รังสีเย็นเยียบบังเกิดขึ้นทันใดแล้วแปรสภาพเป็นจิตกระบี่ ฝ่ายหลังเป็นเงาร่างราวไร้รูป ประหนึ่งเงามืดที่ไม่มีจริง
เร็วเกินไปแล้วจริงๆ จิตกระบี่นี้พุ่งเข้ามาใกล้อีกครั้ง จู่โจมตรงไปยังศีรษะหลินสวิน เหมือนโผล่ขึ้นกลางอากาศ เปลี่ยนแปลงฉับพลันเกินคาดคิด
การโจมตีนี้เรียกได้ว่าเป็นการจู่โจมที่น่าตื่นตะลึง จิตกระบี่ก็ดุดันน่ากลัว หมายจะโจมตีให้โดนในครั้งเดียว หากถูกแทงเข้าย่อมทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณสูญสิ้น ไม่มีทางฟื้นคืนชีวิตมาได้อีก
ชิ้ง!
เวลาดุจเคลื่อนช้าลง จิตกระบี่นั้นยังไม่ทันมาถึง ผมดำปอยหนึ่งของหลินสวินก็ถูกตัดขาด จิตกระบี่ที่เสียดแทงกระดูกทำให้ทั้งร่างของเขาเหมือนตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง
ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หลินสวินส่งเสียงคำรามขุ่น ร่างกายพลันบิดรูป หลบหนีไปจากที่เดิม
นี่คือการใช้พลังขั้นสูงสุดของก้าวย่างชือน้ำแข็งวิธีหนึ่ง!
แต่นี่ยังไม่พอ ต่อให้ทะลวงความเร็วสูงสุดไปแล้ว ก็ยังหนีกระบี่ที่โจมตีมานี้ไม่พ้น จิตกระบี่นั้นสัมผัสไปถึงผิวกระดูกแล้ว
ฝีมือของมือสังหารคนนี้เรียกได้ว่าน่าหวาดหวั่น ทันทีที่ถูกเล็งเป้าก็เหมือนหนอนเกาะติดกระดูก ทั้งดุดันไม่มีใครเทียบ เพียงหลบหนีย่อมไม่เพียงพอ
ชั่วเสี้ยววินาทีนี้หลินสวินประสบกับวิกฤตที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ไม่ว่าจะใช้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ หรือเพลงดาบวัฏจักรฟ้าก็สายไปแล้ว
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ โอกาสสังหารที่มือสังหารเลือกนั้นแม่นยำเกินไป ลอบโจมตีหลินสวินที่กำลังนั่งสมาธิจากข้างหลัง ทำให้เขาไม่สามารถรับมือตรงๆ ได้
ตูม!
ก็เห็นว่าหลินสวินไม่หลบหนีอีก แต่ในชั่วเสี้ยววินาทีนี้ หลังของเขาราวมังกรตัวใหญ่ ชูคอพุ่งทะยาน กระแทกตัวขึ้นอย่างรุนแรง!
ปะทะฟู่ซี่!
วิชาลับร่างที่สองของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร!
สันหลังราวมังกรใหญ่ ควบรวมพลังทั้งร่างแล้วปะทุออกไปโดยพลันในเวลานี้ ก็เห็นว่าเบื้องหลังของหลินสวิน ราวกับมีเงาร่างมังกรฟู่ซี่ตัวหนึ่งปรากฏขึ้น หัวมังกร ร่างเต่า หางกิเลน กรงเล็บหงส์ไฟ เกล็ดที่ปกคลุมราวหลอมขึ้นจากหินเหล็กกล้า พลานุภาพเหลือคนา
ในยุคบรรพกาล ภายใต้การปะทะของมังกรฟู่ซี่ ก็เพียงพอทำให้เสาค้ำสวรรค์ทรุดลง สรรพสิ่งถูกทำลายย่อยยับ
และเวลานี้วิชาลับนี้ก็ถูกหลินสวินสำแดงออกมาโดยพลันในช่วงเวลาคับขัน ก็เห็นว่าฟู่ซี่ตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากหลัง ชนเข้ากับจิตกระบี่นั้น
โครม!
เสียงปะทะน่าหวั่นกลัวดังขึ้น เงาร่างเทพของฟู่ซี่ระเบิดเป็นเสี่ยง แต่กลับทำให้หลินสวินหลบการโจมตีนี้ได้อย่างระทึกใจหาใดเปรียบ ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้หลินสวินได้รับบาดเจ็บ หลังศีรษะมีบาดแผลหนึ่งแห่ง แทบทะลุไปถึงกะโหลก!
เลือดไหลอย่างรวดเร็ว ย้อมเส้นผมเขาเป็นสีแดง
ต่อให้พลังที่แท้จริงของหลินสวินจะเย้ยฟ้าแค่ไหน หากศีรษะถูกเจาะทะลุก็ไม่มีทางรอดได้แน่ แต่ตอนนี้แม้โชคดีพ้นเคราะห์มรณะได้ครั้งหนึ่ง แต่กลับทำให้หลินสวินคับแค้นใจแทบคลั่ง
ตั้งแต่เขาฝึกปราณมายังไม่เคยเสียท่ามากขนาดนี้ แทบจะถูกคนอื่นแทงทะลุสมองแล้ว!
ชิ้ง!
ดาบหักพาดข้ามห้วงอากาศ ฟันไปอย่างเดือดดาล
เพียงแต่เวลานี้เสียงถอนใจเบาๆ ดังขึ้นเหมือนเสียดายอยู่บ้าง ต่อมาในห้องก็ไม่เห็นเงาร่างราวมายานั้นอีก
โครม!
หลินสวินจะยอมได้อย่างไร เขาพุ่งออกจากห้อง มองไปรอบทิศ กลับเห็นแต่ทะเลกลืนวิญญาณกว้างใหญ่ ยานสำเภาเงียบเชียบ จะยังมีเงาของศัตรูอีกหรือ
นี่ทำให้หลินสวินอึดอัดใจ สีหน้าเย็นเยียบจนน่ากลัว ตั้งแต่เริ่มจนจบ ขนาดศัตรูก็มองไม่เห็น นี่ช่างเป็นการหยามเหยียด!
“หลินสวิน เกิดอะไรขึ้นหรือ”
แม้การเคลื่อนไหวตรงนี้จะไม่ใหญ่โตนัก แต่อย่างไรเสียก็อยู่บนยานสำเภา ไม่นานก็ทำให้จ้าวจิ่งเซวียนตกใจ เงาร่างนางหายตัวอย่างว่องไวมาปรากฏตัวข้างกายหลินสวิน
เมื่อเห็นว่าศีรษะกับคอของเด็กหนุ่มกำลังเลือดไหล หน้านางพลันเปลี่ยนเป็นอึมครึม ดวงตากระจ่างฉายจิตสังหารหนาแน่น “มีคนลอบสังหารเจ้าหรือ”
หลินสวินส่งเสียงอืม
เวลานี้พวกเซียวหรัน อวิ๋นเช่อ ซูซิงเฟิงและเหวินเสียงก็ล้วนตื่นตระหนก พากันปรากฏกายขึ้น ขนาดกงหยางอวี่ก็มาด้วย
เมื่อได้รู้ว่าหลินสวินถูกลอบสังหารในห้อง ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณล้วนแสดงสีหน้าตกใจ เหมือนคาดไม่ถึง
ยานสำเภานี้เป็นอาณาเขตของพวกเขา ถูกผู้เฒ่าเกาหยางควบคุมอยู่ ศัตรูที่ไหนจะแทรกซึมเข้ามาอย่างไร้เสียงได้
หลินสวินสูดลมหายใจลึก เก็บกลั้นความขัดเคืองในใจ สายตาเริ่มกวาดไปยังพวกเซียวหรันอย่างไม่ทิ้งร่อยรอยไว้ทีละคน
มือสังหารสามารถปรากฏตัวบนยานสำเภา แทรกซึมเข้ามาในห้องของเขาได้ ทำให้หลินสวินสงสัยว่าศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณหมายปองร้ายตน
เห็นได้ชัดว่าจ้าวจิ่งเซวียนก็รับรู้ได้ถึงจุดนี้ ดวงตากระจ่างเย็นเยียบ กวาดมองพวกเซียวหรันแล้วพูดว่า “ไม่คิดว่าจะมีคนทนผู้ติดตามข้างกายข้าคนหนึ่งไม่ได้!”
“ศิษย์น้องจ้าว นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร หรือเจ้าสงสัยว่าในหมู่พวกเรามีคนลงมือกับเจ้าหนูนี่หรือ” ซูซิงเฟิงเอ่ยอย่างไม่พอใจ เขาพบว่าสายตาของจ้าวจิ่งเซวียนจับสังเกตมาที่เขาโดยตลอด นี่ทำให้เขาอึดอัดนัก
“หรือท่านคิดว่ายังมีศัตรูภายนอกสามารถแทรกซึมเข้ามาในยานสำเภานี้ได้เล่า” จ้าวจิ่งเซวียนย้อนถาม
“นั่นก็ไม่แน่” ซูซิงเฟิงสีหน้าเรียบเฉย
“ศิษย์พี่จ้าว นี่ท่านปรักปรำศิษย์พี่ซูแล้วนะ เมื่อครู่เขากับข้ากำลังคุยกัน จะมีโอกาสไปฆ่าคนได้อย่างไร” เหวินเสียงพูดเสียงใส
“หึ!” จ้าวจิ่งเซวียนพูดอย่างเย็นชา “ก็ไม่แน่ว่าเป็นเจ้าสองคนร่วมกันลงมือ!”
เหวินเสียงพลันโอดครวญ ทำหน้าตาอดสู
แต่ซูซิงเฟิงกลับสีหน้าเย็นชาราวน้ำแข็ง พูดเสียงขรึมว่า “ศิษย์น้องจ้าว เจ้านี่ออกจะพูดอะไรเลอะเทอะเสียแล้ว หากข้าอยากฆ่าเจ้าหนูนี่ เช่นนั้นก็ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ให้ยุ่งยากมากความหรอก!”
“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว ย่อมต้องตามหาผู้ร้ายที่ซ่อนอยู่หลังม่าน แต่ก่อนจะทำเช่นนี้ทุกท่านอย่าเพิ่งสงสัยไปทั่ว จะกลายเป็นปรักปรำคนดีแทน”
เซียวหรันเอ่ยปากแล้ว เสียงอ่อนโยนเนิบนาบ
“ต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว บนยานสำเภาถึงกับมีมือสังหารปรากฏตัว สำหรับพวกเราแล้วก็ถือเป็นคำเตือนอย่างหนึ่งว่าไม่อาจเผลอเรอได้”
กงหยางอวี่พยักหน้าเออออ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์