Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 516

สรุปบท ตอนที่ 516: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 516 – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 516 ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 516 คนใหญ่คนโตเต็มนครหลวง
ตอนที่ 516 คนใหญ่คนโตเต็มนครหลวง
โดย
ProjectZyphon
ภูเขาชำระจิต

ฝนเม็ดเล็กโปรยปราย อวลไอปกคลุมอยู่ในอากาศ

ในตำหนักชำระจิต มีเพียงหลินสวิน หลินจง พญาแร้งและเสี่ยวเคอเพียงสี่คน

บาดแผลที่แขนซ้ายของหลินสวินได้รับการดูแลแล้ว ร่างของเขาเคยได้พลังจากมุกนักบุญอมตะเคี่ยวกรำอยู่หลายครั้ง จึงมีพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ต่อให้ไม่ทายารักษาแผล ใช้เวลาไม่กี่วันก็สามารถฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้สมบูรณ์

“หลินเฟยเฟิง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเขา…” พญาแร้งพึมพำอย่างทอดถอนใจ

บนพื้นมีศพเย็นเยียบศพหนึ่งวางนอนอยู่ เป็นชายชุดดำที่ถูกหนอนกินเทพกลืนกินจิตวิญญาณจนตายไป

เพียงแต่ทุกคนรวมทั้งตัวหลินสวิน ต่างคิดไม่ถึงว่าตัวตนที่แท้จริงของชายชุดดำผู้นี้กลับเป็นหลินเฟยเฟิง ผู้อาวุโสตระกูลหลินแห่งยอดวายุ!

ถ้าอิงตามสาแหรกแล้ว หลินสวินยังต้องเรียกเขาว่า ‘ท่านปู่สี่’ ด้วยซ้ำ!

บรรยากาศในห้องโถงดูหนักอึ้ง

หลินสวินเงียบเชียบไม่พูดจา ในใจกลับเข้าใจในที่สุดว่า เหตุใดก่อนที่หลินเฟยเฟิงจะสิ้นใจถึงคำรามเดือดดาลใส่ตน พูดว่าเขากำลัง ‘สังหารญาติ’ ผิดคุณธรรมครั้งใหญ่!

“ตอนนั้นเขาย่อมรู้ถึงตัวตนของนายน้อยอยู่ก่อนแล้ว แต่กลับไม่สนใจสิ่งใดหมายจะสังหารท่าน นี่เป็นเพียงความโหดเหี้ยมเสียที่ไหน ช่างไม่ต่างอะไรกับเดรัจฉาน! เขายังละอายใจต่อบรรพชนตระกูลหลินอยู่หรือไม่ เสื่อมเกียรตินัก!”

หลินจงคำรามเสียงต่ำ เบ้าตาแทบถลน เขาดูเสียอาการยิ่ง เพราะคิดไม่ถึงอย่างแท้จริงว่าผู้ที่ลอบโจมตีหลินสวินในครั้งนี้กลับเป็นคนในตระกูลหลินเสียเอง!

ผู้อาวุโสคนหนึ่ง กลับลงมือปลิดชีพคนรุ่นหลังในตระกูลด้วยมือตนเอง วิธีการก็ทารุณนัก! จิตใจจะโหดเหี้ยมได้ปานไหน

“ครั้งนี้ยังดีที่นายน้อยปลอดภัย หากสุดท้ายถูกเขาทำร้าย ไม่ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนมากมายเพียงใด ข้าก็ต้องได้อาบเลือดตระกูลหลินแห่งยอดวายุ!”

หลินจงโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ ไม่อาจควบคุมตัวเองได้เลย

“ลุงจง อย่าโกรธไปเลย ข้าคาดไว้นานแล้วว่าจะต้องมีวันนี้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้”

หลินสวินที่เงียบมาโดยตลอดเอ่ยปากในที่สุด สีหน้าเขาดูสงบนิ่งผิดปกติ ไม่มีความหวั่นไหวในอารมณ์สักนิด แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้หลินจงปวดใจ

นายน้อยคิดแต่จะฟื้นฟูความรุ่งเรืองของตระกูลหลินในวันวาน จะไปคิดได้อย่างไรว่าผู้ที่ทำร้ายเขามากที่สุดไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นพวกนั้น แต่เป็นคนในตระกูลหลินด้วยกันเอง

“เหตุใดพวกเขา…ถึงทำเช่นนี้ หรือว่าไม่อาจยอมให้นายน้อยควบคุมตระกูลหลินได้จริงๆ” หลินจงพึมพำ

“ง่ายดายนัก หลินสวินยิ่งรุ่งเรืองขึ้นก็ทำให้พวกเขานั่งไม่ติดที่แล้ว หากไม่ลงมือ ภายหลังก็จะหาโอกาสกำจัดหลินสวินไม่ได้อีก”

เวลานี้พญาแร้งดูใจเย็น วิเคราะห์เสียงเบา “แต่ว่า การเคลื่อนไหวลอบโจมตีสังหารครั้งนี้ของพวกเขา ต้องมีขุมอำนาจใหญ่กลุ่มอื่นหนุนหลัง หาไม่อาศัยความกล้าของพวกเขาย่อมไม่มีทางกล้าเดินหมากบ้าระห่ำเช่นนี้ เพราะเมื่อล้มเหลว พวกเขาไม่มีทางรับผลลัพธ์ได้”

หลินจงอึ้งไป “ท่านพญาแร้ง ท่านจะบอกว่าเบื้องหลังยังมีขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลฉือ จั่วและฉินสนับสนุนหรือ”

พญาแร้งพยักหน้า

“น่าชังนัก!” หลินจงกัดฟันกรอด ตอนนั้นขุมอำนาจสามตระกูลรองร่วมมือกับศัตรูภายนอก เข้ามาฉกชิงทรัพย์สินตระกูลหลิน บัญชีนี้ยังไม่ได้สะสางเลย แต่ตอนนี้พวกเขากลับจับมือกับศัตรูภายนอกอีกครั้งอย่างไม่เสียดาย ร่วมกันลอบสังหารหลินสวิน ความผิดนี้ช่างสมควรตายนัก!

สายตาพญาแร้งทอดมองไปยังหลินสวิน “เมื่อหลินเฟยเฟิงตายไป ตระกูลหลินแห่งยอดวายุก็เหมือนมังกรไร้หัว นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะรวมพวกเขากลับมา”

หลินสวินนิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น ส่ายหัวแล้วเอ่ยว่า “ข้าเคยพูดไว้แล้วว่าจะให้เวลาพวกเขาได้ไตร่ตรองสามปี ในช่วงเวลานี้ข้าจะไม่ลงมือ”

“นายน้อย แต่พวกมันยิ่งได้คืบจะเอาศอก ไม่เห็นข้อเสนอแนะของพวกเราอยู่ในสายตาเลย ทั้งตอนนี้ยิ่งต้องการฆ่าท่านถึงจะพอใจ พวกเราจะนั่งรอความตายเช่นนี้หรือขอรับ”

หลินจงไม่เข้าใจ ขัดเคืองแทนหลินสวิน

“หลินสวินปรานีเกินไป ไม่ต้องการก่อบาปสังหารใหญ่ตอนนี้ ทั้งยังหวังว่าคนในตระกูลรองเหล่านั้นจะรู้จักกลับเนื้อกลับตัว”

เสี่ยวเคอที่ไม่พูดไม่จามาตลอดถอนหายใจแผ่วเบา นางเข้าใจหลินสวินที่สุด ยามปฏิบัติต่อศัตรู เขาโหดเหี้ยมจนไม่เหลือทางรอดให้ แต่ยามปฏิบัติต่อคนในตระกูล สุดท้ายเขาก็ไม่มีทางทำใจแข็งได้

“เช่นนี้ก็ดี”

พญาแร้งพูดออกมาอย่างเกินความคาดหมาย “การตายของหลินเฟยเฟิง เป็นการสั่นกระดิ่งเตือนไปยังขุมอำนาจสามตระกูลรองเหล่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้พวกเขารู้ว่าหลินสวินในตอนนี้ไม่ใช่คนที่จะสามารถทำร้ายได้ เชื่อว่าภายหลังต่อให้พวกเขาแค้นหลินสวินมากกว่านี้ ก็ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามโดยง่าย”

หลินจงนิ่วหน้า “แต่หากมีความช่วยเหลือจากตระกูลฉือ จั่วและฉินเล่า”

พญาแร้งยิ้มบางๆ ดวงตากระจ่างฉายแววหลักแหลม “พวกเขาเสียโอกาสดีที่สุดในการลอบสังหารหลินสวินไปแล้ว ต่อไปนอกเสียจากหลินสวินออกจากนครต้องห้าม หาไม่แล้วพวกเขาย่อมไม่กล้าลงมืออีก”

“นี่เป็นเพราะเหตุใด” หลินจงประหลาดใจอยู่บ้าง

“ก็เพราะหลินสวินพิสูจน์คุณค่าของตนเองต่อคนทั้งใต้หล้าแล้ว เขาในตอนนี้กลายเป็นปฐมาจารย์ที่สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้ผู้หนึ่งแล้ว!”

“ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์แห่งจักรวรรดิ หรือสำนักศึกษามฤคมรกต หรือแม้แต่ขุมอำนาจใหญ่กลุ่มอื่น ก็ไม่มีทางยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง!”

พญาแร้งพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “หากข้าเดาไม่ผิด ในวันนี้จักรวรรดิจะต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนต่อเรื่องนี้ออกมา!”

เวลานี้ แม้แต่หลินสวินและเสี่ยวเคอก็ล้วนไหวหวั่น ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

…….

…….

นครต้องห้ามวันนี้ถือเป็นเวทีของหลินสวินเพียงผู้เดียวอย่างไม่ต้องสงสัย!

ทั้งเรื่องงานแถลงของเขา ทั้งเรื่องที่เขาถูกลอบสังหาร ทั้งเรื่องที่ราชวงศ์กับขุมอำนาจใหญ่แสดงท่าทีชัดเจนต่อเรื่องนี้ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เสียงฮือฮาอื้ออึงไม่รู้เท่าไรใต้ฟ้านครต้องห้าม เหมือนคลื่นใหญ่ทรงพลังลูกแล้วลูกเล่า

หลินสวิน!

ชื่อนี้เหมือนมีเวทมนต์ ตั้งแต่ปรากฏตัวในนครต้องห้ามครั้งแรกก็ไม่เคยเงียบเชียบหรือหม่นหมองลงเลย

……

หลินสวินต้องกลับไปยังสำนักศึกษามฤคมรกตก่อนกำหนด

ช่วยไม่ได้ หลังจากรู้ว่าเขาถูกลอบสังหารได้รับบาดเจ็บ ก็มีขุมอำนาจมากมายส่งตัวแทนถือของขวัญนานาชนิดมาเยี่ยมเยียนที่ภูเขาชำระจิต

นอกจากอัครการค้า ตระกูลหนิง ตระกูลเย่ ตระกูลกง ยังมีขุมอำนาจอื่นที่ไม่เคยติดต่อด้วยเลยบางกลุ่มถือโอกาสนี้มาเยี่ยมด้วย

เพราะคนที่มาเยี่ยมเยียนมากมายนัก หากมารับแขกทีละคน ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไร หลินสวินจึงทำได้เพียงหลบหลีกด้วยความจนใจ ส่งเรื่องทั้งหมดให้หลินจงและพญาแร้งจัดการ

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินอึดอัดใจก็คือ กลับมาสำนักศึกษามฤคมรกตก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบ เพิ่งกลับมาก็ถูกเสิ่นทั่วแจ้งอย่างเริงร่าว่าอาจารย์ทั้งสาขาสลักวิญญาณหารือกันอย่างละเอียดแล้ว ตัดสินใจเลือกหลินสวินเป็นรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณ

สำหรับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นี่เป็นเกียรติที่ยากจะได้รับอย่างหาใดเทียบ กระทั่งเรียกว่าเป็นการสร้างหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ได้เลย

อย่างไรเสียสำนักศึกษามฤคมรกตในกาลก่อน ผู้ที่สามารถดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าได้ ก็ไม่มีเด็กหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลินสวินสักคน!

เพียงแต่ข้อเสนอนี้ถูกหลินสวินปฏิเสธอย่างแข็งขัน ตอนนี้เขาสะดุดตาเกินไปแล้ว ได้รับการจับตามองมากเกินไปด้วย ก็เหมือนคำกล่าวที่ว่าคนกลัวมีชื่อเสียงหมูกลัวอ้วน ในเวลาพิเศษเช่นนี้ หากรับตำแหน่งรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณอีก ต้องยิ่งดึงดูดความสนใจมากขึ้นแน่

นี่ทำให้เสิ่นทั่วแสดงสีหน้าท้อใจ จากไปพร้อมความผิดหวัง

หลินสวินได้แต่ยิ้มเจื่อน ที่เขาอยากทำตอนนี้คือเก็บตัวและอยู่เงียบๆ ให้ได้มากที่สุดระยะหนึ่ง ไม่คิดจะดึงดูดสายตาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์อีกแล้ว

เพียงแต่เมื่อหลินสวินตัดสินใจจะทำตัวเงียบสักพักหนึ่ง กลับพบว่าทำได้ยากยิ่ง เสิ่นทั่วเพิ่งจากไปไม่นาน จ้าวไท่ไหลที่ยิ้มสนิทสนมก็พาองค์หญิงจิ่งเซวียนที่ปลอมตัวเป็นชายมา…

แทบจะในเวลาเดียวกัน ผู้มีอำนาจที่ทำให้หลินสวินคาดไม่ถึงผู้หนึ่งก็มาเยี่ยมเยียน ทำให้เขาดีใจที่ได้รับความโปรดปรานอยู่บ้าง

——————

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์