Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 542

สรุปบท ตอนที่ 542: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 542 – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 542 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 542 ราชันวิญญาณอาฆาต
ตอนที่ 542 ราชันวิญญาณอาฆาต
โดย
ProjectZyphon
“นั่นอะไร”

ไม่นานคนอื่นๆ ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันตรายอันไร้ที่เปรียบนั่น แต่ละคนต่างถืออาวุธ ตั้งมั่นพร้อมรับมือศัตรู

เห็นได้ชัดว่ามีอันตรายที่ไม่รู้จักใกล้เข้ามา

หลินสวินเองก็หยิบเจดีย์สมบัติทองอร่ามออกมา นี่คือ ‘เจดีย์สมบัติไร้อักษร’ รูปทรงแปดเหลี่ยม กลิ่นอายเก่าแก่ไพศาล

หลินสวินได้ลบตราประทับของเหยาทั่วไห่ในสมบัตินี้และประทับพลังของตนเข้าไป สิ่งที่น่าเสียดายคือ สมบัตินี้วิเศษและลึกลับเกินไป ตอนนี้หลินสวินเพียงควบคุมได้อย่างฝืนๆ เท่านั้น ยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ

หืม?

ตอนที่หยิบเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมา หลินสวินรับรู้ได้อย่างมีฉับไวว่ามีหลายสายตากวาดมองมาก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

แต่หลินสวินสังเกตเห็นแล้วว่า สายตานั่นมาจากซูซิงเฟิงและเด็กชายชุดหลากสีเหวินเสียง ทั้งสองคล้ายสัมผัสได้ถึงบางอย่างจากกลิ่นอายของเจดีย์สมบัติไร้อักษร

ผืนทะเลแห่งนี้ยิ่งดูเงียบสงบไร้สุ้มเสียง ท่ามกลางหมอกอันมืดครึ้มเหนือระดับน้ำปรากฏเงาร่างมากมาย

บนร่างพวกมันแผ่กระจายไอดำ สวมชุดเกาะที่พังยับเยิน ถืออาวุธสนิมเกาะ ราวกับทัพใหญ่ที่ออกมาจากนรก!

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพวกมันดูแปลกประหลาด ร่างกายไม่สมบูรณ์แทบทั้งสิ้น บ้างก็แขนขาขาด บ้างก็หน้าอกเน่าเละ บ้างก็เหลือเพียงโครงกระดูก บางคนถึงขั้นไม่มีหัว!

แต่พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายอันเย็นเยียบอย่างที่สุด

เยอะเกินไปแล้ว!

หนาแน่นท่วมฟ้าดิน กลิ่นอายชั่วร้ายพุ่งขึ้นชั้นฟ้า ปิดกั้นทะเลเบื้องหน้า ราวกับกองทัพนรกที่ข้ามพรมแดน หมายจะเปลี่ยนโลกนี้ให้กลายเป็นสนามรบ

“วิญญาณอาฆาตยืมซากศพ เริ่มอยู่เหนือพลังแห่งความตาย ฝึกบำเพ็ญมหามรรคอีกครา!” สีหน้าของผู้เฒ่าเกาหยางเคร่งขรึมผิดปกติ

คนอื่นๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาดูออกว่านั่นเป็นกองทัพวิญญาณอาฆาตที่แปลกประหลาดยิ่ง ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่กลิ่นอายกลับน่ากลัวนัก

วิญญาณอาฆาตยืมซากศพ ฝึกบำเพ็ญมหามรรคอีกครา?

ใครจะกล้าจินตนาการว่าบนโลกนี้จะมีเรื่องเหลือเชื่อเพียงนี้ อย่าลืมว่าวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นมาจากไอความเคียดแค้นยามสิ้นชีพของเหล่าผู้แข็งแกร่งบรรพกาล

เพียงไอเคียดแค้นเท่านั้น ไม่เพียงไม่เคยสลายไป แต่ยังเริ่มฝึกปราณ น่าสะพรึงกลัวเพียงใดกัน

กองทัพวิญญาณอาฆาตมาเยือนโดยไม่ให้สุ้มเสียง เงียบสงบลึกลับ ก้าวเดินอยู่บนผืนทะเลสีดำ อานุภาพอันไร้เสียงเช่นนั้นพาให้อกสั่นขวัญแขวน

“ท่านผู้เฒ่า หากรับมือไม่ได้พวกเราก็เลี่ยงการปะทะชั่วคราว ออกจากที่นี่ก่อน” เซียวหรันพูดขึ้น เขาที่โดดเด่นมาโดยตลอด ยามนี้สีหน้าก็เคร่งขรึมจริงจัง

“ไม่มีประโยชน์ ถ้ากองทัพวิญญาณอาฆาตปรากฏตัวก็หมายความว่าไม่ตายไม่เลิก ไม่ว่าจะหนีไปถึงไหนก็จะถูกตามไป”

ผู้เฒ่าเกาหยางพูดเสียงขรึม

“ราชันแห่งข้ามาเยือน คุกเข่ายอมจำนน สังเวยชีวิตมาซะ!”

ทันใดนั้นกองทัพวิญญาณอาฆาตได้ส่งเสียงชวนสยอง ทำให้ทุกคนบนยานสำเภาชาไปทั้งหัว ขนลุกซู่ หนาวเยือกเสียดกระดูกไปทั่วร่าง

เสียงนั้นน่ากลัวมาก กระแทกจิตวิญญาณของพวกเขาโดยตรง!

“เป็นวิญญาณอาฆาตที่มีกลิ่นอายระดับราชัน!” สายตาผู้เฒ่าเกาหยางสาดพลังอันเย็นเยียบน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุดโดยพลัน

“ก็ดี วันนี้สังหารพวกมันซะ บางทีอาจจะได้ตราประทับราชันมาครอบครอง! พวกเจ้าเตรียมตัวต่อสู้ นี่ถือเป็นการฝึกที่หายากสำหรับพวกเจ้า!”

ผู้เฒ่าเกาหยางตะเบ็งเสียงราวกับฟ้าร้อง

“เป็นแค่มดปลวก กล้าดูหมิ่นข้า ต้องฆ่า!”

และในตอนนั้นเอง ในความว่างเปล่าที่ห่างไปไกลปรากฏเงาร่างสีดำ ยืนตระหง่านอยู่กลางฟ้าดิน แม้จะเลือนราง แต่กลิ่นอายนั้นน่าสะพรึงกลัวปานสะท้านโลกา

สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าเขาสวมเกี้ยวครอบผมหยกราวกับทำจากทองเปล่งประกาย เพียงแต่มันเลือนรางมากเกินไป จึงมองไม่ชัด

อีกทั้งในมือเขายังถือกระบี่ยาวกระดูกขาว แฝงไอความตายอันลึกลับ ราวกับราชันแห่งนรกมาเยือนโลก

ฆ่า!

ทันใดนั้นกองทัพนรกอันไร้สุ้มเสียงที่มาเยือนราวกับได้รับคำสั่งให้จู่โจม พุ่งสังหารมาทางยานสำเภา

ร่างของพวกเขาถูกไอสีเทาชั่วร้ายปกคลุม แฝงไอสังหาร น่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ยามนี้ได้เคลื่อนไหวทั้งหมด เรียกได้ว่าปกคลุมฟ้าดิน เพียงแค่อานุภาพก็น่าสะพรึงกลัวล้นฟ้าแล้ว

วู้ม!

ในเวลาเดียวกันนั้นเตาสมบัติที่ส่องประกายระยิบระยับใบหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือของผู้เฒ่าเกาหยาง พื้นผิวของมันสลักลวดลายนกศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลอย่างเช่นนกชิงหลวน นกทองคำ หงส์ฟ้า นกกระจอกแยกฟ้าเป็นต้น สมจริงราวกับมีชีวิต อาบแสงประกาย ส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน แสงสมบัติพุ่งขึ้นเก้าชั้นฟ้า

เตาเทพหมื่นปักษา!

เป็นสมบัติพิทักษ์สำนักของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่ง วิเศษโดดเด่น พลังยิ่งใหญ่ไม่มีที่เปรียบ กล่าวกันว่าเป็นอาวุธเทพที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพกาล!

“เริ่มต่อสู้!”

พลังอำนาจของผู้เฒ่าเกาหยางพลันเปลี่ยนไป ถือเตาเทพหมื่นปักษาพุ่งขึ้นฟ้าไปหาราชันกองทัพวิญญาณอาฆาตนั่น

นี่จะต้องเป็นสงครามชั้นยอดที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน!

“ฆ่า!”

บนพื้นทะเล กองทัพวิญญาณอาฆาตพุ่งเข้ามา ซูซิงเฟิงลงมือเป็นคนแรก ราวกับมีเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโหมทั่วร่าง ถือทวนวงเดือนสีชาดเล่มหนึ่ง ในระหว่างที่กวัดแกว่ง แสงเพลิงก็เผาไหม้ไปทั่วทุกสารทิศ

สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัยว่า ท่ามกลางกองทัพวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ ก็มีวิญญาณอาฆาตแข็งแกร่งที่สามารถสู้พวกเขาได้อยู่

เรื่องนี้ทำให้พวกเซียวหรันไม่กล้าประมาท สีหน้าจริงจังขึ้นมา เปลี่ยนเป็นระมัดระวังขึ้น สังหารอยู่บริเวณยานสำเภาโดยไม่กล้าออกห่างไปไกล

ตามคาด ท่ามกลางเวลาที่ล่วงเลยไป ผู้แข็งแกร่งในกองทัพวิญญาณอาฆาตมากขึ้นเรื่อยๆ และค่อยๆ สร้างแรงกดดันให้กับพวกเซียวหรัน

เหล่าวิญญาณอาฆาตที่แข็งแกร่งจำแนกง่ายมาก เมื่อเทียบกับวิญญาณอาฆาตอื่นๆ แล้ว ร่างของพวกเขาสมบูรณ์กว่า มีไอชั่วร้ายอยู่ทั่วร่าง แผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว ไม่เหมือนสิ่งที่ตายแล้ว กลับประหนึ่งมีความรู้สึกนึกคิดและสติปัญญา รู้จักหลบหลีกลอบสังหาร!

สิ่งที่ทำให้หลินสวินวางใจคือ เขาใช้เจดีย์สมบัติไร้อักษรปราบวิญญาณอาฆาตมาตั้งแต่เริ่มต่อสู้ เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าไม่มีทางทำให้วิญญาณอาฆาตนั่นกลายเป็นไอชั่วร้าย กัดกร่อนจิตวิญญาณของเขาได้

ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อรักษาฐานะและสำรวมตน หลินสวินจึงติดตามอยู่ใกล้ๆ จ้าวจิ่งเซวียนตลอดเวลา เหมือนเป็นผู้ติดตามที่ภักดี ไม่เผยพลังออกมามากนัก

แบบนี้ดูเหมือนผ่อนคลายมาก เพียงแต่เรื่องดีงามมักไม่ยืนยาว ไม่นานแสงดำที่ราวกับคมมีดสายหนึ่งพลันยิงเข้ามา!

กะทันหันและรวดเร็วเกินไป อีกเพียงนิดก็จะแทงคอหลินสวินแล้ว

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ยังตัดผมดำของเขาไปได้กระจุกหนึ่ง ทำเอาเขาตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็น เงยหน้าขึ้นมองไป ก็เห็นว่าผู้ที่ลอบสังหารตนเป็นวิญญาณอาฆาตที่แตกต่างอย่างยิ่งคนหนึ่ง

หัวของมันราวกับผีร้าย หน้าเขียวเขี้ยวงอก ดูเหี้ยมโหดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อาวุธที่อยู่ในมือก็แปลกประหลาดยิ่ง เป็นด้ามดาบเล่มหนึ่ง

ไม่มีความแหลมคม เป็นเพียงด้ามดาบเท่านั้น แต่เมื่อมันกวัดแกว่งด้ามดาบ ก็จะมีแสงสีดำน่าพรั่นพรึงกวาดออกมา สังหารกลางอากาศ ปั่นป่วนลมเมฆ ดุดันน่ากลัวถึงขีดสุด การโจมตีน่าตระหนกเมื่อครู่นี้ก็มาจากด้ามดาบเล่มนี้!

“ระวัง!”

สีหน้าของจ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่บริเวณนั้นเปลี่ยนไปเล้กน้อย สัมผัสได้ว่าความสามารถของวิญญาณอาฆาตคนนี้ไม่ธรรมดา คงจะเป็นบุคคลชั้นยอดในกองทัพวิญญาณอาฆาต ยืมศพฝึกตน มีพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

เพียงแต่ยามจ้าวจิ่งเซวียนเตรียมจะเข้าไปช่วยหลินสวิน นางกลับถูกวิญญาณอาฆาตอีกคนพัวพันเอาไว้ นั่นเป็นวิญญาณอาฆาตที่ร้ายกาจเช่นกัน ทำให้ในชั่วขณะหนึ่งจ้าวจิ่งเซวียนยากจะแยกร่างไปช่วยหลินสวินได้

และทางนี้ หลินสวินได้เริ่มต่อสู้อย่างดุเดือดกับวิญญาณอาฆาตที่ถือด้ามดาบนั่นแล้ว!

สวบ!

แสงมรรคทองนิลกาฬม้วนตัวออกมา แวววาวราวมายา ไอสีทองอร่ามงดงาม แต่วิญญาณอาฆาตนั่นก็เหมือนรู้ถึงอันตราย หลบหลีกโดยพลัน ไม่ปะทะซึ่งหน้ากับแสงมรรคทองนิลกาฬ

พร้อมกันนั้นมันก็กวัดแกว่งด้ามดาบ สาดไอดาบสีดำอันคมกริบสะเทือนโลกเข้าจู่โจมหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าดุดันและแข็งแกร่งมากผิดปกติ

มันไม่เหมือนวิญญาณอาฆาต แต่เหมือนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ยอดฝีมือที่แท้จริง อีกทั้งยังมีพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าระดับหยั่งสัจจะอย่างแน่นอน!

หลินสวินยิ่งตกใจ วิญญาณอาฆาตตนนี้ไม่ธรรมดายิ่งกว่าที่เขาคิดเสียอีก มันแปลงมาจากไอเคียดแค้นกลุ่มหนึ่งเท่านั้น กลับมีมรรควิถีที่ร้ายกาจเพียงนี้ ราวกับมีความรู้สึกนึกคิดและสติปัญญา ด้ามดาบในมือก็เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติลับชำรุดชิ้นหนึ่ง…

มัน…ทำถึงขั้นนี้ได้อย่างไรกันแน่

……………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์