Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 523

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 523 ความแค้นในปีนั้นขาดสะบั้นในวันนี้ (สอง)
ตอนที่ 523 ความแค้นในปีนั้นขาดสะบั้นในวันนี้ (สอง)
โดย
ProjectZyphon
หลินสวินเอ่ยกระชับได้ใจความ “เหลียนเฟยอยู่ที่ไหน”

ในสีหน้าโกรธเขียวของอู๋เชาฉวินเจือความหวาดกลัว แม้ในใจระรู้สึกอัปยศหาใดเปรียบ ทว่ากลับไม่กล้าไม่เอ่ยตอบ “พรุ่งนี้เขาถึงจะปรากฏตัว ก่อนหน้านั้นผู้ใดก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

หลินสวินเลิกคิ้ว “แล้วพวกเจ้าติดต่อกับเขาอย่างไร”

อู๋เชาฉวินส่ายหน้า “เมื่อจำเป็น เขาจะเป็นฝ่ายติดต่อพวกเรามาเอง”

คิ้วของหลินสวินขมวดมุ่นเล็กน้อย กล่าวว่า “พูดตามตรง ในสายตาของข้า พวกเจ้าในตอนนี้ก็ไม่พ้นเป็นแค่ขี้หมูราขี้หมาแห้งกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เชื่อว่าขอเพียงเหลียนเฟยไม่โง่ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดว่าอาศัยแค่กำลังของพวกเจ้าก็จะสามารถต่อกรข้าได้ แต่เขากลับเลือกจะร่วมมือกับพวกเจ้า นี่เป็นเพราะอะไร”

ถ้อยคำนี้บาดหูอย่างเห็นได้ชัด ทำให้พวกอู๋เชาฉวินอัดอั้นมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ทว่าความเป็นจริงนั้นแสนโหดร้าย แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ประมือของหลินสวินจริงๆ ต่อให้เอาทั้งตระกูลอู๋มารวมกัน ยังไม่เพียงพอจะให้หลินสวินคนเดียวลงมือฆ่าด้วยซ้ำ

นี่ก็คือความน่ากลัวของระดับมหาสมุทรวิญญาณ บางทีในนครต้องห้ามอาจจะไม่ถือว่ายิ่งใหญ่อะไร ทว่าในเมืองเล็กๆ ชายแดนมณฑลซีหนานแห่งนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญน่าสะพรึงกลัวที่หยัดยืนอยู่เหนือเมฆคนหนึ่งแล้ว

“เพราะเขารู้ว่าพวกเรากับเจ้ามีความแค้นต่อกัน”

อู๋เชาฉวินตอบด้วยสีหน้าอึมครึม แต่ความจริงแล้วในใจเขาก็มีความสงสัยเสี้ยวหนึ่ง เหลียนเฟยเป็นถึงลูกเขยของเหยาทั่วไห่ หากคิดจะต่อกรกับหลินสวิน การเลือกร่วมมือกับขุมอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าจึงจะเป็นทางเลือกอันชาญฉลาดที่สุด

แต่เหลียนเฟยกลับเรียกหาพวกเขาตระกูลอู๋ หรือเพราะเหลียนเฟยอาจเห็นว่าพวกเขาตระกูลอู๋และหลินสวินมีความแค้นต่อกันจริงๆ?

อู๋เชาฉวินเองก็ไม่สามารถยืนยันได้

ประโยคเดียวก็ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า ตระกูลอู๋คงถูกเหลียนเฟยใช้เป็นหมาก ที่น่าขันคือพวกอู๋เชาฉวินมีท่าทางเหมือนยังไม่รู้เนื้อรู้ตัว

“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหลียนเฟยจับตัวชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นไปขังไว้ที่ไหน”

หลินสวินเอ่ยปากถามคำถามที่เป็นกังวลมากที่สุด

อู๋เชาฉวินยังคงส่ายหน้า แสดงถึงความไม่รู้ตามเดิม

“จริงหรือ”

กลางนัยน์ตาดำขลับของหลินสวินมีไอสังหารพุ่งผ่าน

“เป็นความจริง”

อู๋เชาฉวินฝืนเอ่ยตอบ

ปึง!

หลินสวินหรี่ตาลง แล้วพลันยกมือขึ้นตบศีรษะของผู้อาวุโสรองอู๋อวี้ซานจนแตกเป็นเสี่ยงในฝ่ามือเดียว เลือดสดไหลอาบดูคล้ายแตงโมเละอย่างไรอย่างนั้น ทำเอาอู๋เชาฉวินและผู้อาวุโสสามอู๋หลันซานที่เหลืออยู่ตกใจจนแผดร้องดังสนั่นขึ้น หวาดกลัวโกรธเกรี้ยวหาใดเปรียบ

ในสายตาพวกเขา หลินสวินเป็นปีศาจชั่วร้ายตนหนึ่งชัดๆ บอกจะลงมือฆ่าคนก็ทำในทันที แทบไม่ละล้าละลังเลยแม้แต่น้อย เด็ดขาดโหดเหี้ยมอย่างน่าสะพรึง

“ข้าจะถามอีกเป็นครั้งสุดท้าย หากพวกเจ้ายังไม่สามารถทำให้ข้าพอใจได้อีก เช่นนั้นก็ให้ทั้งตระกูลอู๋ฝังร่างร่วมกับพวกเจ้าเลยแล้วกัน”

คำพูดของหลินสวินราบเรียบเอ้อระเหย แต่เมื่อเข้าสู่โสตประสาทของอู๋เชาฉวิน กลับไม่ด้อยไปกว่าอสนีฟาดกลางอากาศแจ่มใส ทำให้ทั้งตัวเขาทรุดถล่มโดยสิ้นเชิง

“ข้าพูด ข้าพูดแล้วพอใจหรือยัง อยู่ในพื้นที่ต้องห้ามเรือนหลังของตระกูลอู๋ของพวกเรา…”

……

เสามังกรจตุลักษณ์ถูกเก็บไป บนพื้นมีศพนองเลือดปรากฏขึ้นศพแล้วศพเล่า ไม่ได้ไว้ชีวิตเลยสักคน

อู๋เชาฉวินและอู๋หลันซานก็ถูกหลินสวินสังหารในช่วงสุดท้ายเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเขาโหดเหี้ยมอำมหิต แต่เพราะความแค้นแบบนี้จำเป็นต้องโต้ตอบเอาคืนและขู่ขวัญ!

สวบ!

หลินสวินไม่ลังเลใดๆ เงาร่างไหววูบก่อนปรากฏกายในพื้นที่ต้องห้ามเรือนหลังตระกูลอู๋ กวาดหาคร่าวๆ ก็พบทางเข้าใต้ดินซึ่งปกคลุมด้วยรอยสลักวิญญาณจุดหนึ่งอยู่จริงๆ

รอยสลักวิญญาณระดับนี้ ย่อมไม่เป็นอุปสรรคต่อหลินสวินแม้แต่น้อย ไม่จำเป็นต้องทะลวงทำลายเขาก็เข้าไปในนั้นได้อย่างสบาย

หลินสวินในยามนี้ปลอมตัวเป็นอู๋เชาฉวิน คล้ายคลึงกับตัวจริงยิ่งนัก แม้แต่บุคลิกและสีหน้าท่าทางก็ยังเหมือนกันไม่มีผิด

นี่เป็นทักษะการปลอมตัวอย่างหนึ่งยามอยู่ค่ายกระหายเลือดที่ลูกศิษย์ทุกคนต้องสันทัด หลินสวินเองย่อมเชี่ยวชาญในด้านนี้อยู่แล้ว

นี่คืออุโมงค์ที่นำไปสู่ใต้ดิน ปูทางด้วยขั้นบันไดหิน แต่ละขั้นทอดลงด้านล่าง บนผนังสองด้านของอุโมงค์แขวนคบเพลิงส่องสว่างเป็นทางยาว แผ่ลำแสงอบอุ่นกระจายออกมา

พลังจิตวิญญาณของหลินสวินแผ่กระจายออกไป เมื่อไม่พบอันตรายใดๆ ในใจจึงเริ่มเชื่อน้ำคำของอู๋เชาฉวิน ที่นี่ไม่ใช่กับดักอย่างแน่นอน แต่เดิมเป็นห้องลับที่เก็บสมบัติของตระกูลอู๋ เพียงแต่ตอนนี้ถูกย้ายออกไปแล้วเท่านั้น

เมื่อถึงปลายอุโมงค์ ปรากฏเรือนใต้ดินหลังหนึ่ง ลำแสงสว่างไสว กว้างใหญ่ไพศาล

อ้างอิงจากคำพูดของอู๋เชาฉวิน ชาวบ้านของหมู่บ้านเฟยอวิ๋นถูกคุมตัวไว้ที่นี่ คนที่เฝ้าชาวบ้านพวกนี้คือผู้ติดตามคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายเหลียนเฟย ไม่อนุญาตให้คนอื่นๆ เข้าใกล้ได้โดยง่าย

“ใคร?”

ตอนที่หลินสวินมาถึง ก็มีคนส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำ

“ข้าเอง”

หลินสวินสีหน้าราบเรียบ สาวเท้าเดินเข้าไปในเรือนใต้ดินแห่งนั้น จากนั้นหรี่ตาลงมองรูปลักษณ์ของผู้ที่ไถ่ถามเมื่อครู่

คนผู้นั้นหนวดเคราสีดำเข้ม ท่าทางองอาจ เป็นอวี๋ชางหลินเจ้าสำนักสำนักศึกษาตงหลินนั่นเอง!

คนผู้นี้เป็นที่รู้จักในนาม ‘จริงจังไม่อ่อนข้อให้ใคร’ เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ก็เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งระดับมหาสมุทรวิญญาณที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรที่สุดในเมืองตงหลิน

ในการทดสอบระดับอำเภอเมื่อสามปีก่อน ถึงแม้อวี๋ชางหลินจะไม่เคยแสดงออกอะไร แต่หลินสวินได้รู้มาแล้วว่าผู้ที่กดดันเล่นงานตนในปีนั้น นอกจากหัวหน้าผู้คุมสอบเหยาทั่วไห่แล้ว ยังมีอวี๋ชางหลินผู้นี้ด้วยอีกคน!

เพียงแต่หลินสวินคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่า เจ้าสำนักสำนักศึกษาตงหลินผู้เกรียงไกร หนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงระดับแถวหน้าของเมืองตงหลินอย่างอวี๋ชางหลิน จะมาปรากฏตัวในเรือนใต้ดินของตระกูลอู๋ได้

สิ่งนี้ทำให้ในใจหลินสวินรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ก่อนหน้านี้ตอนที่คาดคั้นอู๋เชาฉวิน ไม่ยักได้ยินเขาบอกว่าอวี๋ชางหลินก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน!

‘ดูท่า ก่อนตายตาแก่นั่นก็มิวายวางอุบายกับข้าสักหน คิดจะยืมมืออวี๋ชางหลินมาจัดการข้า…’

ชายหนุ่มชุดโอ่อ่ากล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราก็จะส่งคนไปเชิญเจ้ามาเป็นการเฉพาะ”

เห็นชัดเจนว่าพวกเขาได้วางอุบายกันมานานแล้ว วางแผนได้ละเอียดถี่ถ้วนหาใดเปรียบ คำนึงถึงเหตุสุดวิสัยที่จะเกิดขึ้นทุกกรณี!

“ดูเหมือนว่าความร่วมมือของพวกเจ้ากับตระกูลอู๋จะเป็นเพียงข้ออ้างอย่างหนึ่ง จงใจใช้สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของข้ากระมัง” ท่าทางของหลินสวินเยือกเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ

“ที่เจ้าพูดมันเกรงใจกันเกินไปแล้ว ว่ากันอย่างเคร่งครัด ตระกูลอู๋ก็แค่ขี้เถ้าดินปืน เชื่อว่าตอนนี้พวกเขาคงถูกเจ้าฆ่าหมดแล้วกระมัง เป็นอย่างไร ความรู้สึกของการล้างแค้นทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้นมาบ้างหรือไม่”

ชายหนุ่มชุดโอ่อ่าถามพลางยิ้มน้อยๆ

หลินสวินก็ยิ้มเช่นกัน “เจ้าก็พูดเองว่าพวกเขาเป็นแค่ขี้เถ้าดินปืนเท่านั้น คิดจะระบายความเคียดแค้นในใจข้า ลำพังแค่ฆ่าพวกเขายังไม่เพียงพอ”

“เหยาชิง ตระกูลอู๋เป็นขี้เถ้าดินปืน แล้วข้านับเป็นอะไรเล่า”

อวี๋ชางหลินที่เงียบอยู่ด้านข้างมาตลอดเอ่ยปากเสียงขรึมทันควัน สีหน้ามีความเดือดดาลที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด เขาคิดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าตนก็ถูกหลอกด้วยเหมือนกัน!

“ผู้อาวุโสโปรดระงับโทสะ ท่านเป็นถึงสหายรักของใต้เท้าข้า ย่อมเอามาเทียบกับตระกูลอู๋ไม่ได้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังต้องให้ท่านจับตัวหลินสวินไปที่จังหวัดชิงเฟิงด้วยตัวเองขอรับ”

ชายหนุ่มชุดโอ่อ่าที่ถูกเรียกว่าเหยาชิงเอ่ยปากเชิงขอโทษ

“เฮอะ!”

อวี๋ชางหลินแค่นเสียงเย็นไม่เอ่ยคำ ถึงในใจเขาจะโกรธ แต่ก็รู้ว่าสิ่งสำคัญในภารกิจนี้คือการจัดการหลินสวิน จึงทำได้เพียงข่มใจยอมรับ

“จังหวัดชิงเฟิง?” หลินสวินมุ่นคิ้ว

“ฮ่าๆ เจ้าคงจะไม่คิดว่าพวกเราจะจัดการกับเจ้าในเมืองตงหลินแห่งนี้จริงๆ หรอกกระมัง” เหยาชิงหัวเราะลั่น แสดงถึงความเย้ยหยันและย่ามใจไม่มีที่สิ้นสุด

ทันใดนั้นเขาก็กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “พวกเราเองก็ไร้หนทาง ใครใช้ให้ยามนี้เจ้าหลินสวินมีชื่อเสียงโด่งดังเกินไปกันเล่า ทั่วทั้งจักรวรรดิต่างรู้จักชื่อเสียงของเจ้ากันหมด ขุมอำนาจใหญ่ที่ผูกมิตรกับเจ้ายิ่งมีนับไม่ถ้วน หากมีคนลอบช่วยเจ้าอย่างลับๆ ท้ายที่สุดก็จะมีตัวแปรปรากฏขึ้นมากมาย”

“แทนที่จะเป็นเช่นนี้ ไม่สู้แสร้งควงหอกเปิดศึก ในที่แจ้งล่อเจ้ามาเมืองตงหลิน แต่ในที่ลับให้เจ้าตามพวกเราไปอย่างว่าง่าย มุ่งหน้าไปจังหวัดชิงเฟิงด้วยกันโดยเทพไม่รู้ผีไม่เห็น พอถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องกังวลใจอีกว่าจะเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายอะไรขึ้น”

กล่าวจบเหยาชิงก็หัวเราะชอบใจพลางมองหลินสวิน สายตานั้นราวกับมองเหยื่อที่ตกลงไปในหลุมพราง

“เป็นกลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเล[1]ที่ดีอย่างหนึ่ง เหยาทั่วไห่ให้ค่ากับข้ามากโขอยู่”

หลินสวินได้รู้เรื่องทั้งหมดนี้ก็อดเลื่อมใสไม่ได้ เหยาทั่วไห่ยังเป็นคนลึกซึ้งเจ้าแผนการ วางแผนรัดกุมราวภูษาฟ้าไร้ตะเข็บจริงๆ

“แต่ว่า พวกเจ้ามั่นใจว่าข้าจะนั่งนิ่งรอความตายหรือ” หลินสวินไม่เข้าใจอยู่บ้าง

——

[1] กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเล หมายถึง การสร้างภาพลวง สร้างสถานการณ์หลอก โดยปกปิดความจริงบางประการ ทำให้ศัตรูเกิดความคุ้นชินจนประมาทหละหลวม ไม่ทันระวังตัว เพื่อฉวยโอกาสในการโจมตีหรือเพื่อบรรลุผลบางประการ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์