ตอนที่ 524 – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 524 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เขาหยุดไปชั่วชณะก่อนจะกล่าวต่อ “ดังนั้นขอเพียงเจ้ายังสนใจชีวิตของชาวบ้านพวกนั้นอยู่ เจ้าก็ทำได้แค่ตามข้าไปอย่างว่าง่าย”
ในน้ำเสียงนั้นมีความย่ามใจเจืออยู่ นั่นเป็นความรู้สึกที่ถือไพ่เหนือกว่า ราวกับคำนวณไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
กล่าวเสร็จเหยาชิงพลันหมุนกายเดินเข้าไปในประตูข้างของเรือนใต้ดิน ตอนที่ปรากฏตัวอีกครั้ง ในมือของเขาหิ้วชายวัยกลางคนซึ่งหมดสติอยู่คนหนึ่ง
ชายวัยกลางคนผู้นี้ผิวคล้ำกรำแดด รูปร่างบึกบึน แกนกระดูกใหญ่ สวมชุดหนังสัตว์คร่ำคร่า มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นชาวบ้านที่มักทำงานตรากตรำกลางทุ่งนา มีร่องรอยถูกแดดเผาลมพัดตามร่างกาย
ท่านอาเถี่ยซาน!
ในที่สุดหลินสวนิก็ไม่อาจรักษาความเยือกเย็นได้อีกต่อไป หัวใจบีบแน่นรุนแรง ชายวัยกลางคนที่หมดสติผู้นี้คือเถี่ยซานจริงๆ
ครั้งแรกที่หลินสวินเข้าสู่หมู่บ้านเฟยอวิ๋น ชาวบ้านคนแรกที่ได้เจอ ยังจำได้แม่นว่าเป็นเถี่ยซานที่นั่งทอดถอนใจใบหน้ากลัดกลุ้มอยู่ในนาข้าววิญญาณ
และยังจำได้ถึงอาการกระโดดโลดเต้น ยินดีมีความสุขของเขาหลังจากที่ตนช่วยกำจัดศัตรูพืชในนาข้าววิญญาณ
นี่คือชายวัยกลางคนที่ซื่อตรง กระตือรือร้นและเรียบง่ายคนหนึ่ง หากไม่ใช่การแนะนำของเขา คงยากที่หลินสวินจะเข้าสู่หมู่บ้านเฟยอวิ๋นได้ตั้งแต่แรก
ทว่าตอนนี้ เถี่ยซานกลับถูกคนคุมขัง หมดสติ เป็นตายไม่อาจรู้!
สัมผัสได้อย่างฉับไวถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของหลินสวิน ทำให้เหยาชิงอดส่งเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจออกมาไม่ได้ กล่าวเนิบนาบ “เจ้าดู นี่เป็นหนึ่งในชาวบ้านที่เจ้าเป็นห่วงมากที่สุด เชื่อว่าเจ้าน่าจะมั่นใจอย่างที่สุดแล้วว่าพวกเราไม่ได้หลอกลวงเจ้า ชาวบ้านคนอื่นๆ ตอนนี้ล้วนถูกจัดแจงอย่างดีให้อยู่ในจังหวัดชิงเฟิง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นอกจากจะตามข้าไปแล้ว ข้าก็นึกไม่ออกว่าเจ้าจะยังมีทางเลือกอื่นอยู่อีก”
เวลานี้แม้แต่อวี๋ชางหลินที่อยู่ข้างๆ ยังมีสีหน้าตะลึง เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าแผนการและกลยุทธ์ของเหยาทั่วไห่จะละเอียดถี่ถ้วนเยี่ยงนี้ นี่มันแหฟ้าตาข่ายดินชัดๆ ทำให้หลินสวินไม่มีแม้แต่ช่องว่างให้ดิ้นรนขัดขืน!
จะเห็นได้ว่าเพื่อต่อกรกับหลินสวิน เขาเตรียมการและวางแผนไว้ไม่น้อย เล่ห์เหลี่ยมและฝีมือเช่นนี้ เห็นชัดว่าน่ากลัวเกินไปจริงๆ
หลินสวินนิ่งเงียบ นับตั้งแต่แวบแรกที่ได้เห็นเถี่ยซาน เขาก็รู้ทันทีว่าเรื่องย่ำแย่ที่สุดเกิดขึ้นจนได้
ไม่ได้ถึงขนาดเกินความคาดหมาย เพียงแต่…
ภายในใจกลับมีความเกลียดชังยากบรรยายอย่างหนึ่งกำลังก่อหวอดอยู่ ดั่งภูเขาไฟที่ใกล้ปะทุ แทบจะควบคุมไม่อยู่
ในส่วนลึกของนัยน์ตาดำขลับของเขา มีหุบเหวอันยากจะหยั่งถึงปรากฏขึ้น ประหนึ่งมีลมมรสุมสั่งสมอยู่ในนั้น เยียบเย็นจนผู้คนใจสะท้าน
พริบตานั้นอวี๋ชางหลินตัวแข็งทื่อ ในใจหนาวเยือกอย่างอธิบายไม่ได้ ทั่วสรรพางค์กายเริ่มสั่นเทิ้ม สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันน่ากลัวหาใดเปรียบจากร่างของหลินสวิน ทำให้เขารู้สึกประหนึ่งจวนเจียนสิ้นลม
นี่…
เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งเยี่ยงนี้
หัวใจของอวี๋ชางหลินสั่นสะท้าน เมื่อสามปีก่อน ในสายตาเขาหลินสวินเทียบมูลฝอยยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ปราชัยในการโจมตีเดียว ทว่าหลินสวินในปัจจุบัน เพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้นก็ทำให้เขารู้สึกตะลึงงันสั่นสะท้านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!
สวบ!
ตอนที่อวี๋ชางหลินยังงุนงงอยู่นั้น หลินสวินก็ขยับตัว ก้าวสวบออกไปดุจสายฟ้า คว้าลำคอเหยาชิงไว้ได้ในคราเดียว
จิตสังหารน่ากลัวราวกับคมดาบไร้เทียมทาน กรีดแทงจนสีหน้าเหยาชิงซีดเผือด รูม่านตาขยายกว้าง จิตหลุดวิญญาณกระเจิง
“เจ้า…เจ้ายังกล้ากระทำอุกอาจอีก เจ้าคงรู้ว่าหากสังหารข้าไป ชาวบ้านพวกนั้นก็ต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นเลือดด้วยเหมือนกัน!” เหยาชิงแผดเสียง พยายามทำให้ตนเยือกเย็นลง
กร๊อบๆ…
หลินสวินไม่ไยดีเขา มือขวาบีบลำคอเขาแน่น มือซ้ายกลับเหมือนคีมเหล็ก บีบกระดูกไหล่และท่อนแขนของเขาแตกทีละชุ่น พลันเห็นเลือดเนื้อของเขาระเบิดกระจายออกมา กลายเป็นฝนโลหิตเข้มข้นไหลหลั่งลงมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
เหยาชิงส่งเสียงโหยหวน น่าอนาถหาใดเปรียบ ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ทว่ากลับไม่สามารถหลุดพ้นได้แม้แต่น้อย ยิ่งไม่สามารถทำให้หลินสวินหยุดการเคลื่อนไหวลงได้
ตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าของหลินสวินล้วนไม่เปลี่ยนแปลง
วิธีที่เขาใช้ตอนนี้ มีชื่อเป็นที่รู้จักในค่ายกระหายเลือดว่า ‘น้ำตกแดงชาด’ นี่คือการทรมานรูปแบบหนึ่ง เป็นการใช้ฝีมือที่เชี่ยวชาญแม่นยำบดขยี้ร่างศัตรูทีละชุ่น ฝนโลหิตราวกับน้ำตกไหลริน เป็นภาพสีแดงชาดงดงาม
และในกระบวนการนี้ ต้องให้ผู้ถูกทรมานรู้สึกตัวตลอดเวลา ให้ตระหนักถึงความเจ็บปวดยามร่างกายถูกบดขยี้ทีละชุ่น ทำให้เกิดความสะท้านสะเทือนคาวเลือดทั้งทางตา หู และวิญญาณ
หากการทรมานยังไม่สิ้นสุด แต่ศัตรูชิงตายไปก่อน นั่นคือฝีมือยังไม่ดีพอ ไม่อาจเข้าถึงแก่นแท้ของ ‘น้ำตกแดงชาด’ พูดออกไปคงถูกครูฝึกของค่ายกระหายเหล่านั้นหัวเราะเยาะเอาได้
แน่นอน การทรมานรูปแบบนี้โดยปกติมักใช้กับพวกเผ่ามืด เพียงแต่ตอนนี้ถูกหลินสวินนำมาใช้กับเหยาชิงเท่านั้น
ความเชี่ยวชาญใน ‘น้ำตกแดงชาด’ ของหลินสวินย่อมเยี่ยมยอดไร้ใดเปรียบ
เขาในปีนั้นภายใต้การชี้แนะด้วยตัวเองของเสี่ยวเคอและเสี่ยวหม่าน ได้ฝืนทนกลิ่นคาวเลือดฉุนจมูก สังหารสัตว์ปีศาจไปไม่รู้ตั้งเท่าไรกว่าจะจับเคล็ดสำคัญของการทรมานรูปแบบนี้ได้อยู่หมัด
หากครูฝึกค่ายกระหายเลือดเหล่านั้นได้มาเห็นฉากนี้เข้า คงจะต้องร้องชื่นชมฝีมืออันน่าทึ่งของหลินสวินอย่างแน่นอน
นี่เป็นเหมือนงานศิลปะอย่างหนึ่งชัดๆ!
เพียงแต่เป็นงานศิลปะที่นองเลือดและโหดเหี้ยม บังเกิดอานุภาพที่พาให้คนใจสั่นสะท้านไหวเป็นพิเศษอย่างหนึ่ง คนทั่วไปได้เห็น กลัวแต่จะตกใจขวัญหนีดีฝ่อ สำรอกจนลมจับ
ใต้ดินอันกว้างใหญ่ว่างเปล่า เลือดเนื้อดั่งสายฝน ไหลหลั่งร่วงริน แดงชาดร้อนระอุ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องชวนอนาถ เจ็บปวด และน่าสังเวชใจจนไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลกมนุษย์ได้
ภายใต้การควบคุมของหลินสวิน อย่าว่าแต่วางวายเลย แม้แต่หมดสติยังเป็นไปไม่ได้!
อวี๋ชางหลินที่อยู่ห่างออกไปอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ประดุจมองดูเพชฌฆาตจากอเวจี สำแดงคาวเลือดและความโหดเหี้ยมด้วยวิธีการแสนอำมหิตถึงขีดสุด
และในเวลานี้ หลินสวินค่อยๆ หยัดตัวขึ้นมองไปทางอวี๋ชางหลินที่อยู่ห่างออกไป
แทบจะในเวลาเดียวกัน อวี๋ชางหลินสั่นเทิ้มไปทั้งกาย กล่าวด้วยสีหน้าปั้นยาก “เจ้าไม่กังวลว่าหากเหยาทั่วไห่โกรธขึ้นมาจริงๆ จะฆ่าชาวบ้านบางส่วนก่อนเป็นการข่มขวัญเจ้าหรือ”
หลินสวินย้อนถาม “เจ้าคิดว่าหากครั้งนี้ข้าไปจังหวัดชิงเฟิง เหยาทั่วไห่จะปล่อยให้ข้ารอดชีวิตหรือ”
อวี๋ชางหลินนิ่งเงียบทันควัน
หลินสวินเอ่ยต่อไป “เช่นนั้นข้าจะถามเจ้าอีก หากข้าตายไป เหยาทั่วไห่จะยอมปล่อยชาวบ้านเหล่านั้นหรือไม่”
อวี๋ชางหลินนิ่งเงียบอีกระลอก ข้อนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถึงตอนนั้นเพื่อปกปิดความลับที่ฆ่าหลินสวินตาย เหยาทั่วไห่ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ชาวบ้านพวกนั้นมีโอกาสรอดชีวิตอีกแน่นอน!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ากังวลไปก็ไม่มีประโยชน์”
หลินสวินมีท่าทีเยือกเย็น มองไม่เห็นถึงความแปรปรวนทางอารมณ์เลยสักเสี้ยว แต่ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้อวี๋ชางหลินรู้สึกว่าน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น
“เจ้า…คิดจะจัดการกับข้าอย่างไร” น้ำเสียงอวี๋ชางหลินแผ่วเบาคลุมเครือ เขารู้ดี ชั่วขณะนี้เขาจำต้องเผชิญหน้ากับปัญหาข้อนี้
“โทษตายเลี่ยงได้ แต่โทษเป็นยากหนีพ้น”
หลังจากนั้นไม่นานหลินสวินก็โน้มกายลง แบกเถี่ยซานที่หมดสติอยู่ขึ้นมา จากนั้นจึงหมุนกายออกจากทางใต้ดินแห่งนี้
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยแยแสอวี๋ชางหลินที่ถูกทอดทิ้งเลยสักแวบเดียว เขาแก่แล้ว แม้แต่ความกล้าจะต่อต้านยังมลายสิ้น ไม่อาจเรียกลมพายุอะไรได้อีก
…..
เมืองตงหลินยังคงคึกคักจอแจ รถราวิ่งขวักไขว่
ไม่มีใครรู้ว่าบุคคลสำคัญทั้งหมดของตระกูลอู๋ล้วนสิ้นชีพ และไม่มีใครรู้ว่าอวี๋ชางหลินเจ้าสำนักสำนักศึกษาตงหลินซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วเมือง วันนี้ได้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปเสียแล้ว
นอกเมืองตงหลิน
รถรับส่งสลักวิญญาณที่มุ่งหน้าสู่จังหวัดชิงเฟิงขบวนแรกสุดได้ออกเดินทางแล้ว
แต่ว่า กลับมียานสำเภาเก่าคร่ำเรียบง่ายลำหนึ่งจอดรออยู่ตรงนั้นตลอด ตอนที่หลินสวินแบกเถี่ยซานมาถึง ยานสำเภาก็บรรทุกทั้งสองคนแล้วทะยานสู่อากาศทันที
ยานสำเภาดูคล้ายเก่าคร่ำเรียบง่าย แต่ในเวลานี้กลับหายลับไปที่ขอบฟ้าอย่างกะทันหันด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ!
____
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์