Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 513

สรุปบท ตอนที่ 513: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 513 จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 513 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 513 การประมูลที่ดุเดือดหาใดเปรียบ
ตอนที่ 513 การประมูลที่ดุเดือดหาใดเปรียบ
โดย
ProjectZyphon
“ทุกท่าน เพราะสิทธิ์นี้มีความเกี่ยวพันยิ่งใหญ่ จึงมีเรื่องที่ต้องกล่าวไว้ก่อน”

บนยกพื้น หลีอันสีหน้าเคร่งขรึม “ผู้ที่มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับตระกูลฉือ ตระกูลจั่วและตระกูลฉินห้ามเข้าร่วมประมูล”

ทั้งงานพลันเงียบลงในทันใด ความหมายของข้อเรียกร้องนี้ก็ชัดเจนยิ่งแล้ว เป็นการแจ้งแก่ทุกคนในใต้หล้าว่าหลินสวินไม่มีทางให้ความช่วยเหลือด้านการหลอมอาวุธใดๆ แก่สามตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงนี้อย่างไม่ต้องสงสัย!

“เช่นเดียวกัน หลังจากการประมูลนี้จบลง หากถูกอัครการค้าของข้าค้นพบว่าสิทธิ์นี้ตกอยู่ในมือของผู้ที่ข้องแวะกับตระกูลฉือ ตระกูลจั่ว และตระกูลฉิน จะมีสิทธิ์เรียกคืนสิทธิ์นี้”

เมื่อหลีอันพูดออกไปเช่นนี้ ก็เป็นการแสดงท่าทีของอัครการค้าอย่างชัดเจนเช่นกัน ทำให้ผู้มีอำนาจในที่นั้นระส่ำระสาย

เห็นได้ชัดว่าอัครการค้าตัดสินใจหนุนหลังหลินสวินแล้ว และไม่เสียดายว่าจะผิดใจกับสามตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงนั้น!

นี่ทำให้หลายคนลอบทอดถอนใจ หลินสวินในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แนวโน้มความรุ่งเรืองของเขาเริ่มทำให้กลุ่มอำนาจใหญ่ระดับอัครการค้าแสดงท่าทีสนับสนุนอย่างเปิดเผยแล้ว นี่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง

ไม่นานนักการประมูลก็เริ่มขึ้น ราคาขั้นต่ำสามหมื่นเหรียญทอง ราคาพอๆ กับเรือรบวีรชนม่วงรุ่นใหม่หนึ่งลำ เรียกได้ว่าน่าตกใจ แต่เมื่อได้เห็นความพิเศษของอาสัญสลายแล้ว ทุกคนก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล

“ห้าหมื่น!”

มีคนส่งเสียงขึ้น เสนอราคาครั้งแรกก็ขึ้นไปถึงห้าหมื่น ทำให้หลายคนสูดหายใจเย็นเยียบ

เหรียญทองจักรวรรดิมีมูลค่าสูงยิ่ง สำหรับขุมอำนาจใหญ่กลุ่มหนึ่งแล้ว ห้าหมื่นเหรียญทองก็เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยแล้ว

เพียงเพื่อประมูลสิทธิ์หลอมชุดศึกสลักวิญญาณสิทธิ์หนึ่งเท่านั้น ก็เกิดการประชันราคาที่บ้าคลั่งเช่นนี้แล้ว นี่ทำให้คนใหญ่คนโตที่กำลังจะเคลื่อนไหวอยู่เดิมล้วนลังเล

“หกหมื่น!”

ผู้ที่เสนอราคาคือราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุย นี่ทำให้ราชันแห่งทะเลตะวันออกเย่ฉิงเทียนที่อยู่ข้างๆ เขาพลันขมวดคิ้ว สื่อจิตพึมพำว่า ‘ตาแก่ เจ้าเข้าไปร่วมเฮโลกับเขาทำไม’

สีหน้าดุดันน่าเกรงขามของหนิงปู้กุยปรากฏแววเจ้าเล่ห์รางเลือน แต่ฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นราบเรียบไร้อารมณ์ สื่อจิตกลับไปว่า ‘เจ้าแก่เย่ เจ้าจะเข้าใจอะไร นี่ข้ากำลังช่วยเจ้าหนูหลินสวินนั่นหาเหรียญทองเพิ่มอีกหน่อย ที่นี่มีคนกระเป๋าหนักไม่น้อย ไม่ถือโอกาสนี้บีบเอาเงินสักก้อน พลาดไปก็น่าเสียดายยิ่ง’

เย่ชิงเทียนหัวเราะ ‘เช่นนั้นข้าก็สร้างความครึกครื้นด้วยดีกว่า”

เพียงแต่ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากเสนอราคา ในงานก็มีคนเสนอราคาสูงเทียมฟ้าแล้วว่า “หนึ่งแสนเหรียญทอง!”

ในที่นั้นเงียบลง คนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่ล้วนสีหน้านิ่งขรึม นิ่วหน้าไม่หยุดหย่อน สำหรับพวกเขาหลายคนแล้ว หนึ่งแสนเหรียญทองไม่ถือเป็นตัวเลขที่เกินเลย แต่หากเพียงเพื่อประมูลสิทธิ์สิทธิ์เดียว ก็ดูน่าตกใจพอสมควร

อย่างไรเสียในโลกนี้ก็ไม่ได้มีเพียงหลินสวินผู้เดียวที่สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้

ทันใดนั้นก็มีผู้มีอำนาจส่วนหนึ่งถอนตัวจากการประมูล เพราะพวกเขาดูออกแล้วว่า คนใหญ่คนโตที่เสนอราคาหนึ่งแสนนั้นมาจากตระกูลเซี่ยที่เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การประมูลต่อมาต้องเป็นเวทีที่สุดยอดผู้มีอำนาจในใต้หล้าประชันกัน ขุมอำนาจอื่นที่ด้อยกว่าไม่มีทางยื่นมือไปแทรกได้เลย

หนิงปู้กุยกับเย่ฉิงเทียนสบตากัน ทันใดนั้นก็พากันยิ้มแป้น เดิมทีพวกเขายังคิดจะเป็นหน้าม้า แต่เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องใช้พวกเขาแล้ว

“หนึ่งแสนหนึ่งหมื่น”

“หนึ่งแสนสามหมื่น!”

“หนึ่งแสนห้าหมื่น!”

อย่างที่คิด การประมูลต่อมาผู้ที่เสนอราคาเป็นขุมอำนาจที่มีอำนาจเทียมฟ้าอย่างตระกูลเซี่ย ตระกูลฮวา ตระกูลซ่ง ขุมอำนาจขุนนางบรรดาศักดิ์ กรมทหาร ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณก็ล้วนเข้าร่วมอย่างที่ทุกคนคาดไว้

“สองแสน”

คนใหญ่คนโตจากตระกูลฮวาผู้นั้นหงุดหงิดแล้ว จึงเสนอราคาสูงเสียดฟ้าที่พาให้ทุกคนอ้าปากค้าง ทำให้รอบตัวพลันไร้เสียง ราคาเท่านี้น่าหวาดหวั่นอยู่บ้างจริงๆ

“สามแสน”

ทันใดนั้นเสียงรื่นหูเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

ในที่นั้นอื้ออึงขึ้น เพื่อสิทธิ์เดียวเท่านั้น ตัวเลขนี้น่าตื่นตะลึงยิ่งแล้ว ซื้อได้กระทั่งเรือรบขนาดใหญ่ของจักรวรรดิลำหนึ่ง

แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจที่สุดก็คือ ผู้ที่เสนอราคากลับเป็นฮูหยินเป่าหวาแห่งสำนักศึกษามฤคมรกต!

แต่คิดดูก็เข้าใจได้ ฮูหยินเป่าหวามีฐานะเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่มากประสบการณ์ผู้หนึ่ง สิ่งที่นางไม่ขาดที่สุดน่ากลัวว่าจะเป็นเงินทอง!

ก็เหมือนคำพูดนั้นที่ลือกันนานที่สุดในจักรวรรดิว่า สิ่งที่ลอดผ่านสิบนิ้วมือของนักสลักวิญญาณล้วนเป็นทรายสีทองที่ไหลมาอย่างไม่ขาดสาย

“หลังจากมีสถานะและพลังปราณถึงระดับหนึ่งแล้ว เงินทองตามความหมายของคนทั่วไปก็จะกลายเป็นของไม่มีราคา เงินทองมากมายสามารถแลกเปลี่ยนกับวิชาตกทอดของตระกูลวิชาหนึ่งหรือ ทั้งสามารถแลกโอกาสอายุยืนครั้งหนึ่งได้หรือ ไม่ได้หรอก!”

บางคนทอดถอนใจ ก่อให้เกิดเสียงเออออมากมาย

“ดังนั้นสิทธิ์นี้ ข้าต้องได้มา”

ฉับพลันเสียงหัวเราะดังก็ก้องกังวานขึ้น แล้วเสนอราคาประมูลออกมา “ห้าแสน!”

“เจิ้นไห่อ๋อง เจิ้นไห่อ๋องนี่!”

“ฮ่า คราวนี้มีละครฉากเด็ดให้ดูแล้ว ขนาดผู้มีอำนาจในราชวงศ์ก็นั่งไม่ติดแล้ว”

เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในงาน

เจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียวเป็นบุคคลระดับตำนาน ต่อหน้าเขา ขนาดคนระดับหนิงปู้กุยหรือเทพเศรษฐียังต้องเกรงใจอยู่สามส่วน ไม่ใช่เพราะหวาดหวั่นเกรงกลัว แต่เป็นเพราะเคารพ

ฮูหยินเป่าหวาใคร่ครวญเล็กน้อย ในที่สุดก็ส่ายหน้าแล้วถอนตัวจากการประมูล ห้าแสนเหรียญทอง ตัวเลขนี้บ้าระห่ำไปแล้ว

ต่อให้ตระกูลนางจะร่ำรวยกว่านี้ก็ต้องชั่งใจไตร่ตรองว่าคุ้มค่าหรือไม่กันแน่

“หกแสน!”

ตัวแทนตระกูลฮวาผู้นั้นยังดึงดันกัดฟันเสนอตัวเลขที่ยิ่งน่าหวาดหวั่นออกมา เขาเทหน้าตักแล้ว ในหมู่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งเจ็ด มีเพียงตระกูลฮวาของเขาที่ขาดแคลนชุดศึกสลักวิญญาณ พวกเขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป

นี่ทำให้คนยิ่งสงสัย ยังไม่ต้องยกเรื่องอาสัญสลายมาพูด เพียงแค่เจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียวใช้เงินสูงลิ่วถึงหนึ่งล้านหกแสนเหรียญทองชิงสิทธิ์มา จะคุ้มหรือไม่กันแน่

“คุ้ม!”

ว่ากันว่า นี่เป็นความเห็นต่อเรื่องนี้ของฮูหยินเป่าหวาแห่งสำนักศึกษามฤคมรกต เพียงคำง่ายๆ คำเดียว กลับมีพลังโน้มน้าวที่สะท้านใจคนได้

ส่วนหลินสวินอาศัยงานแถลงนี้ทำให้ชื่อเสียงโด่งดังไม่เป็นสองรองใครในคราเดียว กลายเป็นปฐมาจารย์เพียงผู้เดียวในรุ่นเยาว์ที่เป็นที่จับตามองของใต้หล้า!

ถูกต้อง ปรมาจารย์สลักวิญญาณที่สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณด้วยตัวคนเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องผ่านการรับรองอะไรอีกก็ได้ตำแหน่ง ‘ปฐมาจารย์’ ไปครองอย่างเต็มภาคภูมิ!

ส่วนผลงานเด่นของเขาอย่าง ‘อาสัญสลาย’´ก็กลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่น่าตื่นตาอีกชิ้นหนึ่งของจักรวรรดิ ทำให้นักสลักวิญญาณนับไม่ถ้วนคลั่งไคล้

…….

หลินสวินไม่รู้เรื่องเหล่านี้ชัดนัก ด้วยเมื่อการประมูลเพิ่งเริ่ม เขากับหลินจงก็ออกไปตามทางลับที่อัครการค้าจัดไว้ให้แล้ว

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เห็นงานประมูลอันดุเดือดหาใดเทียบนั้นด้วยตาตัวเอง และย่อมไม่รู้ว่าเพียงสิทธิ์เดียวก็ทำให้เขาได้เงินหนึ่งล้านหกแสนเหรียญทองในคราเดียว

หลินสวินเวลานี้นั่นอยู่บนเกี้ยวสมบัติ มุ่งหน้ากลับไปยังภูเขาชำระจิตพร้อมหลินจง

เขาไม่ได้กลับภูเขาชำระจิตมาพักหนึ่งแล้ว มีบางเรื่องที่ต้องหารือกับพวกพญาแร้งเสียหน่อย

“จูเหล่าซานไปฝึกปราณยังหอคอยกระบวนแปรจุติที่อยู่ลึกไปในพระราชวัง หากไม่ผิดพลาด น่าจะใช้เวลาไม่นานก็สามารถบรรลุขั้นได้… ในงานแถลงครั้งนี้ก็ประกาศข่าวเสาะหายาแก้พิษ ‘มารพบเคราะห์’ ด้วย เชื่อว่าเพียงได้ยาแก้พิษมา ก็จะช่วยพญาแร้งคลี่คลายความเจ็บปวดบนร่างกาย ได้รับพลังที่เคยมีมาอีกครั้ง…”

หลินสวินใคร่ครวญเรื่องราวระหว่างทาง นิ่วหน้าพึมพำไม่หยุดหย่อน

หลินจงมองกรอบหน้าหล่อเหลาคมสันของเด็กหนุ่มข้างกาย ในใจพลันบังเกิดความเห็นใจ นายน้อยเพิ่งอายุสิบหกปี คนนอกเพียงเห็นด้านที่เขายิ่งใหญ่ ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังความยิ่งใหญ่นี้ เขาต้องแบกรับความกดดันและอันตรายไว้มากน้อยเพียงใด

โครม!

ทันใดนั้นคลื่นการต่อสู้ที่น่าหวาดหวั่นระลอกหนึ่งพุ่งเข้ามาแต่ไกล ทำให้หลินสวินที่ตกอยู่ในภวังค์ในเกี้ยวสมบัติกับหลินจงตื่นตัวขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น” หลินจงถาม

“มีพวกตาไร้แววซุ่มอยู่ตรงนั้น แขกทั้งสองท่านไม่ต้องกังวลขอรับ พวกเราอัครการค้าได้ส่งกำลังพลมาเพียงพอ รับรองว่าจะส่งพวกท่านทั้งสองถึงภูเขาชำระจิตอย่างปลอดภัย”

ผู้ขับเกี้ยวสมบัติคือชายสูงวัยผมสีดอกเลาผู้หนึ่งที่มาจากอัครการค้า ถูกเทพเศรษฐีจัดมาเพื่อคุ้มครองและส่งหลินสวินกับหลินจง

‘ดูท่าเพื่อฆ่าข้า พวกเขาคงระงับโทสะไว้ไม่อยู่แล้ว’

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย สงบนิ่งราวกำลังครุ่นคิด

____

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์