระบี่ยากทำให้เกิดบาดแผล
แต่การโจมตีเดียวของจ้าวเสวียนถึงกับสามารถทำให้เขาเกิดอาการชาราวกับถูกสายฟ้าฟาด นี่เห็นได้ว่าไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว
“พลังกายแข็งแกร่งมาก คงไม่ใช่ว่าใช้วิธีหลอมกายไปด้วยพร้อมกันกระมัง”
จ้าวเสวียนนัยน์ตาวาววาบส่องประกายดั่งดวงดาว ขณะพูดก็ก้าวขึ้นมาเบื้องหน้า แต่ละก้าวพื้นดินล้วนปรากฏรอยสลักมังกรม่วง เสมือนมังกรฟ้าตัวแล้วตัวเล่าฟื้นคืนกลับมา ทำให้พละกำลังของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ!
หลินสวินเองก็ถูกกระตุ้นอารมณ์แห่งการต่อสู้ สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ออกมาหักล้าง
ชั่วขณะนั้นเงาร่างพลิกทะยานทั่วโถง คลื่นลมรุนแรงส่งเสียงกัมปนาท หากไม่ใช่ทั้งสองต่างตั้งใจยั้งพลังและลมปราณเอาไว้ โถงใหญ่แห่งนี้คงถูกทำลายไปนานแล้ว
หลังจากนั้นครู่หนึ่งทั่วร่างจ้าวเสวียนพลันส่องแสงระยับ ตบฝ่ามือหนึ่งออกไปเบาๆ ทว่ากลับเหมือนพญามังกรทะยานสู่ฟากฟ้า แรงกดดันปกคลุมไปทั่วทั้งจตุรทิศ มุ่งไปอย่างอาจหาญไม่เกรงกลัวสิ่งใด
ตูม!
ภายใต้การโจมตีเดียว หลินสวินต้องถอยหลังไปถึงสามก้าว เลือดลมทั่วร่างโหมซัด นี่ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
นับตั้งแต่ฝึกปราณถึงระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์ เขาเพิ่งเคยปะทะกับผู้ที่มีพลังทรงอานุภาพอย่างจ้าวเสวียนเช่นนี้เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้ถึงแรงกดดันซึ่งไม่เคยได้รับมาก่อน
คนอื่นต่างมองเห็นเขาเป็นปีศาจมีพลังสามารถพลิกฟ้าได้ แต่จ้าวเสวียนที่อยู่ตรงหน้าเห็นชัดว่าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน ถึงขั้นมองเห็นว่าร้ายกาจกว่าด้วยซ้ำ!
เจ้าหมอนี่เป็นใครกันแน่
เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ถึงขั้น… เทียบกับกู้อวิ๋นถิงนั่นแล้วมีแต่จะเหนือกว่า!
ขณะคิดในใจเช่นนั้น การเคลื่อนไหวของหลินสวินก็ไม่ได้ช้าลงเพียงนิด ไม่กล้าเก็บงำเอาไว้อีก เผยพลังยุทธ์ที่ตนมีออกมาจนหมด
ปังๆๆ!
ภายในโถงหลินสวินปล่อยหมัดอย่างรุนแรง บ้างประหนึ่งทลายภูผาผ่าสมุทร บ้างดุจมังกรทะยานทำลายฟ้า บ้างเกิดแรงกดดันปกคลุมทั่วทั้งแปดทิศ บ้างมีพลังอำนาจกลืนสวรรค์ผลาญอากาศ
“เยี่ยม!”
จ้าวเสวียนชายเสื้อพลิ้วไหว อาภรณ์ม่วงดั่งเพลิงผลาญ นัยน์ตาสว่างวาบยิ่งกว่าเดิม ไม่ปิดบังความชื่นชมของตนแม้แต่น้อย
เมื่อเทียบกับหลินสวินแล้ว เขาก็เหมือนมังกรฟ้าตัวหนึ่ง คำรามก้องฟ้าดิน ก้มมองใต้หล้า มีจิตใจห้าวหาญที่เหลือบแลใต้หล้าบุกตะลุยทั่วทิศ
เพียงแต่เมื่อได้ยินคำชมเหล่านี้ ในใจหลินสวินกลับไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
เขาฝึกปราณมาถึงทุกวันนี้ เรียกได้ว่าอยู่เหนือคนรุ่นเดียวกันโดยตลอด ถึงกับเคยข้ามระดับสังหารผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะมาแล้ว ในใจจึงถูกปลูกฝังความเชื่อมั่นว่าไร้คู่ต่อกรนานแล้ว ไม่มีทางยอมรับคำชื่นชมเช่นนี้เป็นธรรมดา
ตูม!
ไม่ต้องพูดให้มากความ ลักษณะพลังของหลินสวินเปลี่ยนไปอีกครั้ง กระบวนท่าแปรเปลี่ยนเป็นเรียบง่ายธรรมดา ไม่ลึกลับซับซ้อน ไม่เจือกลิ่นอายผลาญเผาสักนิด
แต่อานุภาพของวิชาหมัดกลับแข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่หนึ่งช่วง แฝงไปด้วยแก่นจริงแท้อันยอดเยี่ยมของการกลับคืนสู่สามัญ
ทว่าสิ่งที่ทำให้หลินสวินคิ้วขมวดก็คือ ขณะที่เขาแข็งแกร่งขึ้น จ้าวเสวียนที่อยู่ตรงหน้าก็แข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่ยอมให้ตัวเองเสียเปรียบแม้แต่น้อย
“เจ้าหมอนี่เป็นคนวิปริตคนหนึ่งจริงๆ!” หลินสวินลอบพึมพำกับตัวเองประโยคหนึ่ง
เขาไม่รู้หรอกว่าในใจจ้าวเสวียนตกใจเสียยิ่งกว่าเขาด้วยซ้ำ เดิมทีแค่อยากศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ หยั่งเชิงพลังยุทธ์ของหลินสวินสักหน่อยว่าแท้จริงแล้วแข็งแกร่งเหมือนดังข่าวลือหรือไม่
แต่ผลปรากฏว่า ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ของหลินสวินนั้นมากยิ่งกว่าข่าวลือเสียอีก!
“ช่างเป็นตัวประหลาดจริงๆ”
จ้าวเสวียนเองก็แอบพึมพำกับตัวเอง
สำหรับการเรียกหลินสวินว่าตัวประหลาดนั้น จ้าวไท่ไหลในตอนนี้ก็คิดแบบเดียวกัน เมื่อเห็นหลินสวินและจ้าวเสวียนต่อสู้กันอย่างสูสี ดวงตาเขาก็แทบถลนออกมาอยู่แล้ว เป็นสิ่งยากพบเห็นจนน่าตกตะลึงอยู่บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์