บนยกพื้น หลีอันสีหน้าเคร่งขรึม “ผู้ที่มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับตระกูลฉือ ตระกูลจั่วและตระกูลฉินห้ามเข้าร่วมประมูล”
ทั้งงานพลันเงียบลงในทันใด ความหมายของข้อเรียกร้องนี้ก็ชัดเจนยิ่งแล้ว เป็นการแจ้งแก่ทุกคนในใต้หล้าว่าหลินสวินไม่มีทางให้ความช่วยเหลือด้านการหลอมอาวุธใดๆ แก่สามตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงนี้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“เช่นเดียวกัน หลังจากการประมูลนี้จบลง หากถูกอัครการค้าของข้าค้นพบว่าสิทธิ์นี้ตกอยู่ในมือของผู้ที่ข้องแวะกับตระกูลฉือ ตระกูลจั่ว และตระกูลฉิน จะมีสิทธิ์เรียกคืนสิทธิ์นี้”
เมื่อหลีอันพูดออกไปเช่นนี้ ก็เป็นการแสดงท่าทีของอัครการค้าอย่างชัดเจนเช่นกัน ทำให้ผู้มีอำนาจในที่นั้นระส่ำระสาย
เห็นได้ชัดว่าอัครการค้าตัดสินใจหนุนหลังหลินสวินแล้ว และไม่เสียดายว่าจะผิดใจกับสามตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงนั้น!
นี่ทำให้หลายคนลอบทอดถอนใจ หลินสวินในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แนวโน้มความรุ่งเรืองของเขาเริ่มทำให้กลุ่มอำนาจใหญ่ระดับอัครการค้าแสดงท่าทีสนับสนุนอย่างเปิดเผยแล้ว นี่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง
ไม่นานนักการประมูลก็เริ่มขึ้น ราคาขั้นต่ำสามหมื่นเหรียญทอง ราคาพอๆ กับเรือรบวีรชนม่วงรุ่นใหม่หนึ่งลำ เรียกได้ว่าน่าตกใจ แต่เมื่อได้เห็นความพิเศษของอาสัญสลายแล้ว ทุกคนก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล
“ห้าหมื่น!”
มีคนส่งเสียงขึ้น เสนอราคาครั้งแรกก็ขึ้นไปถึงห้าหมื่น ทำให้หลายคนสูดหายใจเย็นเยียบ
เหรียญทองจักรวรรดิมีมูลค่าสูงยิ่ง สำหรับขุมอำนาจใหญ่กลุ่มหนึ่งแล้ว ห้าหมื่นเหรียญทองก็เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยแล้ว
เพียงเพื่อประมูลสิทธิ์หลอมชุดศึกสลักวิญญาณสิทธิ์หนึ่งเท่านั้น ก็เกิดการประชันราคาที่บ้าคลั่งเช่นนี้แล้ว นี่ทำให้คนใหญ่คนโตที่กำลังจะเคลื่อนไหวอยู่เดิมล้วนลังเล
“หกหมื่น!”
ผู้ที่เสนอราคาคือราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุย นี่ทำให้ราชันแห่งทะเลตะวันออกเย่ฉิงเทียนที่อยู่ข้างๆ เขาพลันขมวดคิ้ว สื่อจิตพึมพำว่า ‘ตาแก่ เจ้าเข้าไปร่วมเฮโลกับเขาทำไม’
สีหน้าดุดันน่าเกรงขามของหนิงปู้กุยปรากฏแววเจ้าเล่ห์รางเลือน แต่ฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นราบเรียบไร้อารมณ์ สื่อจิตกลับไปว่า ‘เจ้าแก่เย่ เจ้าจะเข้าใจอะไร นี่ข้ากำลังช่วยเจ้าหนูหลินสวินนั่นหาเหรียญทองเพิ่มอีกหน่อย ที่นี่มีคนกระเป๋าหนักไม่น้อย ไม่ถือโอกาสนี้บีบเอาเงินสักก้อน พลาดไปก็น่าเสียดายยิ่ง’
เย่ชิงเทียนหัวเราะ ‘เช่นนั้นข้าก็สร้างความครึกครื้นด้วยดีกว่า”
เพียงแต่ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากเสนอราคา ในงานก็มีคนเสนอราคาสูงเทียมฟ้าแล้วว่า “หนึ่งแสนเหรียญทอง!”
ในที่นั้นเงียบลง คนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่ล้วนสีหน้านิ่งขรึม นิ่วหน้าไม่หยุดหย่อน สำหรับพวกเขาหลายคนแล้ว หนึ่งแสนเหรียญทองไม่ถือเป็นตัวเลขที่เกินเลย แต่หากเพียงเพื่อประมูลสิทธิ์สิทธิ์เดียว ก็ดูน่าตกใจพอสมควร
อย่างไรเสียในโลกนี้ก็ไม่ได้มีเพียงหลินสวินผู้เดียวที่สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้
ทันใดนั้นก็มีผู้มีอำนาจส่วนหนึ่งถอนตัวจากการประมูล เพราะพวกเขาดูออกแล้วว่า คนใหญ่คนโตที่เสนอราคาหนึ่งแสนนั้นมาจากตระกูลเซี่ยที่เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การประมูลต่อมาต้องเป็นเวทีที่สุดยอดผู้มีอำนาจในใต้หล้าประชันกัน ขุมอำนาจอื่นที่ด้อยกว่าไม่มีทางยื่นมือไปแทรกได้เลย
หนิงปู้กุยกับเย่ฉิงเทียนสบตากัน ทันใดนั้นก็พากันยิ้มแป้น เดิมทีพวกเขายังคิดจะเป็นหน้าม้า แต่เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องใช้พวกเขาแล้ว
“หนึ่งแสนหนึ่งหมื่น”
“หนึ่งแสนสามหมื่น!”
“หนึ่งแสนห้าหมื่น!”
อย่างที่คิด การประมูลต่อมาผู้ที่เสนอราคาเป็นขุมอำนาจที่มีอำนาจเทียมฟ้าอย่างตระกูลเซี่ย ตระกูลฮวา ตระกูลซ่ง ขุมอำนาจขุนนางบรรดาศักดิ์ กรมทหาร ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณก็ล้วนเข้าร่วมอย่างที่ทุกคนคาดไว้
“สองแสน”
คนใหญ่คนโตจากตระกูลฮวาผู้นั้นหงุดหงิดแล้ว จึงเสนอราคาสูงเสียดฟ้าที่พาให้ทุกคนอ้าปากค้าง ทำให้รอบตัวพลันไร้เสียง ราคาเท่านี้น่าหวาดหวั่นอยู่บ้างจริงๆ
“สามแสน”
ทันใดนั้นเสียงรื่นหูเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ในที่นั้นอื้ออึงขึ้น เพื่อสิทธิ์เดียวเท่านั้น ตัวเลขนี้น่าตื่นตะลึงยิ่งแล้ว ซื้อได้กระทั่งเรือรบขนาดใหญ่ของจักรวรรดิลำหนึ่ง
แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจที่สุดก็คือ ผู้ที่เสนอราคากลับเป็นฮูหยินเป่าหวาแห่งสำนักศึกษามฤคมรกต!
แต่คิดดูก็เข้าใจได้ ฮูหยินเป่าหวามีฐานะเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่มากประสบการณ์ผู้หนึ่ง สิ่งที่นางไม่ขาดที่สุดน่ากลัวว่าจะเป็นเงินทอง!
ก็เหมือนคำพูดนั้นที่ลือกันนานที่สุดในจักรวรรดิว่า สิ่งที่ลอดผ่านสิบนิ้วมือของนักสลักวิญญาณล้วนเป็นทรายสีทองที่ไหลมาอย่างไม่ขาดสาย
“หลังจากมีสถานะและพลังปราณถึงระดับหนึ่งแล้ว เงินทองตามความหมายของคนทั่วไปก็จะกลายเป็นของไม่มีราคา เงินทองมากมายสามารถแลกเปลี่ยนกับวิชาตกทอดของตระกูลวิชาหนึ่งหรือ ทั้งสามารถแลกโอกาสอายุยืนครั้งหนึ่งได้หรือ ไม่ได้หรอก!”
บางคนทอดถอนใจ ก่อให้เกิดเสียงเออออมากมาย
“ดังนั้นสิทธิ์นี้ ข้าต้องได้มา”
ฉับพลันเสียงหัวเราะดังก็ก้องกังวานขึ้น แล้วเสนอราคาประมูลออกมา “ห้าแสน!”
“เจิ้นไห่อ๋อง เจิ้นไห่อ๋องนี่!”
“ฮ่า คราวนี้มีละครฉากเด็ดให้ดูแล้ว ขนาดผู้มีอำนาจในราชวงศ์ก็นั่งไม่ติดแล้ว”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในงาน
เจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียวเป็นบุคคลระดับตำนาน ต่อหน้าเขา ขนาดคนระดับหนิงปู้กุยหรือเทพเศรษฐียังต้องเกรงใจอยู่สามส่วน ไม่ใช่เพราะหวาดหวั่นเกรงกลัว แต่เป็นเพราะเคารพ
ฮูหยินเป่าหวาใคร่ครวญเล็กน้อย ในที่สุดก็ส่ายหน้าแล้วถอนตัวจากการประมูล ห้าแสนเหรียญทอง ตัวเลขนี้บ้าระห่ำไปแล้ว
ต่อให้ตระกูลนางจะร่ำรวยกว่านี้ก็ต้องชั่งใจไตร่ตรองว่าคุ้มค่าหรือไม่กันแน่
“หกแสน!”
ตัวแทนตระกูลฮวาผู้นั้นยังดึงดันกัดฟันเสนอตัวเลขที่ยิ่งน่าหวาดหวั่นออกมา เขาเทหน้าตักแล้ว ในหมู่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งเจ็ด มีเพียงตระกูลฮวาของเขาที่ขาดแคลนชุดศึกสลักวิญญาณ พวกเขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์