ฝนเม็ดเล็กโปรยปราย อวลไอปกคลุมอยู่ในอากาศ
ในตำหนักชำระจิต มีเพียงหลินสวิน หลินจง พญาแร้งและเสี่ยวเคอเพียงสี่คน
บาดแผลที่แขนซ้ายของหลินสวินได้รับการดูแลแล้ว ร่างของเขาเคยได้พลังจากมุกนักบุญอมตะเคี่ยวกรำอยู่หลายครั้ง จึงมีพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ต่อให้ไม่ทายารักษาแผล ใช้เวลาไม่กี่วันก็สามารถฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้สมบูรณ์
“หลินเฟยเฟิง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเขา…” พญาแร้งพึมพำอย่างทอดถอนใจ
บนพื้นมีศพเย็นเยียบศพหนึ่งวางนอนอยู่ เป็นชายชุดดำที่ถูกหนอนกินเทพกลืนกินจิตวิญญาณจนตายไป
เพียงแต่ทุกคนรวมทั้งตัวหลินสวิน ต่างคิดไม่ถึงว่าตัวตนที่แท้จริงของชายชุดดำผู้นี้กลับเป็นหลินเฟยเฟิง ผู้อาวุโสตระกูลหลินแห่งยอดวายุ!
ถ้าอิงตามสาแหรกแล้ว หลินสวินยังต้องเรียกเขาว่า ‘ท่านปู่สี่’ ด้วยซ้ำ!
บรรยากาศในห้องโถงดูหนักอึ้ง
หลินสวินเงียบเชียบไม่พูดจา ในใจกลับเข้าใจในที่สุดว่า เหตุใดก่อนที่หลินเฟยเฟิงจะสิ้นใจถึงคำรามเดือดดาลใส่ตน พูดว่าเขากำลัง ‘สังหารญาติ’ ผิดคุณธรรมครั้งใหญ่!
“ตอนนั้นเขาย่อมรู้ถึงตัวตนของนายน้อยอยู่ก่อนแล้ว แต่กลับไม่สนใจสิ่งใดหมายจะสังหารท่าน นี่เป็นเพียงความโหดเหี้ยมเสียที่ไหน ช่างไม่ต่างอะไรกับเดรัจฉาน! เขายังละอายใจต่อบรรพชนตระกูลหลินอยู่หรือไม่ เสื่อมเกียรตินัก!”
หลินจงคำรามเสียงต่ำ เบ้าตาแทบถลน เขาดูเสียอาการยิ่ง เพราะคิดไม่ถึงอย่างแท้จริงว่าผู้ที่ลอบโจมตีหลินสวินในครั้งนี้กลับเป็นคนในตระกูลหลินเสียเอง!
ผู้อาวุโสคนหนึ่ง กลับลงมือปลิดชีพคนรุ่นหลังในตระกูลด้วยมือตนเอง วิธีการก็ทารุณนัก! จิตใจจะโหดเหี้ยมได้ปานไหน
“ครั้งนี้ยังดีที่นายน้อยปลอดภัย หากสุดท้ายถูกเขาทำร้าย ไม่ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนมากมายเพียงใด ข้าก็ต้องได้อาบเลือดตระกูลหลินแห่งยอดวายุ!”
หลินจงโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ ไม่อาจควบคุมตัวเองได้เลย
“ลุงจง อย่าโกรธไปเลย ข้าคาดไว้นานแล้วว่าจะต้องมีวันนี้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้”
หลินสวินที่เงียบมาโดยตลอดเอ่ยปากในที่สุด สีหน้าเขาดูสงบนิ่งผิดปกติ ไม่มีความหวั่นไหวในอารมณ์สักนิด แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้หลินจงปวดใจ
นายน้อยคิดแต่จะฟื้นฟูความรุ่งเรืองของตระกูลหลินในวันวาน จะไปคิดได้อย่างไรว่าผู้ที่ทำร้ายเขามากที่สุดไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นพวกนั้น แต่เป็นคนในตระกูลหลินด้วยกันเอง
“เหตุใดพวกเขา…ถึงทำเช่นนี้ หรือว่าไม่อาจยอมให้นายน้อยควบคุมตระกูลหลินได้จริงๆ” หลินจงพึมพำ
“ง่ายดายนัก หลินสวินยิ่งรุ่งเรืองขึ้นก็ทำให้พวกเขานั่งไม่ติดที่แล้ว หากไม่ลงมือ ภายหลังก็จะหาโอกาสกำจัดหลินสวินไม่ได้อีก”
เวลานี้พญาแร้งดูใจเย็น วิเคราะห์เสียงเบา “แต่ว่า การเคลื่อนไหวลอบโจมตีสังหารครั้งนี้ของพวกเขา ต้องมีขุมอำนาจใหญ่กลุ่มอื่นหนุนหลัง หาไม่อาศัยความกล้าของพวกเขาย่อมไม่มีทางกล้าเดินหมากบ้าระห่ำเช่นนี้ เพราะเมื่อล้มเหลว พวกเขาไม่มีทางรับผลลัพธ์ได้”
หลินจงอึ้งไป “ท่านพญาแร้ง ท่านจะบอกว่าเบื้องหลังยังมีขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลฉือ จั่วและฉินสนับสนุนหรือ”
พญาแร้งพยักหน้า
“น่าชังนัก!” หลินจงกัดฟันกรอด ตอนนั้นขุมอำนาจสามตระกูลรองร่วมมือกับศัตรูภายนอก เข้ามาฉกชิงทรัพย์สินตระกูลหลิน บัญชีนี้ยังไม่ได้สะสางเลย แต่ตอนนี้พวกเขากลับจับมือกับศัตรูภายนอกอีกครั้งอย่างไม่เสียดาย ร่วมกันลอบสังหารหลินสวิน ความผิดนี้ช่างสมควรตายนัก!
สายตาพญาแร้งทอดมองไปยังหลินสวิน “เมื่อหลินเฟยเฟิงตายไป ตระกูลหลินแห่งยอดวายุก็เหมือนมังกรไร้หัว นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะรวมพวกเขากลับมา”
หลินสวินนิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น ส่ายหัวแล้วเอ่ยว่า “ข้าเคยพูดไว้แล้วว่าจะให้เวลาพวกเขาได้ไตร่ตรองสามปี ในช่วงเวลานี้ข้าจะไม่ลงมือ”
“นายน้อย แต่พวกมันยิ่งได้คืบจะเอาศอก ไม่เห็นข้อเสนอแนะของพวกเราอยู่ในสายตาเลย ทั้งตอนนี้ยิ่งต้องการฆ่าท่านถึงจะพอใจ พวกเราจะนั่งรอความตายเช่นนี้หรือขอรับ”
หลินจงไม่เข้าใจ ขัดเคืองแทนหลินสวิน
“หลินสวินปรานีเกินไป ไม่ต้องการก่อบาปสังหารใหญ่ตอนนี้ ทั้งยังหวังว่าคนในตระกูลรองเหล่านั้นจะรู้จักกลับเนื้อกลับตัว”
เสี่ยวเคอที่ไม่พูดไม่จามาตลอดถอนหายใจแผ่วเบา นางเข้าใจหลินสวินที่สุด ยามปฏิบัติต่อศัตรู เขาโหดเหี้ยมจนไม่เหลือทางรอดให้ แต่ยามปฏิบัติต่อคนในตระกูล สุดท้ายเขาก็ไม่มีทางทำใจแข็งได้
“เช่นนี้ก็ดี”
พญาแร้งพูดออกมาอย่างเกินความคาดหมาย “การตายของหลินเฟยเฟิง เป็นการสั่นกระดิ่งเตือนไปยังขุมอำนาจสามตระกูลรองเหล่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้พวกเขารู้ว่าหลินสวินในตอนนี้ไม่ใช่คนที่จะสามารถทำร้ายได้ เชื่อว่าภายหลังต่อให้พวกเขาแค้นหลินสวินมากกว่านี้ ก็ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามโดยง่าย”
หลินจงนิ่วหน้า “แต่หากมีความช่วยเหลือจากตระกูลฉือ จั่วและฉินเล่า”
พญาแร้งยิ้มบางๆ ดวงตากระจ่างฉายแววหลักแหลม “พวกเขาเสียโอกาสดีที่สุดในการลอบสังหารหลินสวินไปแล้ว ต่อไปนอกเสียจากหลินสวินออกจากนครต้องห้าม หาไม่แล้วพวกเขาย่อมไม่กล้าลงมืออีก”
“นี่เป็นเพราะเหตุใด” หลินจงประหลาดใจอยู่บ้าง
“ก็เพราะหลินสวินพิสูจน์คุณค่าของตนเองต่อคนทั้งใต้หล้าแล้ว เขาในตอนนี้กลายเป็นปฐมาจารย์ที่สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้ผู้หนึ่งแล้ว!”
“ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์แห่งจักรวรรดิ หรือสำนักศึกษามฤคมรกต หรือแม้แต่ขุมอำนาจใหญ่กลุ่มอื่น ก็ไม่มีทางยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง!”
พญาแร้งพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “หากข้าเดาไม่ผิด ในวันนี้จักรวรรดิจะต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนต่อเรื่องนี้ออกมา!”
เวลานี้ แม้แต่หลินสวินและเสี่ยวเคอก็ล้วนไหวหวั่น ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
…….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์