ชายวัยกลางคนท่าทางเหมือนเป็นพ่อบ้านพุ่งพรวดเข้ามาในห้องโถงใหญ่ พร้อมกับรายงานชื่อเจ็ดแปดชื่อออกมาด้วยอาการตื่นตระหนก “พวกเขา…พวกเขา….หายตัวไปแล้วขอรับ!”
เหยาทั่วไห่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่ได้เคยบอกแล้วหรือว่าระยะนี้ห้ามมิให้คนในตระกูลออกไปข้างนอก เหตุใดพวกเขาถึงหายตัวไปได้”
“เอ่อ…”
พ่อบ้านถูกถามจนนิ่งไป หน้าถอดสี
“ส่งคนออกไปตามหาหรือยัง”
เหยาทั่วไห่ถาม
“ส่งคนไปแล้วขอรับ บ่าวแค่กังวลใจว่าหากพวกเขาออกไปในตอนนี้ หากเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา กลัวแต่ว่าจะส่งผลกระทบต่อแผนการของใต้เท้าขอรับ”
พ่อบ้านสีหน้าจนด้วยเกล้า
“ไม่เป็นไร ครั้งนี้ข้าวางแผนมานาน ไม่กังวลว่าหลินสวินจะสามารถก่อคลื่นลมอะไรขึ้นมาได้ เจ้าไปเถิด อย่าปล่อยให้เรื่องนี้รั่วไหลออกไป เลี่ยงมิให้ส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆ”
เหยาทั่วไห่บัญชาเสียงเคร่งขรึม
พ่อบ้านรับคำสั่งแล้วออกไปทันที
เหยาทั่วไห่นั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง จมสู่ภวังค์ความคิด
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว สีนภาย่ำรุ่งแล้ว แสงอรุณกวาดล้างความมืดมิด ส่องสว่างทั่วฟ้าดิน
และในเวลานี้เองเหยาทั่วไห่หยัดกายขึ้น พึมพำเบาๆ ในใจ ‘หลินสวิน หากวันนี้เจ้าไม่มา บางทีต่อไปนี้ผู้ใดก็ไม่อาจขัดขวางเจ้าให้ยิ่งใหญ่คับฟ้าได้ แต่ถ้าวันนี้เจ้ามา ก็มิอาจรอดพ้นหายนะครั้งนี้อย่างแน่นอน!’
……
ยามท้องนภาย่ำรุ่ง หลินสวินปรากฏตัวด้านนอกประตูเมืองของจังหวัดชิงเฟิงเพียงลำพัง
เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น
หลินสวินก็มาถึงอาณาเขตตระกูลเหยา
อาณาเขตตระกูลเหยานั้นหาเจอได้ง่ายยิ่งนัก ทั่วทั้งจังหวัดชิงเฟิง ตระกูลเหยาเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลใหญ่ที่สุด และควบคุมจังหวัดชิงเฟิงอย่างเหนียวแน่นมานานหลายร้อยปี
กล่าวได้ว่าในจังหวัดชิงเฟิง แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลเหยาก็ว่าได้
แน่นอนว่าหากหลินสวินคิดจะสืบข้อมูลเกี่ยวกับอาณาเขตของตระกูลเหยา ก็ย่อมเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว
ที่นี่คือยอดเขาเรียงรายว่างเปล่าแถบหนึ่ง มีสิบกว่ายอด เว้านูนทอดยอด ประหนึ่งง้าวเรียงรายเสียบทะลุเวหา สูงลิ่วโอฬาร
ตระกูลเหยา ตั้งอยู่เบื้องหน้าของยอดเขาแถบนี้
ในเวลานี้แสงยามเช้าสาดส่อง ยอดเขาห่างออกไปอาบชุ่มด้วยหมอกอุษา เปล่งประกายจับตา ที่ตีนเขามีอาคารที่สร้างประชิดแนวเขาอยู่เรียงราย โอ่อ่าอร่ามแวววาว
สิ่งที่ต่างไปจากอดีตก็คือห้วงอากาศเหนือพื้นที่ที่ถูกยึดครองโดยตระกูลเหยามีไอเข่นฆ่าลอยคลุ้งอยู่รำไร พวยพุ่งสู่ท้องนภา เหิมเกริมราวกับควันสัญญาณเตือนศัตรู ทำให้สายลมหมอกเมฆเปลี่ยนสี ไม่กล้าเข้าใกล้
นั่นเป็นกลิ่นอายสังหารอย่างแน่นอน!
หลินสวินทอดมองจากระยะไกล ก็รู้ทันทีว่านั่นคือไอสังหารหนาหนักจากร่างผู้ฝึกปราณ รวมตัวกันกลายเป็นปรากฏการณ์ประหลาดอย่างหนึ่งขึ้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในส่วนลึกของตระกูลเหยาตอนนี้ได้วางหลุมพรางสังหารไว้หนาแน่นเป็นที่เรียบร้อย เปรียบได้กับถ้ำเสือบ่อมังกร แค่รอให้หลินสวินมาถึงเท่านั้น
เพียงแต่เกรงว่าใครก็คงคิดไม่ถึง ว่าหลินสวินจะมาเยือนในเวลาย่ำรุ่งอรุณเช่นนี้ ฉะนั้นยามที่มองเห็นเงาร่างของหลินสวิน คนคุ้มกันตระกูลเหยาที่คอยเฝ้าระวังอยู่บนหอสังเกตการณ์จึงผงะไปอย่างเห็นได้ชัด
“ผู้มาเยือนคือผู้ใด!?” คนคุ้มกันคนนั้นตะโกนลั่น
ตูม!
สิ่งที่ตอบคำถามเขาคือพลังดาบไพศาลที่พุ่งทะยานขึ้นไป ฉีกทึ้งห้วงอากาศ ฟันฉับลงมา เฉกเช่นรุ้งศักดิ์สิทธิ์หลายสิบจั้งที่ร่วงหล่นสู่โลก ทรงพลังเผด็จการ
หอสังเกตการณ์ที่สูงสิบจั้งกว่าพังทลายลงมาในบัดดล คนคุ้มกันคนนั้นถูกกลบฝังตายอนาถอยู่ในนั้นทันที
ครืนๆ~~
ฝุ่นละอองลอยคลุ้ง พลังดาบนี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่เพียงแต่ผ่าหอสังเกตการณ์จนถล่ม ยิ่งไปกว่านั้นยังผ่าประตูใหญ่วิจิตรของตระกูลเหยาแตกเป็นรอยอีกด้วย
“บังอาจ!”
“สารเลวหน้าไหนกล้าแจ้นมากำเริบเสิบสานที่ตระกูลเหยาของข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไร!”
ทันใดนั้นส่วนลึกของตระกูลเหยามีเงาร่างสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมา ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าประตูใหญ่ท่ามกลางเสียงตะโกนเป็นระลอกนั้น
หลินสวินยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ผมดำปลิวไสว เงาร่างสูงโปร่งเหยียดตรง ดวงหน้าหล่อเหลาสุภาพราบเรียบไม่ไหวติง
ในมือเขาถือดาบหักที่แสงดาราไหลเวียนอยู่เล่มหนึ่ง เปล่งประกายพราวตา ขับเน้นบุคลิกของเขาให้โดดเด่นเป็นสง่า
“ทำไม ข้าหลินสวินมาแล้ว เจ้าเหยาทั่วไห่กลับไม่กล้าออกมาพบกันสักหน่อยหรือ”
หลินสวินเอ่ยปาก เสียงดั่งฟ้าร้อง ซัดสาดครืนโครมออกไป กึกก้องทั่วสารทิศ ทำเอาเงาร่างที่พุ่งออกมาเหล่านั้นต่างผงะอย่างอดไปไม่ได้ พลันส่งเสียงฮือฮาไม่รู้จบ
“เป็นเจ้าเด็กนั่น!”
“ฮ่าๆๆ ข้านึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นเจ้าคนที่มาทิ้งชีวิตเนี่เอง แจ้นมาตระกูลเหยาของข้าไวขนาดนี้ เพราะรีบร้อนอยากไปเกิดใหม่ใช่หรือไม่”
“ถึงขั้นกล้าพังประตูตระกูลเหยาของข้า ครั้งนี้ไอ้หนูอย่างเจ้าได้ตายแน่!”
บรรดาคนตระกูลเหยาหัวเราะลั่น ท่าทางฉายแววเหยียดหยันและตื่นเต้น บ้างก็อยากรู้อยากเห็น ในบรรดาพวกเขาส่วนใหญ่ก็เพิ่งได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหลินสวินเป็นครั้งแรก
เพียงแต่ตอนที่เห็นกับตานั้น ยังคงยากจะทำใจเชื่ออยู่บ้าง เด็กหนุ่มสุภาพหล่อเหลาเช่นนี้ ปัจจุบันได้กลายเป็นบุคคลทรงอิทธิพลมีชื่อเสียงก้องโลกคนหนึ่งไปแล้ว
หลินสวินไม่ได้สนใจคำเยาะเย้ยเหล่านั้น สายตาลุ่มลึกสงบนิ่ง ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ถึงแม้จะตัวคนเดียว แต่กลับมีกลิ่นอายเยือกเย็นโอหัง
“หลินสวิน เป็นเจ้าดังคาด”
ไม่นานนักเหยาทั่วไห่ก็ปรากฏตัว ท่วงท่าผ่าเผย คิ้วตาดุจสายฟ้า น่าครั่นคร้ามอยู่ครามครัน
สามปีก่อนตอนที่หลินสวินเข้าเมืองตงหลินเป็นครั้งแรก ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของเหยาทั่วไห่แล้ว เขาถูกขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือที่เป็นรองเพียงผู้บัญชาการทหารมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิหลิ่วอู่จุนเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์