นี่ประดุจดั่งปาฏิหาริย์จริงๆ
ทุกคนต่างตกตะลึง จิตใจถูกดึงดูดไป
“หุบเหวสมุทรมังกรทะยาน!”
ผู้เฒ่าเกาหยางริมฝีปากขยับพูดบางคำอย่างแผ่วเบา บนสีหน้าตื่นเต้นยากปกปิด “ปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้าเช่นนี้ยังคงอยู่ดังคาด”
“ไป!”
เขาสะบัดชายเสื้อทีหนึ่ง ยานสำเภาเอ่อล้นไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ฝ่าลมโต้คลื่นมุ่งไปใกล้จุดนั้นอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางผู้เฒ่าเกาหยางอธิบายเสียงทุ้มต่ำ สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ที่ราวกับร่างมังกรนั้น แท้จริงแล้วคือปรากฏการณ์ประหลาดอย่างหนึ่ง พุ่งออกมาจากหุบเหวลึกก้นสมุทร
และ ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ ที่พวกเขาเสาะหาในการเดินทางครั้งนี้ ก็ซ่อนอยู่ในหุบเหวลึกก้นสมุทรนั่น!
ชั่วขณะเดียวทุกคนล้วนฮึกเหิมขึ้นมาทันที
ตั้งแต่เข้าสู่ทะเลกลืนวิญญาณจวบจนตอนนี้ เวลาก็ผ่านไปเกือบครึ่งเดือนแล้ว ประสบพบเจอพิบัติทุกข์และอันตรายมากมาย ในที่สุดก็จะถึงจุดหมายปลายทาง ทำให้ในใจพวกเขายากที่จะนิ่งสงบ เต็มไปด้วยความมุ่งหวัง
ครืนๆ
ยังไม่รอให้เข้าประชิด เสียงคร่ำครวญราวฟ้าร้องพลันดังขึ้น สั่นสะเทือนฟ้าดิน ก็เห็นว่าตำแหน่งไกลออกไปที่รุ้งศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นมาปรากฏหุบเหวลึกหลุมหนึ่ง!
หุบเหวกลางสมุทร!
สอดส่องสายตาไป น้ำทะเลทั่วทุกสารทิศประหนึ่งไหลหลากรวมเป็นสายเดียวกัน หลั่งครืนลงไปยังส่วนลึกก้นหุบเหว เกิดเป็นเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นอันน่าหวาดกลัว
ปรากฏการณ์นั้นผิดแปลกยิ่งใหญ่สง่างาม หุบเหวลึกหลุมหนึ่งที่ปรากฏกลางผืนน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา ดูดกลืนน้ำทะเลทั่วทศทิศ ลึกล้ำยากหยั่งถึง เปรียบเสมือนปากทางเข้าสู่พิภพลึกลับ ทำให้รู้สึกสั่นสะท้าน
เมื่อเทียบกับหุบเหวลึกนี้แล้ว สุริยันจันทราราวเล็กลงถนัดตา ยามยานสำเภาเคลื่อนใกล้ก็เหมือนดั่งธุลีทรายเม็ดหนึ่ง เสมือนไม่อยู่ในสายตายิ่งกว่าเดิม
“นี่… นี่มันใช่หุบเหวลึกหลุมหนึ่งหรือเนี่ย ใหญ่เกินไปแล้ว!”
เหวินเสียงตะลึงงัน ดวงตาเบิกกว้าง
คนอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน ในใจสะทกสะท้าน พวกเขาไม่เคยเห็นหุบเหวสมุทรใหญ่เช่นนี้มาก่อน ราวกับสามารถกลืนกินฟ้าดินได้เลยทีเดียว!
ยานสำเภาพลันสั่นสะเทือนทันที ถูกพลังที่มองไม่เห็นดึงม้วนพุ่งไปยังส่วนลึกของหุบเหวกว้างใหญ่นั่น
“หยุด!”
ผู้เฒ่าเกาหยางส่งเสียงตะโกนลั่น แสงสว่างเรืองรองทั่วร่าง เผยวิชาลับออกมากว่าจะสามารถฝืนหยุดยานสำเภาไว้ได้ หักล้างแรงดึงซึ่งมองไม่เห็นนั่นออกไป
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ผู้เฒ่าเกาหยางยังคงเหงื่อตกไปทั่วร่างอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากยานสำเภาโชคร้ายถูกม้วนกลืนลงไปในหุบเหวสมุทรนั่น อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ราชันแห่งระดับสังสารวัฏก็เรียกได้ว่าประสบภัยพิบัติ!
คนอื่นล้วนแข็งทื่อไปทั้งร่าง เผยสีหน้าจริงจัง ตระหนักรู้ว่าหุบเหวลึกนั่นไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน ยังเต็มไปด้วยพลังกลืนกินอันน่าสะพรึงกลัว ล่อแหลมอันตรายหาใดเปรียบ
“ท่านผู้เฒ่า แดนลับอสูรมารอริยะนั่นซ่อนอยู่ภายใต้หุบเหวสมุทรนี้จริงหรือ”
จ้าวจิ่งเซวียนอดถามไม่ได้
ผู้เฒ่าเกาหยางพยักหน้าพลางกล่าว “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ครั้งนี้ข้าพกมหาสมบัติชิ้นหนึ่งติดตัวมาด้วย พอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปในนั้นอย่างปลอดภัย”
ได้ยินดังนั้นคนอื่นๆ ก็ลอบเป่าปากโล่งอก หากให้พวกเขาบุกเข้าไปยังหุบเหวลึกนี่ด้วยตนเอง นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับส่งไปตาย
หลินสวินยืนอยู่ข้างจ้าวจิ่งเซวียนตลอด นิ่งเงียบไม่ส่งเสียง แท้จริงแล้วในใจเขาก็แอบตกตะลึงไม่หยุด ใครเล่าจะคิดว่า ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณนี้จะมีหุบเหวสมุทร ‘ยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด’ อยู่หลุมหนึ่งเช่นนี้
และใครเล่าจะคิดว่า ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ นั่นจะซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหุบเหวสมุทรนี่
‘กบในกะลา หุบเหวสมุทรอะไร ไม่มีความรู้สักนิด นี่คือ ‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’! ครั้งบรรพกาลแม่น้ำแต่ละสายทั่วเทวาจักรวาลพิภพ แม้กระทั่งสายนทีในทางช้างเผือกของส่วนลึกจักรวาลล้วนไหลรวมเริ่มต้น ณ แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ลึกลับนี่ทั้งสิ้น!’
ทันใดนั้นเองเสียงหัวเราะเยาะเสียงหนึ่งดังขึ้นในหูหลินสวิน
นั่นคือเสียงของจินตู๋อี เจ้าหมอนี่ยอมรับชะตากรรมแล้ว จนใจรับเงื่อนไขของหลินสวิน ตกปากรับคำว่าจะให้ความร่วมมืออย่างดีกับหลินสวิน ขอเพียงแค่เมื่อไหร่ที่หลินสวินอารมณ์ดีก็จะปล่อยเขาไป
‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์?’
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ ใช้การสื่อจิตกลับไป
‘หรือว่าเจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ครั้งบรรพกาลมีจตุโบราณสถาน แยกออกเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ มาตุภูมิเทพเซียนคุนหลุน ดินแดนแห่งศุภโชค และอัศจรรย์พิภพ ถูกขนานนามว่าเป็นจตุสถานซึ่งลึกลับที่สุดแห่งมหามรรค แม้แต่อริยบุคคลครั้งบรรพกาลต่างไม่อาจอนุมานความเร้นลับของมันได้’
หลินสวินสูดลมหายใจเย็นเยือก สีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด ข่าวลือลึกลับเช่นนี้ช่างสั่นสะเทือนใต้หล้าเกินไปแล้ว เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
เห็นหลินสวินถูกทำให้หวาดหวั่น จินตู๋อีก็อวดดีขึ้นมาทันที ก่อนกล่าวอย่างภาคภูมิ ‘มาพูดถึงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่ดีกว่า ครั้งบรรพกาลรอบด้านของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์โอบล้อมด้วยคีรีเทพห้าลูก แยกออกเป็นอิ๋งโจว เผิงไหล ฟางหู ไต้อวี่ หยวนเจี้ยว’
‘คีรีเทพแต่ละลูกบนล่างเหยียดยาวสามหมื่นลี้ ระหว่างภูเขาห่างกันเจ็ดหมื่นจั้ง ด้านบนทะลุธารดารา ด้านล่างประชิดนรกขุมที่เก้า มีเพียงอัครอริยมรรคอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะย่างก้าวบนนั้นได้ พิจารณาความอัศจรรย์ของมัน สำหรับผู้ฝึกปราณธรรมดาทั่วไป อย่าได้พูดถึงการขึ้นไปบนยอดเลย แม้แต่จะมองก็มองไม่เห็น!’
‘น่าเสียดาย ไม่รู้ว่าครั้งบรรพกาลเกิดภัยพิบัติอะไรขึ้น คีรีเทพห้าลูกนี้จึงไม่อยู่แล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่…’
ได้ยินตำนานบรรพกาลเหล่านี้ ในใจหลินสวินไม่อาจนิ่งสงบยิ่งกว่าเดิม แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ว่าลึกลับเพียงพอแล้ว บริเวณใกล้เคียงยังมีคีรีเทพห้าลูกโอบล้อมอีก!
ถึงขั้นมีเพียงอัครอริยมรรคจึงจะสามารถขึ้นไปยังคีรีเทพนั้นได้!
นี่ช่างสั่นสะเทือนใจผู้คนเกินไปแล้ว
อัครอริยมรรคเชียวนะ นั่นคือตัวตนน่ากลัวซึ่งเหยียบย่ำบนเส้นทางอมตะ ทว่ากลับมีคุณสมบัติเพียงได้ขึ้นไปยังคีรีเทพ…
‘เจ้าคางคก เจ้ารู้ไหมว่าแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ซ่อนอะไรไว้กันแน่’
หลินสวินอ่อนน้อมถ่อมตนขอคำชี้แนะ ทันใดนั้นเขาก็พบว่าจินตู๋อียังเป็นผู้ที่ราวกับของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง ไม่เพียงแต่วินิจฉัยแยกแยะทุกสรรพสิ่ง รู้จักของล้ำค่าแปลกประหลาดอย่างถ่องแท้ ยังรู้ความลับแห่งบรรพกาลมากมาย เอาไว้ข้างตัวจะต้องเค้นประโยชน์ออกมาได้มากมายเป็นแน่
‘ไม่รู้สิ’
จินตู๋อีพลันตอบอย่างไม่ลังเล ‘แต่ที่ข้าสามารถยืนยันได้คือ แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่เหมือนกับสมัยบรรพกาลแล้ว เกิดอุบัติภัยอันน่าตกตะลึงบางอย่าง มิฉะนั้นพวกเจ้าไม่มีทางมองเห็นมันแน่’
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง ในใจแปลกใจสงสัยยิ่งกว่าเดิม แดนลับอสูรมารอริยะแห่งหนึ่งถึงกับซ่อนอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ นี่มันไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว
วู้ วู้ วู้…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์